บทที่ 10 ค้างคืน

“มึงจะพากูไปไหน?”

“......”

“ไอ้วุฒิ จอด”

“......”

“ไอ้วุฒิ!!! กูบอกให้จอด!!!”

“.......”

“กะ กู กูบอก อึก ให้มึงจอด” ใบหน้าของเธอเริ่มซีดเซียวไร้สีเลือด เสียงสั่นพร่าจนไอ้วุฒิต้องหันมามอง และเมื่อเห็นหน้าเธอเต็มๆ ตามันก็เหยียบเบรกทันที จนหน้าเธอแทบคะมำ

เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดด

เสียงล้อรถบดไปกับพื้นถนน จนเกิดเป็นรอยทางยาวพร้อมกับกลิ่นเหม็นไหม้ แต่เธอไม่มีเวลาสนใจ รีบปลดสายเบลท์แล้วพุ่งลงจากรถทันที

อ้วกกกกกกก อ้วกกกก แค่กๆ อ้วกกกกกก

คนบนรถที่เห็นท่าทางของเธอก็รีบหยิบคว้าขวดน้ำเดินตามลงมาติดๆ ก่อนจะเอ่ยปากถาม

“ไหวไหมว่ะมึง” ว่าพลางลูบหลังลูบไหล่ หวังช่วยให้เธอรู้สึกสบายขึ้น เธอได้แต่ตวัดสายตาคมๆ หันไปมองค้อน ก่อนจะคว้าเอาขวดน้ำในมือมันมากรอกล้างปาก แล้วบ้วนทิ้งไป ใช้หลังมือปาดหยดน้ำออกจากริมฝีปาก ใบหน้าหวานคมคายสีซีดจางชื้นเหงื่อ ดวงตาแดงก่ำ เมื่ออาการดีขึ้นก็อ้าปากด่าคนตรงหน้าทันที

“มึงขับรถเหี้ยมากกกกกกกกกก ไอ้วุฒิ! แค่กๆ” ไอ้วุฒิยกมือพนมไหว้เธออย่างขอโทษขอโพย จะไม่ให้เธอด่าได้ยังไง ในเมื่อมันเล่นขับกระชากกระทั้น เดี๋ยวเบรกเดี๋ยวเร่ง แซงซ้ายทีแซงขวาที

“เก๊าขอโต๊ดดดด เก๊าโมโหอ่า เก๊าลืมตัว”

ป้าบ!

เธอจัดการโบกหัวงามๆ ของมันไปเสียหนึ่งที

“กูบอกมึงแล้วให้จอด ให้จอด ถ้ามึงจอดช้ากว่านี้อีกนิดกูคงจะอ้วกใส่รถมึงแล้ว เฮ้อ” เธอว่าพร้อมถอดถอนหายใจ เสยผมขึ้นปาดเหงื่อบนใบหน้าทิ้ง ก่อนจะเดินอ้อมไปฝั่งคนขับ ขึ้นนั่งประจำที่ พร้อมกับไอ้วุฒิที่นั่งสงบเสงี่ยมอยู่ที่ด้านข้าง ไม่รู้ว่ารถนี้มันมีใครเป็นเจ้าของกันแน่

“จะไปไหน” เธอขึ้นมานั่งสงบสติอารมณ์ หลับตานิ่งๆ เอ่ยปากถามไอ้วุฒิมัน

“คอนโดกู” เธอพยักหน้ารับ ลืมตาขึ้นมา ตั้งสติแล้วจึงค่อยๆ เคลื่อนตัวรถออกจากข้างทาง มุ่งหน้าไปยังคอนโดของไอ้วุฒิมัน ก่อนที่จะเข้าไปด้านใน มันก็สั่งให้เธอแวะร้านสะดวกซื้อข้างหน้าคอนโด ไอ้วุฒิมันลงไปซื้อคนเดียว ส่วนเธอนั่งรออยู่ในรถ มันถือข้าวของมาเต็มไม้เต็มมือ เธอเองก็ไม่ได้ถามอะไรออกไปเช่นกัน

จนเมื่อกระทั่งรถเข้ามาจอดในโรงจอดรถเรียบร้อยแล้ว มันก็จัดการถือข้าวของทุกอย่างลงจากรถ ส่วนตัวเธอก็จัดการส่งกุญแจคืนให้มัน มันก็รับไปถือไว้ เมื่อแน่ใจว่าตนเองไม่ลืมอะไรแล้ว จึงหันหลังกลับ ตั้งใจจะเรียกแท็กซี่กลับบ้าน หากแต่คนที่ถือของพะรุงพะรังกลับคว้าแขนเอาไว้เสียก่อน

“มึงจะไปไหน?” ไอ้วุฒิว่าพร้อมกับขมวดคิ้วมอง

“กลับบ้านสิ” เธอหันไปตอบก่อนจะบิดแขนให้หลุดจากการเกาะกุม แล้วเริ่มต้นเดินต่อ

“เดี๋ยว!” เป็นไอ้วุฒิอีกละที่ตามมาจับเธอไว้ พร้อมชูของในมือที่กำลังอุ้มอยู่ในดู

“กูคนเดียวไม่หมดหรอกนะเว้ยยยยย” มาถึงตอนนี้เองที่เธอพึ่งจะเข้าใจว่ามันจะหอบหิ้วเหล้าออกจากร้านมาทำไม จะแวะร้านสะดวกซื้อทำไม เมื่อในตอนนี้ในฝ่ามือของมันเต็มไปด้วยกระป๋องเบียร์และน้ำอัดลม น้ำแข็งพร้อมขนมขบเคี้ยว เธอจึงยอมพยักหน้า หมุนตัวเดินตามหลังมันไป

พวกเธอพากันเดินมาเงียบๆ จนมาหยุดอยู่ที่ห้อง 590 เจ้าของห้องยื่นคีย์การ์ดให้เธอเป็นคนเปิดประตูห้อง เพราะเจ้าตัวข้าวของเต็มไม้เต็มมือ เธอจัดการผลักประตูเปิดเข้าไปภายใน สภาพห้องยังเป็นอย่างเมื่อครั้งก่อนที่เธอมา เจ้าของห้องเดินเข้าไปในโซนห้องครัว จัดเก็บข้าวของต่างๆ ให้เข้าที่ แล้วเดินกลับมาพร้อมถังน้ำแข็ง ที่คีบ แก้วเปล่า 2 ใบ ขวดเหล้า เบียร์ และน้ำอัดลม พอมันนั่งลงเธอก็จัดเสิร์ฟให้ทันที พวกเธอผลัดกันเติมผลัดกันยก ภายในห้องมีเสียงรายการตลกที่กำลังฉายแสดงอยู่ เพื่อขจัดความมัวหมองในบรรยากาศให้ลบเลื่อนไป แต่มันไม่สามารถใช้กับเธอได้เลย

ในห้วงความคิดของเธอ เธอดำดิ่งลึกลงไปในความทรงจำเมื่อครั้งวัยเยาว์ ตั้งแต่ครั้งแรกเริ่มต้นความสัมพันธ์กับคนที่เธอเคยคิดว่ามันจะมั่นคง และจะคงอยู่ตลอดจนถึงยามแก่เฒ่า

“พี่ชอบน้องเพชร คบกับพี่ได้ไหม” ใครจะไปอยากเชื่อว่าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าชายของโรงเรียน จะมาขอคบเธอเป็นแฟน คนที่มีรูปร่างสูงโปร่ง แต่ใบหน้าจิ้มลิ้ม ผมสีดำสนิทถูกมัดแกละต่ำๆ ตรงปลายดัดลอนน้อยๆ ทำให้เส้นผมดูหนานุ่มฟู เงางามเป็นประกาย แม้เธอจะมีรูปลักษณ์บอบบางน่ารักนุ่มนิ่ม แต่เพราะความสูงและใบหน้านิ่งๆ ที่ออกจะยิ้มยากไปสักหน่อย ทำให้เด็กสาวดูสวยสง่า ยากเกินกว่าที่ใครจะเอื้อมถึง

“ขอโทษด้วยนะคะ แต่หนูยังไม่คิดจะมีใครในตอนนี้” เธอว่าพร้อมกับหมุนตัวเดินจากไป เธอตอบกลับด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉย ไม่ได้มีความรู้สึกใดๆ ปรากฏออกมาให้เห็น หากแต่ใครจะรู้ว่าภายในใจของเด็กสาวเต้นรัวเร็วเพียงใด นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนมาสารภาพรักกับเธอ แต่ที่เธอเลือกปฏิเสธ เพราะว่าผู้ชายตรงหน้าขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าชู้เป็นที่หนึ่งอีกด้วย

ที่มาขอเธอคบ ก็คงเพราะกะจะจีบเล่นๆ ไม่ก็คงเป็นหนึ่งในเกมพนันของพวกพี่ๆ เขาเท่านั้น เธอจึงไม่คิดจะตอบรับรักในครั้งนี้ แต่ใครจะรู้เล่า ว่าเขาจะรุกหนักถึงเพียงนั้น.....

ทุกๆ วันในยามเช้า ใต้เก๊ะของเธอมักจะมีดอกกุหลาบสีแดงสด ถูกห้อยป้ายเขียนข้อความและลงชื่อผู้ส่งเอาไว้อยู่เสมอ

วันที่ 1 ต้องทำยังไงถึงจะได้ใจของเจ้าหญิง

วันที่ 2 ต้องรอเพียงใดถึงจะได้ใจนาง

วันที่ 3 ต้องทำเช่นไรให้เธอหันแลมอง

วันที่ 4 ต้องใช้เวลาเท่าใดถึงจะเรียกความสนใจนี้

วันที่ 5 ต้องลงทุนด้วยอะไรถึงจะได้ใจเธอมา

วันที่ 6 ต้องใช้สิ่งไหน ถึงจะตรึงต้องใจนาง

วันที่ 7 ต้องพยายามเท่าใด สายตาจึงประสบพบแลเหลียว

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่เธอได้รับมา ดอกกุหลาบสีแดงที่จะมาพร้อมคำถามในทุกๆ เช้าว่าจะต้องทำอะไร วิธีไหน สิ่งไหนที่เธอชอบ อะไรที่เธอชั่ง มันถูกส่งแวะเวียนมาให้เธออยู่เสมอตลอด 1 เดือน ซึ่งในหนึ่งเดือนนี้ ไม่ได้มีเพียงดอกกุหลาบที่ถูกส่งมา เจ้าตัวเองก็ยังคอยแวะเวียนมาหาอยู่ไม่ขาด นั่งทานข้าวโต๊ะเดียวกันกับเธอทุกวัน คอยเดินตามเธอต้อยๆ ส่งเธอขึ้นรถที่หน้าโรงเรียน บางวันก็ถึงขั้นนั่งรถกลับบ้านเป็นเพื่อนเธอแต่ไม่มีคำพูดใดระหว่างกัน

เด็กสาวหัวใจบาง เพราะตัวเธอเองพึ่งจะอยู่ ม.4 และเขาอยู่ ม.6 โลกของเธอยังไม่เคยเปิดกว้างรับใครเข้ามาในชีวิตมาก่อน ยังไม่เคยมีใครเข้ามามีอิทธิพลกับชีวิตของเธอ

แต่แล้วจู่ๆ วันหนึ่งเขาก็หายไป ไม่มีอีกแล้วดอกกุหลาบดอกงาม คนที่คอยป้วนเปี้ยนวนเวียนอยู่รอบตัว ไม่มีแล้วคนที่คอยเดินตามไปส่งจนถึงบ้านอย่างปลอดภัย การกระทำนี้ทำให้จิตใจเธองุ่นง่านร้อนรน ผ่านไปราวหนึ่งสัปดาห์ความอดทนของเธอก็หมดลง เดินมุ่งตรงไปหาเขาด้วยตัวเองท่ามกลางสายตาของผู้คนนับร้อย ฉุดดึงรั้งให้ชายหนุ่มเดินตามมา ไปที่ด้านหลังตึกของโรงเรียน

“พี่ทำแบบนี้ทำไม!!!” เธอตะโกนต่อว่าคนตรงหน้า หากแต่คนๆ นั้นไม่ได้สะดุ้งสะเทือนแม้แต่น้อย กลับมองเธอด้วยแววตาของความชอบใจ ในแววตานั้นอบอุ่นจนเธองุนงง ฝ่ามือใหญ่ประคองแก้มของเธอแผ่วเบาที่ข้างหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงนุ่มทุ้มน่าฟัง*

“ถ้าไม่อยากให้พี่หายไป ก็มาเป็นแฟนพี่สิ” เด็กสาวใบหน้าเห่อร้อนอีกครั้งอย่างห้ามไม่อยู่ เบือนหน้าหนีออกจากฝ่ามืออบอุ่น

“พี่นี่มัน....” เสียงใสบ่นเบาๆ ก่อนจะขบกัดริมฝีปากซ่อนความขวยเขิน

“ว่ายังไงละครับเพชร เป็นแฟนกับพี่นะ” ชายหนุ่มตรงหน้าโน้มตัวลงมาหา จนใบหน้าเกือบจะแนบชิด เธอจึงต้องก้าวถอยหลังออกไปหนึ่งก้าว จนแผ่นหลังชนเข้ากับกำแพง และถูกวงแขนกักขังไว้ภายใน ปิดกั้นช่องทางหนีของเธอสิ้น เด็กสาวได้แต่ก้มหน้าหลบสายตา

“อะ อืม...”

“อะไรนะครับ พี่ไม่ได้ยิน”

“อืม เป็นก็ได้” ในครั้งนี้เธอเงยหน้าขึ้นทันควัน แล้วตอบกลับอย่างแน่วแน่ สิ้นคำพูดนั้น ริมฝีปากหนาเคลื่อนทับลงมาอย่างรวดเร็วแต่นุ่มนวล เพียงแค่ริมฝีปากแตะกันเท่านั้น หากแต่เนิ่นนาน เด็กสาวหลับตาลง ซึมซับความรู้สึกและบรรยากาศโดยรอบ

สายลมพัดหวิวหวี่ กลีบดอกไม้ปลิดปลิวฟุ้งกระจายขึ้นจากเบื้องล่าง กระทบผิวกายพร้อมกลิ่นหอมหวานละมุน ริมฝีปากหนาผละออกเชื่องช้า ก่อนจะย้ำชัดในคำพูดของตน

“เราเป็นแฟนกันแล้วนะ” รอยยิ้มยินดีถูกส่งมาให้พร้อมกับการกระตุกมือให้ก้าวเดินตามกันไปด้วยกัน

เพราะการเป็นแฟนกันนั้นเองที่ทำให้เธอไร้เพื่อนตั้งแต่นั้น ไม่มีเพื่อนสาวคนใดอยากจะอยู่ข้างเดียวกับเธอ ในทุกๆ วันเธอมักจะถูกกลั่นแกล้งอยู่เสมอ หนักบ้าง เบาบ้าง สลับกันไป และทุกครั้งคนที่มาช่วย คนที่คอยตามหา ก็ยังเป็นพี่บอยของเธอมาตลอด......

“.....เพ....เพช.......ไอ้เพชร!!!” เธอสะดุ้งสุดตัว หันไปมองเพื่อนอย่างตกใจ

“อะ อะไร”

“มึงเหม่ออะไรของมึงเนี้ย กูถามว่าหิวไหม กูลืมไปว่าเรายังไม่ได้แดกข้าวกันเลย เสียดายกับข้าวแม่มึงฉิบหาย กูพึ่งได้กินไปไม่กี่คำเอง ห่าเอ้ย คิดแล้วโมโหวุ้ยยย” ไอ้วุฒิบ่นไปลูบท้องตัวเองไป มืออีกข้างก็ยีหัวอย่างหงุดหงิด

“ในห้องมีของสดไหมล่ะ” ไอ้วุฒิทำท่าขมวดคิ้วนิดหน่อยก่อนจะพยักหน้าตอบ เธอเองจึงวางแก้วเหล้าในมือลง เดินเซนิดๆ แต่ก็ยังมีสติอยู่ ก้าวเข้าห้องครัว เปิดตู้เย็นกับชั้นเก็บของสำรวจ อืมม พริก กระเทียม กะเพรา คะน้า กุ้ง หมู ปลาหมึก ซอสก็ครบ เหลือบมองหม้อหุ้งข้าว ถ้าจะทำก็ต้องรอข้าวสุกอีก อะ นั่น.... ไอ้นั่นน่าจะใช้ได้

“กูไม่ยักรู้ว่ามึงทำแดกเองเป็น” เป็นเธอเองที่เอ่ยปากตะโกนถาม ไอ้คนเจ้าของห้อง เพราะข้าวของมันมีครบครัน เหมือนกับคนใช้ประจำ แต่ว่าเตาและเครื่องครัวกลับเงาวับ ไม่มีร่องรอยการใช้งาน

“กูทำไม่เป็น ป้าที่บ้านแกชอบแวะเอาของมาเติมให้ บางทีก็ทำทิ้งไว้ให้” อีกฝ่ายเองก็ตะโกนตอบกลับมาเช่นกัน

“กูก็ว่างั้น น้ำหน้าอย่างมึงคงทำไรเองไม่เป็น” เธอพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้น แล้วเริ่มเอาของมาแช่น้ำ ให้คลายความเย็น ระหว่างนั้นก็หันไปตั้งไฟต้มน้ำ เอาวัตถุดิบใส่ลงไป คอยคนเป็นระยะๆ ในระหว่างรอทั้งสองอย่างนั้นก็หันมาสับพริกและกระเทียมเข้าด้วยกัน เด็ดใบกะเพราและหั่นคะน้ารอ ระหว่างนั้นก็คนสิ่งที่อยู่ในหม้อเป็นพักๆ จนมันนิ่มตัว แล้วเติมเกลือลงไปนิดหน่อย ระหว่างรอก็หันมาค้นตู้เย็นอีกครั้ง มีพริกไทยสดด้วย น่าจะหอม คิดพลางหยิบติดมือมาด้วย เมื่อแน่ใจว่าของในหม้อนิ่มดีแล้ว จึงเทน้ำทิ้ง ผสมน้ำมันลงไปนิดหน่อย คลุกๆ ให้ทั่ว ไม่ให้มันติดกัน แล้วพักไว้ หันไปแกะกุ้ง ปลาหมึก และหั่นหมู ตรวจสอบวัตถุดิบและเครื่องปรุงอีกครั้ง เมื่อมั่นใจว่าไม่ลืมอะไรแล้วจึงตั้งไฟ วางกระทะแล้วลงมือผัดอย่างคล่องแคล่ว

ใช้เวลาร่วมชั่วโมงอาหารของเธอก็เสร็จ จัดแบ่งใส่ 2 จานแล้วยกออกมาพร้อมกัน วางตรงหน้าของไอ้คุณชายที่นั่งกระดิกเท้ารออยู่ที่โซฟา

“เอ้ามาเร็ววววว แดกๆ ๆ ๆ” เธอเคาะจานก๊องแก๊ง เหมือนเรียกหมากินข้าว จนเจ้าตัวมองค้อน แล้วจึงเลื่อนสายตาลงมามองที่จาน ก่อนจะทำตาโตอย่างคาดไม่ถึง

“มึงไม่ได้วางยากูใช่ไหม”

“จะแดกไม่แดก ไม่แดกกูจะเทให้หมาหน้าคอนโด” เธอหันไปถามอย่างเอาเรื่อง ถ้ามันยืนยันว่าจะไม่กินเธอก็จะเอาไปเททิ้งให้หมาจริงๆ นั่นละ ดีกว่าเททิ้งลงถังให้เสียดายของ มีแต่ของดีๆ

“แดกๆ ๆ แย่งหมาแดกกูก็จะแดก กูหิว ว่าแต่ไอ้นี่มันเรียกว่าอะไร”

“สปาเกตตีผัดขี้เมาร่วมมิตร”

“ทำไมต้องขี้เมา??”

“ก็กูเมา กูทำให้มึงแดก แถมยังอยู่ในวงเหล้า จะไม่เมาได้ไง” ว่าพลางกระตุกยิ้มมุมปาก นั่งลงบนพื้น ยกจานของตัวเองขึ้นมาทานเงียบๆ

“โหหหหหห เหี้ยยย เหี้ยทำจริงๆ ด้วย อร่อยฉิบหาย แม่มึงแปลงร่างมาเปลี่ยนเนี้ย” เสียงโอเวอร์แอคติ้งของไอ้วุฒิทำให้เธอวางช้อน ทั้งที่ปากยังคาบเส้นสปาเกตตีไว้อยู่ มือหนึ่งถือจาน อีกมือยกชี้นิ้ว อยากด่ามันใจจะขาด เท้าถูกยกขึ้นพร้อมยันมันทันที หากแต่มันรู้ตัว รีบผุดตัวขึ้นยืน กอดจานไว้แน่น แล้วย้ายไปนั่งอีกฝั่งแทน เธอจึงได้แต่ชี้นิ้วอย่างคาดโทษ มันว่าเธอเป็นเหี้ย ถึงจะเหี้ยก็เหี้ยที่ทำข้าวให้มึงแดกละว้าไอ้วุฒิ....

เธอได้แต่ค่อนขอดมันในใจ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทานในส่วนของตัวเอง พอเผ็ดมากๆ หน่อยก็ยกเหล้าขึ้นมาดื่มแทนน้ำเปล่า จนท้องอิ่ม ก็วางจานเอาไว้บนโต๊ะ

“กูทำให้แดกแล้ว มึงจัดการเก็บล้างให้ด้วย” ว่าพลางผุดตัวลุกขึ้นยืน บิดซ้ายบิดขวา คลายความเมื่อย ก่อนจะเดินไปคว้ากระเป๋ามาสะพายหันไปบอกไอ้วุฒิที่ทำหน้างุนงง

“กูจะกลับแล้ว ขอบใจที่เลี้ยง ฝากมึงเก็บต่อด้วยแล้วกัน”

“เฮ้ยๆ ๆ ๆ เดี๋ยวๆ ๆ” เสียงเรียกของไอ้วุฒิทำให้เธอต้องหันไปเลิกคิ้วมอง เมื่อมันยังไม่ยอมปล่อยให้เธอกลับ

“มึงจะกลับ ตอนนี้??”

“เออ”

“ตอนนี้เนี้ยนะ??”

“เอออ” เธอว่าแล้วขมวดคิ้ว อะไรของมันว่ะ บอกว่าจะกลับก็จะกลับดิ

“ตอนตี 2 เนี้ยนะ แล้วพรุ่งนี้มีเรียนเช้าอีก มึงนอนนี่แหละ ในห้องกู เดี๋ยวกูนอนโซฟาเอง” เธอคิดตามคำพูดของไอ้วุฒิมัน ถ้าเธอกลับตอนนี้ เธอต้องเสียเวลารอแท็กซี่ ที่โบกกี่ทีๆ ก็ไม่เคยจะไป ไหนกว่าจะเดินทางจนถึงบ้านแล้วอาบน้ำนอนอีก คงได้นอนราวๆ ตี 3 ครึ่งถึง ตี 4 ตื่นตอน 6 โมงเช้า แม่ง.... ไม่คุ้มจริงๆ

“เออ กูนอนนี่ก็ได้ แต่มึงไปนอนห้องเหอะ ยังไงก็เป็นเจ้าของ กูเป็นแค่แขก กูนอนโซฟาเอง” เมื่อตัดสินใจได้แล้วก็ปลดกระเป๋าสะพายออกจากตัว วางลงกับพื้น แล้วหันมาจัดเก็บเศษขยะ เศษขนมที่อยู่ทั่วพื้นที่ เพื่อให้สามารถนอนได้ในค่ำคืนนี้

“มึงไปนอนข้างในเหอะ ยังไงมึงก็ผู้หญิง ประตูห้องก็ยังล็อกได้ ปลอดภัยกว่าโซฟาอีก” เพียงแค่มันพูดว่ายังไงเธอก็เป็นผู้หญิง ยิ่งทำให้รู้สึกอยากจะพุ่งเข้าไปซัดมันซักหมัดให้รู้แล้วรู้รอด และเหมือนตัวมันเองก็รู้ว่าพูดอะไรออกมา จึงเงียบเสียงไป

“.....”

“......”

“เออ กูยอมแพ้ ขอโทษละกัน มึงไปอาบน้ำไป เดี๋ยวกูเก็บเอง” นั่นละเธอถึงได้ถอนคืนสายตา ละมือจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้า คว้ากระเป๋าแล้วเดินเข้าห้องไป ถือวิสาสะรื้อค้นเสื้อผ้าของเจ้าของห้อง เพราะเธอตัวเล็กกว่าไอ้วุฒินิดเดียว เรื่องขนาดตัวจึงไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่นัก เมื่อได้ของที่ต้องการ ก็เข้าไปอาบน้ำแต่งตัว แขวนเสื้อผ้าทั้งหมดไว้ที่หลังแอร์ หวังให้ลมร้อนเป่าความอับชื้น เพื่อให้พรุ่งนี้สามารถใส่ได้ซ้ำอีกสักวัน

น่าาาาา รู้ๆ กันอยู่ ไม่มีใครใส่ชุดนักศึกษาวันเดียวแล้วเอาไปซักหรอกน่า เธอก็ไม่ได้ซกมกขนาดนั้นซะหน่อย มันจำเป็นนี่ คิดพลางยักไหล่ หันหลังเดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่น ไอ้วุฒิอยู่ในห้องครัว คงจะจัดการเก็บจานชามล้างอยู่ ส่วนตัวเธอเองก็นั่งเช็ดผมเบาๆ

“กูพึ่งรู้ว่ามึงสักที่หลังหูด้วย” เสียงไอ้วุฒิดังมาจากทางซ้ายของเธอ ใบหน้าของมันก้มลงนิดหน่อย เพื่อเพ่งมองรอยสักของเธอ เธอละมือจากผ้าขนหนูที่กำลังเช็ดผม ยกมือซ้ายขึ้นรูปรอยสักเบาๆ

“เออ”

“อะไรดลใจให้มึงเลือกสักลายนี้ว่ะ”

“กูอยากให้พระเจ้านำทางชีวิตกู ให้กูพบความสุขในชีวิต อยากให้ชีวิตกูสุกใสเหมือนดวงดาวที่เปล่งแสง และขอให้แสงของมันพาคนเหี้ยๆ ออกไปจากชีวิตกู” พูดพลางเหลือบตามองไอ้วุฒิ ก่อนที่มันจะพูดบางคำออกมาทำให้เธอนั้นหน้าเซ็งได้ทันที เมื่อคิดว่าคงจะจริงอย่างที่มันว่า

“แต่ไม่เห็นมันจะกันกูได้เลย ของมึงเสื่อมแล้วล่ะ”

“เออ กูก็ว่างั้น” จบคำมันก็ผละไป เดินเข้าห้องนอน กลับออกมาพร้อมกับหมอนและผ้าห่ม

"ไฟอยู่ตรงนู้น มึงจะนอนก็ไปปิดเอาเอง" เธอพยักหน้ารับ รีบเร่งเช็ดผมให้แห้ง เพราะผมสั้นและใช้เวลาไม่นาน มันก็เหลือแค่หมาดๆ เท่านั้น เธอเอาผ้าขนหนูไปวางพาดไว้ที่เก้าอี้ในห้องครัว ก่อนจะแวะปิดไฟ แล้วล้มตัวลงนอนบนโซฟา ใช้เวลาเพียงชั่วครู่ เปลือกตาก็ปิดสนิทลง หลับใหลพักผ่อนอย่างวางใจ

ในความรู้สึกกึ่งหลับกึ่งตื่น เหมือนกับตัวถูกโอบอุ้มและยกขึ้นสูง ทำให้ดวงตาเบิ่งโพล่งและกำหมัดชกออกไปทันที ตะคอกถามเสียงดังลั่น

“มึงจะทำอะไร!!!”

“โอ้ย!!!!”

ตุ้บ!

ทันทีที่เธอชกปลายคางของอีกฝ่าย ด้วยความตกใจ ฝ่ายตรงข้ามโยนเธอลงกับโซฟาตามเดิม ทำให้เธอหมุนตัวอย่างรวดเร็วลงมายืนกับพื้น ยกการ์ดขึ้นตั้งรับทันที ท่ามกลางความมืด เห็นเพียงเลือนราง เห็นไอ้วุฒิยืนอยู่นิ่งๆ มือหนึ่งกุมใต้คางตัวเอง อีกข้างกำหมัดมองเธอจดจ้องเขม็ง

“กูแค่จะอุ้มมึงไปนอนข้างใน!!! สัส!!! ต่อยกูมาได้ ปากแตกเลยห่า!!” ว่าพลางกระโดดขึ้นโซฟา หัวหนุนหมอน ดึงผ้าห่มคลุมตัว นอนหันหลังให้ ยึดครองพื้นที่โดยสมบูรณ์ เธอค่อยๆ ลดการป้องกันลง มองด้านหลังอย่างุนงง

“ให้กูนอนในห้อง??”

“.....” ไร้สุ้มเสียงใดๆ ตอบกลับมา เธอจึงถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเอ่ยปากบอกแล้วหมุนตัวจากไป

“เออ ขอบใจ แล้วก็โทษที มึงทำให้กูตกใจเองนี่” เมื่อที่นอนของเธอถูกยึดไปแล้ว แถมตอนนี้ยังไม่มีอารมณ์จะมาต่อล้อต่อเถียงกับมันอีก จึงไม่ต่อความยาวสาวความยืดใดๆ เดินไปนอนในห้องแต่โดยดี ก่อนที่ประตูจะปิดลง แว่วเสียงบางเบา หากแต่เธอก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

“ฝันดี”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป