บทที่ 8 จังหวะตกหลุมรัก
“รุ่นพี่...”
“เป็นอะไรหรือเปล่า? พวกมันทำร้ายอะไรเธอตรงไหนอีกไหมวะ” พี่ฌอนเดินเข้ามาจับไหล่ฉันหมุนซ้ายหมุนขวาอย่างตรวจเช็กสภาพ แววตาห่วงใยกวาดมองไปทั่วร่างก่อนตวัดขึ้นมาสบตากันอีกครั้ง “เวรเอ๊ย... มันตบเธอปากแตกเลย น่าจะตามไปกระทืบแม่งอีกรอบ เธอจำหน้ามันได้ใช่ไหมวะ?”
ตึกตัก... ตึกตัก...
ฉันแทบไม่ได้ฟังสิ่งที่เขาพูดเลย อยู่ ๆ หูมันอื้อไปชั่วขณะ สายตาพร่าเบลอมองเห็นเพียงใบหน้าหล่อ ๆ ของเขาเท่านั้น ได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรงของตัวเองดังกระหน่ำไม่หยุด ยามปลายนิ้วอบอุ่นเกลี่ยเช็ดรอยเลือดตรงมุมปากให้กันอย่างอ่อนโยน หัวใจฉันมันยิ่งเต้นระรัว ความร้อนแล่นวาบไปทั่วใบหน้า
ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงมีอิทธิพลต่อฉันขนาดนี้กันนะ... เขาทั้งเท่... ทั้งอบอุ่น... ทั้งอ่อนโยนซะจนฉันไม่เป็นตัวของตัวเองเลย
หัวใจมันเต้นระรัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งที่รอบตัวฉันมีแต่พวกผู้ชายแต่กลับไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับผู้ชายคนไหน พี่ฌอนเป็นคนแรกเลยจริง ๆ ที่ทำให้ฉันมีความรู้สึกกับเขาได้รุนแรงขนาดนี้
หรือว่านี่มันคืออาการของคนกำลังตกหลุมรักกันนะ?
“อ้าว เงียบเลย เป็นไรป่ะเนี่ย ไปขึ้นรถฉันก่อน เดี๋ยวพาไปส่งบ้าน” พี่ฌอนโบกมือตรงหน้าฉันไปมาเมื่อเห็นว่าฉันมัวแต่เหม่อมองหน้าเขา ฉันรีบก้มหน้าลงก่อนเบิกตากว้าง
“เฮ้ย!” เผลอตัวอุทานออกมาดังลั่น สองมือยกขึ้นตะครุบปากเงยหน้ามองพี่ฌอนด้วยความตกใจ พอเห็นว่าเขาทำท่าจะก้มหน้ามองพื้นตาม ฉันรีบประกบสองมือลงใบหน้าหล่อ ๆ แล้วจับเงยขึ้นจนแทบจะกลายเป็นผลักหน้าเขาเลย
“โอ๊ย... เธอทำอะไรเนี่ย ฉันเจ็บนะ!” พี่ฌอนร้องโวยวายพยายามเบี่ยงหน้าหนีมือฉัน ส่งผลให้ร่างกายเราใกล้ชิดกันโดยอัตโนมัติ ฉันอยากจะกรีดร้องออกมาดัง ๆ ทำไมถึงเพิ่งรู้ตัวว่าเมื่อกี้เผลอทิ้งถุงลงพื้นกันนะ แล้วไอ้ของที่อยู่ภายในถุงมันก็กระเด็นออกมาบนพื้น นอนแผ่หลาอวดความสวยของห่อสีชมพู๋ชมพูแบบมีปีกและบางเบาอย่างท้าทายสายตาเลยด้วย โอ๊ยยยย! น่าอายไปอี๊ก!
“ระ รุ่นพี่อย่าเพิ่งมองนะ! ปิดตาไปเลยยิ่งดี” ว่าแล้วฉันก็เลื่อนมือขึ้นปิดตาเขา คนสูงกว่าเบี่ยงหน้าหนีอีกครั้งพยายามยกมือขึ้นปัดมือฉันออก แต่ฉันไม่ยอมปล่อยง่าย ๆ รีบใช้เท้าเขี่ยห่อผ้าอนามัยสีชมพูเข้าถุงด้วยความรวดเร็ว
“อะไรของเธอวะ มาปิดตาฉันทำไมเนี่ย นี่คนอุตส่าห์มาช่วยนะ ปล่อยสิโว้ย!” เหมือนเขาเริ่มจะหงุดหงิดที่พยายามปัดมือฉันกี่ทีก็ไม่หลุด คงไม่คิดว่าผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แลดูบอบบางอย่างฉันจะมีแรงเยอะขนาดล็อกใบหน้าเขาไว้ได้สินะ... เหอะ ๆ ดูถูกสวยเกินไปแล้ว
“แป๊บนึง ขอเคลียร์ตรงนี้ก่อน” ฉันว่าขณะก้มหน้าก้มตาเขี่ยห่อสีชมพูนั่นจนมันเข้าถุงไปในที่สุด ถอนหายใจออกมาแรง ๆ อย่างโล่งอก แล้วผ่อนแรงตรงมือเพื่อจะปล่อย ทว่าเป็นจังหวะเดียวกับพี่ฌอนกระชากข้อมือฉันดึงเข้าหาตัวเขาพอดี “อ๊ะ!”
จังหวะนรกที่สุด...
ร่างของฉันถลาเข้าหาร่างสูงโดยไม่ทันตั้งตัว ความอบอุ่นของวงแขนพาดผ่านรอบเอวบางพร้อมกับลมหายใจกรุ่นร้อนเป่ารดข้างแก้ม ฉันเงยหน้ามองเจ้าของการกระทำนั้นก่อนจะนิ่งค้างไป
ดวงตาคมเข้มติดจะหงุดหงิดจับจ้องในระยะประชิด ฉันแทบจะหยุดหายใจในตอนที่ดวงตาคู่นั้นเลื่อนลงมาหยุดตรงริมฝีปากตัวเอง เดาไม่ถูกว่าพี่ฌอนกำลังคิดอะไรอยู่ เขาเม้มปากอย่างขัดใจบางอย่างก่อนจะปล่อยตัวฉันแล้วถอยออกห่างสองสามก้าว
“ฉันจะไปรอที่รถ เก็บของแล้วรีบตามมา”
“ไม่เป็นไร รุ่นพี่กลับไปเถอะ อีกไม่กี่ซอยก็ถึงบ้านแล้ว ฉันเดินต่อเองได้” ฉันนั่งลงเก็บของที่กระจัดกระจายบนพื้นก่อนจะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ชะงักเล็กน้อยตอนสบตากับคนตัวสูงกว่าที่ยืนอยู่ไม่ไกลกัน สีหน้าเขาดูหงุดหงิดกว่าเมื่อกี้นี้อีก
“ปกติเธอดื้อแบบนี้ป่ะ?”
“ก็ปกตินี่ ทำไมเหรอ?” ฉันตอบกลับแบบมึน ๆ ไม่เข้าใจว่าเขาจะถามถึงเรื่องนี้ทำไม แล้วนี่ฉันก็ไม่ได้ดื้ออะไรเลยด้วยนะ
“สมแล้วที่เป็นน้องไอ้แฝดนรกนั่น ยีนส์เดียวกันจริง ๆ”
“โห ด่ากันยังไม่โกรธเท่าเอาไปเปรียบกับพวกพี่แฝดเลยนะ” ฉันบ่นอุบอิบ พี่ฌอนเดินกลับมาแล้วจับข้อมือฉันอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร เขาลากฉันไปทางรถของเขาซึ่งจอดอยู่ริมถนนอีกฝั่ง
อ้อ... เขากำลังจะกลับบ้านพอดีสินะ
“จำหน้าพวกมันได้ใช่ไหม?” เขาถามหลังจากฉันยอมให้เขามาส่งที่บ้าน ซึ่งขับต่อจริง ๆ ไม่ถึงหนึ่งนาทีหรอก แต่มันเสียเวลาตรงต้องหาที่เลี้ยวเพื่อกลับรถนี่แหละ
“อื้อ จำได้แม่นเลยล่ะ เหมือนจะเป็นพวกแง๊นหน้าตลาด”
“รู้จัก?”
“เปล่า เดาน่ะ”
พี่ฌอนหันมองฉันเล็กน้อย จากนั้นไม่ถึงสองนาทีรถหรูมาหยุดจอดหน้าอู่ ฉันบอกขอบคุณเขาแล้วเตรียมจะเดินเข้าบ้าน แต่พี่ฌอนกลับเดินตามเข้ามาด้วยซะงั้น
“รุ่นพี่ไม่กลับบ้านเหรอ?”
“ยัง รอคุยกับพ่อเธอก่อน”
“พ่อไม่อยู่ ไปบ้านลุงกลับพรุ่งนี้”
“งั้นรอเจอพี่ธันย์ก่อน” ฉันขมวดคิ้ว หยุดมองคนตัวสูงกว่า
“พี่ธันย์ค้างที่หอ กลับวันศุกร์”
เราหยุดคุยกันหน้าบ้าน จังหวะพวกพี่แฝดเดินออกมาเจอพอดี ฉันจึงไม่ได้พูดอะไรกับพี่ฌอนต่อ หันมองพี่แฝดก็เห็นพวกเขาทำหน้าตกใจก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นถมึงทึงทันที
“เกิดอะไรขึ้นวะสวย?” พี่สิงห์เดินเข้ามาจับปลายคางฉันแล้วจ้องตรงมุมปากด้วยสายตาดำมืดที่นาน ๆ จะได้เห็นสักครั้ง
“ใครทำ?” พี่ตุลย์ไม่ได้เดินเข้ามาหาฉัน แต่ใช้สายตาคมกริบกดดันเอาคำตอบ
“พวกแง๊นที่ไหนไม่รู้อ่ะ มันจะปล้นสวย”
“พวกแง๊น? กี่คน?”
“สอง”
“แค่สอง? แล้วทำไมไม่สู้วะ? แค่สองคน ปกติล้มได้ง่าย ๆ ไม่ใช่เหรอ ทำไมปล่อยให้มันทำขนาดนี้?” แรงบีบจากปลายคางทำฉันเบ้หน้าหน่อย ๆ และเหมือนคนข้าง ๆ จะมองออก เขาช่วยปัดมือพี่สิงห์ออกให้ เรียกสายตาจากพวกพี่แฝดทันที
อ่า... นี่พี่ฌอนกำลังปกป้องฉันอยู่หรือเปล่านะ










































































