บทที่ 3 ให้เลือด

[บทบรรยาย เฌอแตม]

โรงพยาบาล H

Rrr…

เสียงเรียกเข้าดังจากกระเป๋าเสื้อนักเรียน ฉันหยิบมันออกมากดรับสายโดยที่ยังนอนหลับตานิ่งบนเตียงพยาบาล แขนข้างที่ถูกเข็มเจาะเพื่อถ่ายเลือดวางราบบนที่นอน ฝ่ามือบีบลูกยางเบา ๆ แล้วคลายออก

‘ฮัลโหล’

[นางฟ้าตัวน้อยของพี่ชายยย] เสียงหวานน่าขนลุกจากปลายสายทำฉันกลอกตาอย่างเหนื่อยใจ

‘อะไรอีกล่ะพี่ ถ้าจะโทรมาโรคจิตใส่ก็วางไปเลยนะ เฌอไม่ว่าง’

[โหย เย็นชากับพี่อีกแล้วนะหนูเฌอ] ‘พี่ฌอน’ ทำเสียงกระเง้ากระงอดใส่ บอกไปจะเชื่อไหมว่าผู้ชายปลายสายที่อายุมากกว่าฉันถึงสองปีคนนี้คือพี่ชายแท้ ๆ ของฉันน่ะ

‘วางนะ’

[เฮ้ยเดี๋ยว ๆ อย่าใจร้ายกับพี่ชายนักสิคะ ใจพี่บอบบางมากนะไม่รู้เหรอ]

‘ลีลาอ่ะ จะวางแล้ว’ ฉันตัดบทอย่างรำคาญ

[โอเค ๆ พูดแล้ว ๆ] พี่ฌอนทำเสียงจิ๊จ๊ะแล้วพูดต่อ [พ่อแม่ให้โทรตาม รีบกลับมาตอนนี้เลยนะ]

ฉันเหลือบมองนาฬิกาฝาผนัง ตอนนี้สามโมงเย็นแล้ว ทำไมพ่อกับแม่กลับมาเร็วจัง ‘ตอนนี้เลยเหรอ ไม่ใช่ห้าโมงเย็นหรือไง’

[ไม่ ๆ วันนี้พ่อกลับบ้านเร็วก็เลยเปลี่ยนเวลาน่ะสิ แล้วตอนนี้หนูเฌออยู่ไหน ให้พี่ชายไปรับไหมครับคนดี] ฉันเบ้หน้าใส่น้ำเสียงชวนขนลุกของปลายสาย

‘ไม่จำเป็นค่ะ อีกครึ่งชั่วโมงถึง’

ฉันตัดสายแล้วเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าเสื้อนักเรียนเช่นเดิม เป็นจังหวะเดียวกับคุณพยาบาลเดินเข้ามาในห้องพอดี เธอถอดเข็มที่แขนออกให้ฉันแล้วแปะสำลีให้โดยไม่ลืมยื่นยาบำรุงเลือดให้พร้อมน้ำดื่ม หลังจากรับมาทานเสร็จฉันก็ลุกขึ้นนั่งเพื่อเตรียมตัวกลับ คุณพยาบาลรีบเดินเข้ามาจับแขนฉันทันที

‘คุณจะกลับแล้วเหรอคะ ฉันคิดว่าคุณควรจะนอนพักสักครึ่งชั่วโมงก่อนนะคะ เลือดที่เรารับจากคุณมาจัดอยู่ในปริมาณที่มากพอสมควร อาจส่งผลให้มีอาการเวียนหัวหน้ามืดได้นะ คุณควรจะนอนพักสักหน่อยนะคะ’

‘ฉันไม่เป็นไรค่ะ พอดีมีธุระต่อ ไม่ต้องนอนพักหรอกค่ะ’

ไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้นะว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไรหลังบริจาคเลือดเสร็จ ฉันเคยบริจาคเลือดมาแล้วหลายครั้งนับตั้งแต่อายุครบสิบแปดปีเต็มมาน่ะ ด้วยเพราะกรุ๊ปเลือดของฉันหายากมาก เรียกได้ว่า 0.3% ของประชากรไทยเลยก็ว่าได้ กรุ๊ปเลือดของฉันจึงค่อนข้างขาดแคลนในสภากาชาด ครั้งนี้ก็เช่นกัน ฉันมาที่นี่เพื่อให้เลือดกับไลลาน้องสาวของยัยเฟรย์เพื่อนรัก

‘คุณแน่ใจนะคะว่าไม่เป็นอะไรจริง ๆ สีหน้าคุณยังซีดอยู่เลย’

‘ฉันไม่เป็นไรจริง ๆ ค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ’ ฉันคว้ากระเป๋านักเรียนขึ้นสะพายแล้วส่งยิ้มให้คุณพยาบาล ‘ขอตัวนะคะ’

ความจริงจะพูดว่าไม่เป็นอะไรเลยก็คงไม่ถูก ฉันมีอาการเวียนหัวอยู่นิดหน่อย แต่ไม่ได้เป็นอะไรมากเลยไม่อยากนอนพัก อีกอย่างคือต้องรีบกลับบ้านด้วย ไม่อยากให้พ่อกับแม่ต้องรอนาน

‘โทรตามโลกิหรือยังเฟรย์ ทำไมพี่เรายังไม่มาอีกนะ’

ฉันเดินมาตามทางเดินของโรงพยาบาล ตั้งใจจะมาบอกลาเฟรย์ที่นั่งรอฟังอาการของน้องสาวอยู่หน้าห้องผ่าตัดกับคุณป้า เสียงพูดคุยของทั้งคู่ดังเข้ามาในระยะการได้ยิน

‘เฟรย์โทรตามแล้วค่ะ เมื่อคืนพี่คงดื่มหนักอีกแล้วแน่ ๆ ป่านนี้เพิ่งจะตื่นเองมั้งคะ’

‘เฮ้อ ให้มันได้อย่างนี้สิลูกชายฉัน’

ฉันเดินมาถึงหน้าห้องผ่าตัดเป็นจังหวะที่เฟรย์หันมาเห็นพอดี ยัยนั่นรีบวิ่งเข้ามาหาด้วยสีหน้าห่วงใย คุณป้าก็เช่นกัน ท่านเข้ามาจับเนื้อจับตัวฉันก่อนจะหยุดลงที่สำลีตรงช่วงแขน

‘เจ็บไหมลูก ป้าไม่รู้จะขอบคุณหนูยังไงดีเลย ครอบครัวเราเป็นหนี้บุญคุณหนูครั้งใหญ่จริง ๆ หนูเฌอ’

‘โธ่ อย่าพูดอย่างนั้นเลยค่ะคุณป้า หนูเต็มใจและดีใจมากนะคะที่เลือดของหนูสามารถช่วยไลลาได้’ ฉันกุมมือคุณป้าแล้วยิ้มให้

‘แล้วนี่ทำไมแกถึงออกมาก่อนเวลาล่ะ ไม่นอนพักก่อนเหรอ’

‘อ้อ พอดีฉันต้องรีบกลับบ้านน่ะ’

‘อ้าว ทำไมต้องรีบขนาดนี้ แกเพิ่งเสียเลือดไปตั้งเยอะนะเฌอ’ เฟรย์เงียบไปแล้วขมวดคิ้วพูดต่อ ‘หรือว่าแกไม่ได้บอกคุณพ่อคุณแม่เรื่องที่มาให้เลือดกับไลลาน่ะ’

‘ฉันไม่อยากให้พ่อแม่เป็นห่วงน่ะสิ ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวกลับไปค่อยบอกก็ได้’

‘โอ๊ยแกเนี่ยนะ ชอบทำให้ห่วงตลอดเลย งั้นเดี๋ยวฉันไปส่ง’ เฟรย์ทำท่าจะเดินกลับไปหยิบกระเป๋าแต่ฉันคว้าแขนมันไว้

‘ไม่ต้อง ๆ แกอยู่นี่เป็นเพื่อนคุณป้าแหละ ฉันกลับเองได้น่า แค่เดินลงไปโบกแท็กซี่ก็ถึงบ้านฉันละ’

‘แต่ว่า…’ ยัยนั่นทำหน้าลำบากใจทันที

‘เออน่า เชื่อฉันสิ ฉันสตรองจะตาย’ ฉันยิ้มให้เพื่อนรักคลายความกังวล ‘เดี๋ยวกลับถึงบ้านแล้วจะรีบไลน์บอก โอเคป่ะ’

‘อือ ๆ ก็ได้… เฌอ ฉันขอบใจแกมากจริง ๆ นะ’ อยู่ ๆ ยัยเพื่อนรักก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แถมยังดึงฉันเข้าไปกอดแน่น ปกติเราไม่ค่อยได้ทำอะไรแบบนี้กันหรอกนะ แอบขนลุกหน่อย ๆ แฮะ

‘แกทำฉันขนลุกนะยัยบ้า ปล่อยเลย ๆ’ ฉันผลักหน้าสวย ๆ ของเฟรย์ออกแล้วอมยิ้ม ‘ไม่ต้องคิดมากหรอก น้องแกก็เหมือนน้องฉัน เข้าใจป่ะ ฉันไปแล้ว’

ฉันยกมือไหว้ลาคุณป้าแล้วโบกมือให้เฟรย์ก่อนเดินแยกออกมา พอเดินมาถึงบันไดทางลงอาคารจู่ ๆ อาการเวียนหัวแล่นวาบเข้ามา ฉันค้ำมือจับราวบันไดแน่นขณะใช้อีกมือคลึงขมับเบา ๆ ภาพตรงหน้าพร่าเบลอชั่วขณะ สายตาพร่ามัวก้มมองใครบางคนที่กำลังเดินขึ้นบันไดสวนขึ้นมา ภาพของเขารางเลือนแล้วหมุนเคว้งก่อนจะดับวูบ

พรึ่บ!

ชั่วขณะนั้นฉันรู้สึกว่าร่างกายตัวเองโงนเงนก่อนจะเซไปด้านหน้าตามแรงโน้มถ่วงของโลก ฉันหลับตาแน่นคิดว่าต้องตกบันไดแน่ ๆ แต่เปล่าเลย… ร่างกายของฉันกลับถูกวงแขนแข็งแกร่งรับเอาไว้ สองมือของฉันวางทาบทับลงบนไหล่หนา ใบหน้าซบลงบนไหล่ของคนที่อยู่ต่ำกว่า กลิ่นน้ำหอมของผู้ชายช่วยเรียกสติให้กลับมาอีกครั้ง ก่อนจะตามมาด้วยสัมผัสอบอุ่นและลมหายใจกรุ่นร้อนเป่ารดข้างแก้มจนฉันขนลุกไปทั่วร่าง

‘สาวมอปลายงั้นเหรอ…’

บทก่อนหน้า
บทถัดไป