บทที่ 9 โลกิคนปลอม
[บทบรรยาย โลกิ]
ตึง ๆ ๆ
ฟึ่บ!
“กรี๊ดดดด! รุ่นพี่โลกิเท่ที่สุดเลยค่า!”
เสียงกรี๊ดและเสียงเชียร์ดังก้องไปทั่วสนามเมื่อผมดังค์บาสลงห่วงทำคะแนนชนะฝ่ายตรงข้ามในนาทีสุดท้าย เพื่อนในทีมวิ่งเข้ามาตีมือก่อนจะพากันเดินเข้าข้างสนามเพื่อรับน้ำดื่มกับผ้ามาเช็ดหน้าเช็ดตา ผมมองไปทางทีมฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นกลุ่มของรุ่นน้องปีสอง พวกนั้นหันมาทำท่าตะเบะให้ผมอย่างแสดงความนับถือ
การแข่งขันบาสครั้งนี้เป็นเพียงการแข่งกันเล่น ๆ ยามว่างของคณะวิศวะฯเหมือนเช่นทุกครั้ง ปกติแล้วพวกผมจะมารวมตัวกันเล่นบาสสัปดาห์ละสองสามครั้ง ถ้าเพื่อนในกลุ่มผมมันว่างตรงกันอะนะ
“จบนี่มึงไปไหนต่อหรือเปล่าวะไอ้โลกิ”
“เออ มีธุระต่อนิดหน่อย” ผมตอบคำถามไอ้ ‘พลูโต’ ที่กำลังกระดกน้ำแล้วหันมองไอ้ ‘ณอน’ ที่กำลังใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้าเช็ดตาหลังจากมันราดน้ำเย็น ๆ ลงบนหัวจนผมสีโกเมนเปียกโชก หยดน้ำเกาะพราวไปทั่วใบหน้าและตัวมันเลย “มึงจะไปกับกูเปล่าไอ้ฌอน”
“ไมมึงไม่ชวนไอ้โตวะ มันถามมึงนะไม่ใช่กู”
“ก็กูรู้ไงว่ามันไม่ว่าง มีแต่มึงนั่นแหละไอ้คนว่างสองพันปี” ผมแสยะยิ้มหยันให้มันแล้วปิดฝาขวดน้ำ เสียงกรี๊ดจากพวกผู้หญิงยังคงดังไม่หยุดเลยอดไม่ได้ที่จะหันไปยิ้มพราวให้พวกเธอ ก็แหม… เรียกคะแนนนิยมให้ตัวเองสักหน่อยจะเป็นไร ใคร ๆ ก็ชอบรอยยิ้มเทพบุตรจากผมทั้งนั้นนี่จริงไหม?
“อ้อเหรอ ไอ้คนปลอมสองพันปี”
“คนปลมคนปลอมอะไร เลอะเทอะ” ผมหันไปรับเสื้อช็อปจากไอ้ ‘ไรม์’ ที่โยนมาให้ ก่อนพวกเราสี่คนจะเดินออกจากสนามบาสมา ผมควรแนะนำตัวไหมวะ เอาเถอะ ชื่อผมคือ ‘โลกิ’ เรียนอยู่วิศวคอมฯปีสาม รวมถึงไอ้สามคนนี้ด้วย เสียงกรี๊ดกร๊าดของพวกผู้หญิงยังคงตามมาอยู่เนือง ๆ ทั้งไอ้โตไอ้ฌอนต่างพากันหันไปส่งยิ้มโปรยเสน่ห์ให้พวกเธอตามประสาคาสโนว่าแห่งวิศวคอมฯ ผมเลยหันไปยิ้มให้พวกเธอบ้าง ไอ้ฌอนรีบชี้มาที่หน้าผมทันที
“ก็ไอ้รอยยิ้มปลอม ๆ ของมึงนี่ไง เฟ๊คเฟค”
“แหม มึงไม่ปลอมเลยนะครับไอ้ชอนไช วัน ๆ จ้องแต่จะชอนไชสาว ๆ ตลอดเวลา” ผมหันกลับมาแสยะยิ้มใส่มัน ถ้าคนอื่นมองก็คงคิดว่าผมกำลังยิ้มคุยกับเพื่อนปกติ ก็รอยยิ้มผมมันออกจะจริงใจขนาดนี้
“มึงก็ไม่ได้ต่างจากกูหรอกไอ้โลกีย์ ไอ้หน้ายิ้ม ๆ เทวดาของมึงเนี่ย ทำสาวช้ำใจมานักต่อนักแล้ว ไอ้ซาตานในคราบเทพบุตร ไอ้หน้ากากจอมมาร ไอ้…”
หัวคิ้วผมกระตุกรับคำด่ายาวเหยียดของมันทันที ปากก็ฉีกยิ้มขณะกัดฟันด่ามันไปด้วย
“โอ้โห ด่ากูเป็นชุดเลยนะไอ้ห่านี่ มึงดีกว่ากูมากงั้นสิ ไอ้ซิสค่อนบ้ากาม ไอ้โรคจิตคลั่งน้อง ไอ้หื่น…”
“พอเลยพวกมึงทั้งคู่! จะกัดกันหาพระแสงอะไรนักวะ น่ารำคาญฉิบหาย” กลายเป็นไอ้ไรม์ บุคคลที่มีความอดทนต่ำเตี้ยเรี่ยดินที่สุดขัดการโต้เถียงระหว่างผมกับไอ้ฌอนขึ้นมา
“นั่นดิ วันไหนไม่กัดกันพวกมึงจะตายไหม กูละเบื่อจริง ๆ เสียภาพพจน์คนหล่อสองพันปีอย่างกูหมด” แล้วปิดท้ายด้วยไอ้พลูโต
เอาเถอะ ผมก็ขี้เกียจเถียงกับไอ้ฌอนล่ะ แต่จะเปลี่ยนเป็นหมั่นไส้ความมั่นหน้าของไอ้โตแทน
“แล้วยังไง ตกลงจะไปมะ กูจะไปแดกช็อกโก้” ผมนึกถึงร้านคาเฟ่เค้กแถวมหาวิทยาลัยขึ้นมาทันที ไม่ได้แค่นึกอยากกินเค้กหรือช็อกโกแลตหรอกนะ แต่นึกถึงพนักงานที่ร้านนั้นด้วยต่างหาก
“มึงป่วยปะเนี่ย คิดไงแดกช็อกโก้ ชวนไปแดกเหล้ากูจะไม่แปลกใจเลย” ไอ้ฌอนขมวดคิ้วมองผมเหมือนเห็นตัวประหลาด
อะไรวะ กูแดกช็อกโก้มันแปลกตรงไหน นั่นของโปรดปรานกูเลยนะครับ!
“จะไปไม่ไป?” ที่ชวนมันไปด้วยนี่ไม่ใช่อะไรนะ ผมไม่อยากไปนั่งเสี่ยวคนเดียวน่ะสิ มีเพื่อนไปด้วยอย่างน้อยก็ไม่ดูแปลก ๆ ไง นั่งคนเดียวแล้วเขิน
“ขอโทรหาองค์หญิงน้อยของกูแป๊บ”
“แหมไอ้เวร โรคซิสค่อนกำเริบอีกแล้วไงมึง” ผมส่ายหน้าเอือมระอากับโรคคลั่งน้องสาวของมัน ไอ้ฌอนมันมีน้องสาวอยู่คน ผมไม่เคยเห็นหน้าหรอก มันหวงอย่างกับอะไรดี แถมยังคลั่งไคล้ฉิบหาย ซิสค่อนตัวพ่อเลยก็ว่าได้ จำไม่ได้แล้วว่าชื่ออะไร เคยได้ยินมันเรียกชื่อแค่ครั้งเดียวมั้ง นอกนั้นมันก็เรียกองค์หญิง ๆ ตลอด โคตรโรคจิตเลยให้ตายดิ
“คนไม่มีน้องสาวน่ารักน่าทะนุถนอมอย่างมึงไม่เข้าใจหรอก องค์หญิงน้อยของกูนะทั้งสวยทั้งบอบบางน่ารักอย่างกับตุ๊กตา…”
“พอ ๆ ไอ้เวร หยุดพล่ามแล้วก็รีบโทร ๆ ซะ กูฟังแล้วขนลุก” พวกผมเดินมาจนถึงหน้าตึกคณะ ไอ้โตกับไอ้ไรม์แยกกันออกไปแล้ว เหลือแต่ไอ้ฌอนที่ยืนกดโทรศัพท์ต่อสายหาน้องสาวมันอยู่
เอาจริง ๆ ผมก็มีน้องสาวนะ ยัยนั่นน่ารักด้วย นิสัยก็โคตรจะโลกสวย ก็มีแอบเป็นห่วงอยู่บ้างว่าจะโดนผู้ชายที่ไหนหลอกหรือเปล่า แต่ก็นะ… คนเรามันก็ต้องมีเติบโตเปล่าวะ ยัยเฟรย์เองก็โตเป็นสาวแล้ว ระยะห่างระหว่างพี่น้องก็ห่าง ๆ กันไปตั้งแต่ผมแยกตัวออกมาอยู่คอนโดคนเดียว ถึงจะโทรหากันบ้าง และเรียนอยู่วิศวคอมฯเหมือนกัน แต่ก็แทบไม่ได้เจอกันเลยเหอะ ล่าสุดที่เจอก็เมื่อสามวันก่อน ตอนที่ได้รู้ว่ายัยนั่นเป็นเพื่อนกับผู้หญิงคนนั้น…
อ่า… พูดถึงเธอคนนั้นแล้วมันอยากแกล้งขึ้นมาเลยแฮะ ผู้หญิงอะไรไม่รู้น่าแกล้งน่าหยอกฉิบหาย รูปร่างก็ดี หน้าตาก็สวยอย่างกับตุ๊กตา ดวงตากลมโตน่ารัก ปากนิด จมูกหน่อย แถมนิสัยยังไม่เหมือนใครด้วย ที่สำคัญยัยนั่นเห็นตัวตนจริง ๆ ของผมหมดแล้ว เวลาอยู่กับเธอผมไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากคนดีเลย และเหมือนเธอก็ไม่ได้สนใจอะไรในตัวผมเลยด้วย แค่คิดก็สนุกแล้ว อยากแกล้งยัยนั่นเร็ว ๆ แล้วแฮะ อย่างน้อยก็ช่วยแก้เบื่อและฆ่าเวลาให้ผมได้บ้างละนะ
ไม่รู้ป่านนี้ยัยนั่นกำลังทำอะไรอยู่นะ















































































