บทที่ 8 พี่ชายเพื่อน

Coffee & Cake Cafe

“ถ้าไม่เข้าใจตรงไหน หรือยังจำชื่อเมนูไหนไม่ได้ ถามฉันได้เลยนะ ยังไงเราก็เรียนมหาลัยเดียวกันเนอะ” เสียงหวานสดใสดังจากผู้หญิงหน้าตาสะสวย ใบหน้าเรียวได้รูปตัดรับกับดวงตาสวยเฉี่ยว ผมยาวสลวยสีดำสนิทถูกรวบเป็นหางม้าไว้ด้านหลัง เธอมองฉันแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

เธอคนนี้ชื่อ ‘ชมพู’ รับหน้าที่สอนงานให้กับฉัน เราอายุเท่ากันและเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันด้วย ชมพูเรียนมนุษย์อิ้งปีหนึ่ง เธอดูอัธยาศัยดี คล่องแคล่วและทำงานเก่ง ดูเป็นสาวสตรอง ๆ ในแบบที่นาน ๆ ฉันจะได้พบผู้หญิงแบบนี้ที ประกายตาของเธอยามสอนงานให้ฉันดูมุ่งมั่นอย่างแรงกล้ามาก ท่าทางจะเป็นคนจริงจังกับงานน่าดูแฮะ

“เข้าใจแล้ว ขอบคุณนะชมพู”

“โอ๊ย เรียกชมเฉย ๆ ก็ได้นะ” เธอยิ้มให้ฉันอีกแล้ว เป็นคนยิ้มเก่งดีจริง ๆ แต่ก็ถือว่าอยู่ด้วยแล้วไม่น่าอึดอัดดี

“อื้อ งั้นก็เรียกฉันว่าเฌอเหมือนกันนะ” ฉันพยักหน้าขณะก้มอ่านชื่อเมนูเครื่องดื่มและชื่อเค้กต่าง ๆ เพื่อจดจำ วันนี้เริ่มงานวันแรกฉันก็อยากจะจำชื่อเมนูให้ได้ทั้งหมดเร็ว ๆ เวลาที่รับออเดอร์จะได้ไม่ยืนเอ๋อใส่ลูกค้า ถึงแม้ร้านนี้จะเป็นคาเฟ่ขนาดกลาง ๆ แต่ลูกค้าเต็มแทบจะตลอดทั้งวันเลยนะ ส่วนมากก็เป็นพวกนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยฉันและมหาวิทยาลัยข้างเคียงด้วย ร้านเรามีพนักงานประมาณหกคน ชายสามหญิงสาม ผลัดกะกันอยู่ร้านประมาณสามหรือสี่คนตามความเหมาะสม

คาเฟ่นี้เป็นคาเฟ่ญี่ปุ่นสไตล์วินเทจ ที่บอกว่าวินเทจก็เพราะที่นี่มีรูปภาพสวย ๆ ประดับประดาเต็มผนังไปหมด เป็นผลงานการถ่ายภาพของน้องชายเจ้าของร้านซึ่งเป็นหนุ่มหล่อรุ่นพี่มหาวิทยาลัยเดียวกับพวกเรา เขาชื่อ ‘พี่ริว’ หนุ่มหล่อลูกครึ่งญี่ปุ่น ผู้รักการถ่ายภาพเป็นชีวิตจิตใจ ต่างจากพี่สาว ‘พี่เรนนี่’ เจ้าของร้านสุดสวยผู้หลงใหลในวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบสุด ๆ ฉันเคยเจอพี่เรนนี่ตอนสัมภาษณ์งาน เธอเป็นพี่สาวใจดีและพูดเก่งมาก มีแนวคิดที่ค่อนข้างสุดโต่งและชอบคอสเพลย์เป็นที่สุด

“ที่นี่จะมีการแต่งคอสเพลย์คาเฟ่ทุกวันเสาร์นะ คอนเซ็ปแต่ละสัปดาห์พี่เรนนี่จะเป็นคนบอกเราล่วงหน้า ดูเหมือนว่าสัปดาห์นี้เป็นกะของพวกเราทั้งคู่เลยแฮะ อ้อ มีพี่ริวกับพี่เคย์ด้วย” ชมพูหันมองตารางงานบนบอร์ดติดผนังซึ่งมีชื่อกะของพนักงานแต่ละคนเขียนเอาไว้ตามการจัดแจงของพี่เรนนี่เจ้าของร้าน

อ่า… ฉันลืมไปเลยว่าร้านนี้มีการแต่งคอสเพลย์ทุกวันเสาร์ด้วย ถึงจะน่าอายแต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ เพราะตอนสมัครงานพี่เรนนี่ได้บอกฉันไว้ก่อนแล้ว เอาเถอะ… ถือว่าเป็นประสบการณ์อันดีมั้ง?

“เดี๋ยวฉันออกไปเก็บโต๊ะก่อนนะ ฝากเคาน์เตอร์ด้วย”

“อ๊ะเดี๋ยว…” ฉันคว้าแขนชมพูไว้แล้วหันมองถ้วยชามบนโต๊ะว่างริมกระจก วันนี้พนักงานในร้านมีฉันซึ่งเป็นเด็กใหม่กับชมพูและพี่จีนที่กำลังวุ่นทำออเดอร์ให้ลูกค้าอยู่ “ฉันขอไปเก็บเองดีกว่านะ เธออยู่เคาน์เตอร์ช่วยพี่จีนรับลูกค้าเถอะ”

“โอเค งั้นฝากด้วยนะ”

ฉันหยิบถาดกับผ้าเช็ดโต๊ะมาถือแล้วเดินอ้อมออกจากเคาน์เตอร์ พอเดินมาถึงโต๊ะว่างแล้วเก็บถ้วยชามพร้อมกับเช็ดโต๊ะ เสียงเรียกเบา ๆ ก็ดังขึ้นจากโต๊ะถัดไปไม่ไกล ฉันหันมองยัยเพื่อนรักที่นั่งโบกไม้โบกมือมาให้ จึงอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปหา

“บอกให้นั่งเฉย ๆ ไง จะโบกมือเรียกทำไมเนี่ย”

“โอ๊ย ดุจริง งั้นฉันสั่งเค้กเพิ่มก็ได้” เฟรย์มุ่ยหน้าใส่แล้วเปิดเมนู ฉันถอนใจเล็กน้อยแต่ก็หยิบสมุดออเดอร์ขึ้นมาเตรียมจด จังหวะนั้นเสียงกระดิ่งจากประตูกระจกดังขึ้นพอดี ฉันหันไปส่งเสียงต้อนรับตามหน้าที่แต่กลับต้องชะงักค้างมือสบตาเข้ากับดวงตาสีนิลแสนคุ้นเคย

เอ๊ะ… นั่นมันอีตารุ่นพี่วายร้ายนี่… เขามาที่นี่ได้ยังไงกันเนี่ย!

ฉันยืนนิ่งงันจ้องหน้าร่างสูงที่เปิดประตูเข้ามาในร้าน เขาสวมเสื้อช็อปสีเลือดหมูเข้มกับกางเกงยีนสีดำ หน้าตาเหวี่ยง ๆ ในตอนแรกของเขาแปรเปลี่ยนเป็นประหลาดใจทันทีที่เห็นฉัน

บ้าจริง… ทำไมต้องมาเจอเขาที่นี่ด้วยนะ เฮ้อ!

“อ้าว พี่มาแล้วเหรอ”

บรรยากาศแปลก ๆ สลายไปเมื่อเสียงทักจากด้านหลังฉันดังขึ้น ฉันหันมองยัยเพื่อนรักที่นั่งโบกไม้โบกมือไปทางหน้าประตูร้านด้วยสีหน้าดีอกดีใจจึงหันมองตามก็พบว่าโลกิมองข้ามไหล่ฉันไปหายัยนั่นเช่นกัน ก่อนเขาจะเดินตรงเข้ามาหาแล้วหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน และเพราะเขาตัวสูงกว่าฉันมากฉันจึงต้องเงยหน้ามองเขาแทน

“บังเอิญอีกแล้วแฮะ” ริมฝีปากหนาขยับยิ้ม แววตาคมเข้มทอประกายแปลก ๆ ฉันก้าวหลบออกมาเล็กน้อยแล้วหันกลับไปเตรียมรับออเดอร์จากยัยเฟรย์ซึ่งกำลังมองฉันสลับกับโลกิด้วยสีหน้างุนงง

“ทั้งสองคนรู้จักกันเหรอ?”

“ฉันต้องถามแกมากกว่าว่ารู้จักผู้ชายคนนี้ด้วยเหรอ” คิ้วสวยขมวดมุ่นอย่างไม่ค่อยชอบใจ

ยัยเฟรย์ทำหน้าประหลาด ๆ แล้วชี้นิ้วไปทางร่างสูงด้านข้างฉัน “ก็เขาเป็นพี่ชายฉันอ่ะ”

หะ… ว่าไงนะ?

คราวนี้ฉันหันขวับกลับไปมองโลกิอีกรอบ เขายืนล้วงกระเป๋าด้วยท่าทางสบาย ๆ แล้วยกยิ้มมุมปากให้ฉัน สีหน้าแสดงออกชัดเจนว่าสิ่งที่ฉันได้ยินมันไม่ผิดเลยสักนิด และเขาดูจะชอบใจกับสถานการณ์ตอนนี้มากด้วย

ให้ตายสิ… โลกมันกลมจนน่าโมโหอีกแล้ว!

“เออจริงสิ ฉันยังไม่เคยแนะนำทั้งสองคนเลยนี่” ยัยเฟรย์ลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้ามาควงแขนฉัน “นี่พี่โลกิ พี่ชายแท้ ๆ ฉันเอง ส่วนยัยนี่เฌอแตม เพื่อนรักเพื่อนสนิทที่ฉันเคยเล่าให้พี่ฟัง”

“…” ฉันกับโลกิต่างมองหน้ากันเงียบ ๆ ครู่หนึ่ง ก่อนเป็นเขาที่เอ่ยขึ้น “อ้อ อย่างนี้นี่เอง ที่แท้ก็เพื่อนน้องสาว ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการนะ”

อยู่ ๆ โลกิก็ถือวิสาสะคว้ามือที่ถือปากกาเตรียมจดออเดอร์ของฉันไปจับแล้วทำท่าจะจุมพิตหลังมือเป็นการทักทาย แต่ฉันรีบดึงมือกลับเสียก่อน คนฉวยโอกาสยกยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วมองกันด้วยสายตาไม่น่าไว้ใจสุด ๆ

“นี่พี่! หยุดเลยนะ ห้ามจีบเพื่อนฉันเด็ดขาด!” ยัยเฟรย์ตีไหล่พี่ชายตัวเองเป็นเชิงห้ามปราม แต่เขากลับไม่สะทกสะท้าน โลกิยืดตัวตรงแล้วมองฉันด้วยสีหน้าเหมือนวายร้ายในหนังไม่มีผิด

“ไม่จีบหรอก”

“…”

“เพราะจองไว้แล้ว”

“หืม… ว่าไงนะพี่”

ฉันหน้าร้อนเห่อขึ้นมาดื้อ ๆ กับประโยคสุดท้ายที่โลกิจงใจพูดใส่ฉัน ยัยเฟรย์ถามย้ำด้วยความสงสัยทันที ฉันรีบจับแขนมันเพื่อเบนความสนใจ ไม่ใช่อะไรหรอก ฉันแค่ไม่อยากให้ยัยนี่รู้เรื่องที่เขา เอ่อ… เคยจูบฉันน่ะ

“เดี๋ยวฉันให้ชมพูมารับออเดอร์นะ พอดีฉันยังจำชื่อเมนูไม่ค่อยได้น่ะ ขอตัวก่อนนะ” ฉันอธิบายรัวเร็วแล้วก้มหน้างุดเดินเข้าหลังเคาน์เตอร์ไปโดยมีสายตางุนงงของเฟรย์มองตามและสายตาไม่น่าไว้ใจของพี่ชายยัยนั่นที่มองมาเหมือนเจอเรื่องสนุกก็ไม่ปาน

ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าชีวิตต่อจากนี้มันจะไม่สงบสุขอีกต่อไปแล้วนะ!

บทก่อนหน้า
บทถัดไป