บทที่ 9 ตึกตัก... หัวใจเต้น
“ไหนว่ากลับบ้านแล้ว?”
พวกพี่แฝดมองไปทางพี่ฌอนราวกับว่าเพิ่งสังเกตเห็นเขา
“เออ กำลังกลับ แต่เจอน้องพวกมึงกำลังถูกไอ้สองตัวนั่นทำร้ายอยู่ก็เลยลงไปช่วย” พี่ฌอนตอบด้วยน้ำเสียงโทนปกติ
“ช่วย?” พี่สิงห์เลิกคิ้วสูงมองมาที่ฉัน สีหน้าเขาดูประหลาดใจมาก
เออ ยอมรับก็ได้ว่าฉันมันถึกมันทน ระดับไอ้แง๊น ๆ สองตัวนั้นอ่ะ ลำพังฉันคนเดียวสู้พวกมันได้อยู่แล้วล่ะ เห็นอย่างนี้ฉันเป็นเทควันโดสายน้ำตาลเลยนะ สมัยเรียนมัธยมฉันเคยอยู่ชมรมเทควันโดมาก่อน ผู้ชายสูงสองฟุตฉันยังเคยล้มมาแล้วเลย
แต่คือ... ยังไงดีอ่ะ ฉันก็เป็นผู้หญิงไหมบางที มันก็ต้องมีมุมที่อ่อนแอบ้างอะไรบ้าง อย่างเช่นวันนี้ไง ฉันรู้สึกมึนหัว ไม่ค่อยสบายตัว ไม่มีแรงจะไปสู้อะไรกับพวกนั้น ก็เลยยอม ๆ มันไปให้จบเรื่องแล้วค่อยตามไปคิดบัญชีทีหลังเมื่อร่างกายพร้อมรบกว่านี้ แต่ไม่คิดว่าพี่ฌอนจะผ่านมาเจอแล้วช่วยไว้พอดีไง
“แล้วจำหน้าพวกมันได้ไหม?” พี่ตุลย์ถามด้วยสีหน้าโคตรนิ่ง ปกติเขาเป็นคนหน้าตายอยู่ล่ะ พอบวกกับแววตาดุดันมันยิ่งดูน่าขนลุกเข้าไปใหญ่
“...” ฉันเหลือบมองไปทางพี่ฌอนเล็กน้อย สบตาเข้ากับเขาที่กำลังมองอยู่พอดี
ตึกตักตึกตัก
อ่า... แค่สบตาหัวใจก็เต้นรัวอีกแล้ว เป็นบ้าไรเนี่ยไอ้สวย!
“อ้าวเฮ้ย ถามก็ตอบสิ เหม่อไรวะ”
“หะ... อ้อ เอ่อ... จะ จำไม่ได้” ฉันดึงสายตากลับมาหาพวกพี่แฝด อึกอักตอบ เรียกสายตาสงสัยจากพี่ฌอน ก็แน่ล่ะ เพราะก่อนหน้านี้ฉันบอกเขาว่าจำหน้าพวกมันได้ แต่ตอนนี้กลับบอกว่าจำไม่ได้ ไม่สงสัยก็แปลกล่ะ
คือเอาจริง ๆ ฉันแค่อยากไปจัดการพวกมันเองน่ะ มันตบหน้าฉันขนาดนี้ ฉันก็อยากเอาคืนด้วยตัวเองไง ไม่อยากให้พวกพี่แฝดชิงตัดหน้าซะก่อน เพราะถ้าถึงมือสองคนนี้ละก็... ฉันอาจหาตัวพวกมันไม่เจอสักสองสามเดือนเลยทีเดียว
“อะไรวะ แล้วมึงอ่ะ จำหน้าพวกมันได้ไหม กูจะตามไปขยี้หน้าแม่งให้” พี่สิงห์หันไปถามพี่ฌอนบ้าง คนถูกถามจ้องหน้าฉันนิด ๆ ก่อนส่ายหน้า เรียกเสียงสบถอย่างหงุดหงิดจากคนถามทันที “งั้นเดี๋ยวกูมา”
“พี่จะไปไหน?”
“ไปเช็คกล้องวงจรปิดหน้าปากซอย”
“โอ้โห... นี่พี่ห่วงสวยขนาดนี้เลยเหรอ?” ฉันทำหน้าซึ้งใส่พี่ชาย
“เปล่า แค่กำลังคันตีนอยู่พอดี ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ออกกำลังเลยจะหาไรทำสักหน่อย ไงไอ้ตุลย์... มึงเอาด้วยไหม?”
“เออ ว่างพอดี”
ความซึ้งของฉันหายวับภายในห้าวินาทีไปกับคำตอบยักไหล่ของพวกพี่ชายที่แสนดีทั้งสอง เหอะ... โคตรรักน้องอ่ะพูดเลย!
ฉันมองตามหลังพวกพี่แฝดก่อนจะมองไปทางร่างสูงอีกคนที่เดินตามพวกเขาไปเช่นกัน สองมือยกขึ้นกุมหัวใจเหนืออกข้างซ้ายของตัวเองพลางถอนหายใจออกมาแรง ๆ
“ปกติฉันเป็นคนใจ (เต้น) ง่ายแบบนี้ไหมวะ... แปลก”
เช้าวันถัดมา ฉันมาเรียนตามปกติ วันนี้มาเอง ไคโรมันหายหัวไปไหนไม่รู้ ติดต่อไม่ได้ สงสัยตายห่าไปล่ะ
“อ้าวไอ้สวย หน้ามึงไปโดนไรมาวะ?!”
เดินเข้ามาในห้องยังไม่ทันจะหย่อนก้นนั่ง เสียงไปป์มันก็เผือกขึ้นมาเลย ส่งผลให้เพื่อนคนอื่นหันมองอย่างสนใจ ฉันรีบยกหนังสือขึ้นปิดปากตัวเองพลางส่งสายตาอาฆาตไปทางไอ้คนขี้เผือก
“จะเสือกก็ไม่ว่านะ แต่แหกปากเพื่อ?”
“เออ ๆ โทษที กูตกใจมากไปหน่อย” มันเดินมาพิงสะโพกกับโต๊ะข้าง ๆ ฉัน ร่างสูงก้มลงมาใกล้เหมือนอยากจะจ้องมุมปากกันชัด ๆ ความจริงมันก็ไม่ได้ช้ำอะไรหรอก แต่เพราะฉันเป็นคนขาวมาก แค่รอยยุงกัดนิดเดียวก็เห็นรอยแดงแล้วอ่ะ นับประสาอะไรกับรอยโดนตบ “เชี่ย... นี่โดนใครต่อยมาวะ?”
“โดนตบต่างหาก” ฉันดันหน้าไอ้ไปป์ออกห่างแล้วกลับมาสนใจหนังสือบนโต๊ะต่อ
“ใครตบมึงวะ?!” นี่ไม่ใช่เสียงของไอ้คนข้างฉัน แต่มันดังมาจากหน้าประตูห้อง ก่อนจะตามมาด้วยร่างสูงของไคโรที่เดินหน้าตึงเข้ามา
“หายหัวไปเลยนะมึง นึกว่าตายห่าไปล่ะ”
“ถามก็ตอบดิ อย่าเปลี่ยนเรื่อง ใครตบมึงวะสวย?” ไคโรนั่งลงข้าง ๆ สีหน้ามันดุดันผิดไปจากปกติ ฉันทำเมินไม่สนใจจะตอบ ทว่ากลับถูกมือหนาคว้าปลายคางแล้วบังคับให้หันไปหามัน “กูถามว่าใคร?”
“เออ ๆ ตอบแล้ว” ฉันปัดมือมันออกพลางบุ้ยหน้าใส่ ก็แค่โดนตบไหมล่ะ จะซักไซ้อะไรกันนักหนาก็ไม่รู้ “พวกแง๊นแถวบ้าน เมื่อคืนมันจะปล้นกู”
“เชี่ย... แล้วทำไมมึงปล่อยให้มันตบได้วะ?” คำถามเดียวกันกับพี่สิงห์ถูกถามขึ้นอีกครั้งด้วยสีหน้าแปลกใจของไอ้ไปป์ บอกแล้วไงว่าลำพังไอ้แง๊นสองตัวนั้นฉันจัดการได้อยู่แล้ว พวกนี้ถึงได้แปลกใจกันไงว่าทำไมฉันถึงพลาด “จำหน้ามันได้ไหม ตามไปจัดแม่งดิ๊”
“เออ กระทืบหน้าแม่งให้ยับ”
“ใจเย็นมึง พวกพี่แฝดไปจัดให้กูแล้ว” ฉันปรามเพื่อนรักทั้งสองที่กำลังหักนิ้วดังเปร๊าะ ๆ ก่อนจะนึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ “เออพวกมึง กูถามไรหน่อยดิ”
“ว่า?”
ไคโรหยิบหนังสือออกจากเป้แล้ววางลงบนโต๊ะ ส่วนไปป์นั่งควงปากกาในมือเล่นถัดจากไคโรอีกที ฉันมองพวกมันอย่างชั่งใจเล็กน้อย ไม่รู้ว่าควรปรึกษาเรื่องนี้กับพวกมันไหม แต่ฉันก็ไม่มีเพื่อนคนอื่นแล้วไง ก็มีแต่พวกมันสองตัวนี่แหละ
“พวกมึงเคย... รู้สึกใจเต้นแรงกับใครสักคนไหม?”
แกร๊ก!
“ฉิบหาย... อย่าบอกนะว่ามึงเคยแล้ว?” ปากกาในมือไอ้ไปป์หล่นลงบนโต๊ะ แต่มันกลับไม่สนใจจะเก็บ มันจ้องหน้าฉันอย่างคาดคั้นกัน ขณะที่ไคโรทำเพียงมองฉันนิ่ง ๆ
“กูถามให้พวกมึงตอบ ไม่ใช่ให้ถามกลับ”
“มึงก็ตอบมาก่อนดิว่าถามเรื่องนี้ทำไม หรือว่ามีใครทำให้มึงหัวใจเต้นแล้ว? แม่งเป็นใครวะถึงทำให้ทอมอย่างมึงใจเต้นได้”
“ไปป์ กูไม่ใช่ทอมไหม มึงอย่านอกเรื่องสิห่า ตอบกูก่อน”
“เออ ๆ แหมมึง มันก็ทฤษฎีง่าย ๆ ไหมวะ ถ้ามึงอยู่ใกล้ใครหรือสบตาใครแล้วหัวใจมึงเต้นแรงกว่าปกติ แสดงว่ามึงรู้สึกพิเศษกับคนคนนั้นไง” มันหยิบปากกาขึ้นมาควงเล่นใหม่ ขณะที่ฉันนิ่งฟังคำตอบของมันอย่างตั้งใจและพยายามคิดตาม
“หมายความว่ายังไงวะ?”
“โธ่ไอ้สวย... มึงใจเต้นก็เพราะว่ามึงชอบเขาไง มึงรู้สึกพิเศษกับเขา มึง-ชอบ-เขา ชัด?”
เออ... โคตรชัดเลย!










































































