บทที่ 11 กล็อก 9 มม.
ในเช้าวันถัดมา นาฬิกาชีวิตของเธอทำให้ตื่นมาในเวลาปกติของวัน แม้จะมีเรียนตอน 9 โมงเช้า และเพราะคอนโดของไอ้วุฒิมันอยู่ในเมืองกรุง เดินทางราว 30 นาที ก็ถึงมหาลัย เธอนอนกลิ้งไปมาอยู่บนเตียงไม่รีบร้อนลุกตื่นออกจากที่นอน แต่มือกลับคว้าโทรศัพท์มือถือมากดไถเลื่อนดูข้อความและสายเรียกเข้าจากสาวๆ แต่ละคน ก่อนความสนใจจะถูกดึงไปให้สนใจอยู่ที่คนๆ เดียว
คิดถึงจังค่ะ
แม้อีกฝ่ายจะส่งมาตั้งแต่เมื่อคืน แต่เธอก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อยในการตอบข้อความกลับ
คิดถึงเหมือนกันครับ ขอโทษด้วยนะครับ เมื่อวานพี่ยุ่งๆ เลยไม่เห็น
อีกฝ่ายกดอ่านอย่างรวดเร็ว เธอทิ้งช่วงเวลาสักพักแล้วจึงกดต่อสายออกไป รอเพียงชั่วครู่เสียงหวานก็ดังมาตามสายให้ได้ยิน
[พี่เพชร ทำไมโทรมาแต่เช้าเลยค่ะ พึ่งตื่นหรอคะ]
“ครับน้องเชอร์ พี่เห็นข้อความปุ๊บก็รีบตอบกลับทันทีเลย วันนี้ต้องเป็นวันดีของพี่แน่ๆ ที่ได้ยินเสียงของน้องเชอร์แต่เช้าแบบนี้” อ่าาาาาาา เธอมีความรู้สึกให้กับน้องคนนี้มากมายจริงๆ
[ฮะๆ ถ้างั้นก็คงจะเป็นวันดีของน้องเชอร์เหมือนกันค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะพี่เพชร เชอร์กำลังจะแต่งตัวไปเรียนค่ะ เดี๋ยวจะสายเอา]
“อ่า พอน้องเชอร์พูดแบบนี้พี่อยากจะวิดีโอคอลให้รู้แล้วรู้รอดจริงๆ”
[พี่เพชรอะ!! ทะลึ่ง!!] น้ำเสียงปลายสายออกจะติดอาการเขินอายเล็กน้อยเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน จนเธออดที่จะหัวเราะเบาๆ ไม่ได้
“ฮะๆ พี่ไม่ทำหรอกครับ แต่ถ้าได้พี่ก็โอเคนะครับ”
[พี่เพชร!! น้องเชอร์ไม่คุยแล้ว งื้อออ]
“ฮะๆ ไปครับๆ ไปแต่งตัว เดี๋ยวจะสายเอานะ”
[ค่ะๆ น้องเชอร์วางแล้วนะคะ สวัสดีค่ะพี่เพชร]
“ครับ” ว่าพลางหยิบยกโทรศัพท์ออกมามองหน้าจอ ที่ปรากฏว่าสายถูกตัดไปแล้ว เหลือบมองเวลา อื้มมมมม ใกล้จะ 7 โมงแล้ว คิดแล้วปัดผ้าห่มออกจากตัว ลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว หยิบชุดเมื่อวานติดมือเข้าห้องน้ำมาด้วย
จนเมื่อ 7 โมงกว่า เธอก็ออกจากห้องน้ำในสภาพที่เรียบร้อยสมบูรณ์ มาหยุดยืนอยู่ที่หน้าตู้กระจกภายในห้อง สายตามองดูข้าวของบนโต๊ะที่ตั้งเรียงราย นับว่าไอ้วุฒิมันเจ้าสำอางไม่น้อย บนโต๊ะมีอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมครบถ้วนทุกอย่าง โรลออน น้ำหอม บ่งบอกว่าเจ้าตัวดูแลตัวเองดีในระดับหนึ่ง เธอหยิบจับของๆ มันมาใช้นิดหน่อย ก่อนจะเก็บเข้าชั้นคืนที่เดิม พร้อมๆ กับคิดในใจว่าเพราะมันชอบหนุ่มน้อยหน้าตาดี เลยต้องดูแลตัวเองดีเพื่อให้ดึงดูดสายตาสินะ
ไม่อยากยอมรับ แต่ก็หลบเลี่ยงไม่ได้ เมื่อในคราแรก สายตาของเธอก็หันไปมองจ้องมันเพราะความหล่อเหลาของมันเช่นกัน คิดพลางจัดทรงผมไปด้วย ก่อนจะเดินออกจากห้องมาในเวลา 7 โมงครึ่ง เห็นเจ้าของห้องนอนแขนตกขาตกเตียง ผ้าห่มถูกกองทิ้งบนพื้น ที่ปลายคางมีรอยช้ำม่วงเล็กๆ ถ้าไม่สังเกตให้ดีก็จะไม่เห็น จะต้องเป็นตอนที่มันเงยหน้าถึงจะเห็นได้อย่างชัดเจน เหมือนกับเธอตอนนี้ที่กำลังมองมันจากปลายเท้า
เมื่อเจ้าของห้องยังไม่ตื่น แล้วเธอจะทำอะไรได้ นอกจากเดินเข้าห้องครัว หาอะไรทานในตอนเช้า รื้อค้นของๆ เมื่อคืนออกมา อีกครั้ง พลางคิดเมนูอาหารเช้าที่จะไม่ทำให้หนักท้องเกินไปนัก หมูผัดซอสกับไข่ดาวแล้วกัน คิดแล้วก็หันไปหุงข้าวให้เพียงพอสำหรับสองคน หันมาละลายน้ำแข็งออก ตั้งกาต้มน้ำ เปิดตู้ออกดูเห็นว่ามีแต่กาแฟ ครีม น้ำตาล น้ำผึ้ง นม เธอจึงจัดการทำกาแฟสองแก้วไว้ให้มันด้วย
ที่เธอดื่มมีแต่กาแฟดำ ใส่น้ำผึ้งเล็กน้อยให้มีความหอมหวานนิดๆ แต่ไม่รู้ว่าไอ้วุฒิจะชอบแบบเธอไหม ทำไปก่อนแล้วค่อยให้มันมาเติมเอาเองแล้วกัน คิดพลางตักกาแฟและน้ำผึ้งใส่แก้วใส่แก้ว แต่ยังไม่เติมน้ำร้อน กะว่าสัก 8 โมงจะไปเรียกให้มันตื่น แต่คงเพราะเธอส่งเสียงก๊องๆ แก๊งๆ แต่เช้า มันเลยเดินหน้ายุ่งหัวฟู หาวหวอดๆ เข้ามาในห้องครัว ส่งเสียงถามยานค้างอย่างคนที่ยังไม่ตื่นดี
“มึงงงง ทำห่าอะไรหว้าาาาา เสียงดังฉิบหายยยยยย” มือยกมือขยี้ตาตัวเอง สภาพเหมือนเด็กน้อยงอแงเวลาโดนรบกวนการนอนหลับ เธอเลยตัดสินใจเติมน้ำร้อนใส่กาแฟทั้งสองแก้ว แล้วยื่นไปตรงหน้ามันพร้อมกับกระปุกครีม น้ำตาล และ นม
“ทำข้าวให้หมามันแดก เอ้า ดื่มซะ จะได้ตื่น ถ้าแดกไม่ได้ก็ไปเติมเอาเอง” มันเองก็รับไปถือไว้ในมือ ก้มมองลงในแก้วเล็กน้อย หัวคิ้วขมวดหมุน ก่อนจะจิบเบาๆ
“มึงชอบแดกแบบนี้หรอว่ะ ขมสัส ไอ้ที่มึงใส่นี่หอมดีอยู่หรอก แต่ไม่พอสำหรับกูว่ะ” ว่าจบมันก็คว้าเอากระปุกน้ำตาลไปก่อนจะตักใส่ 2 ช้อนโต๊ะ ทำให้เธอตาเหลือกปนทำท่าสยดสยอง แม่ง แดกหวานสัสๆ เธอเองก็พึ่งจะรู้เอาวันนี้ ว่ามันชอบกินหวานขนาดไหน
พอมันเติมน้ำตาลเข้าไปอีก คนๆ จนมั่นใจว่าละลายดีแล้วจึงได้ยกดื่ม พร้อมกับทำท่าฟินจนเธอกลัว เธอหันหลังให้ กลับมาสนใจงานตรงหน้า แล้วเอ่ยปากไล่มัน
“มึงไปแต่งตัวไป จะสายแล้วนะ” จบคำมันก็ดื่มกาแฟให้หมด วางลงบนโต๊ะดังปึก สาวเท้าเข้าห้อง เพื่ออาบน้ำแต่งตัว ส่วนเธอก็เก็บแก้วใบนั้นมาทำความสะอาดล้าง จัดเตรียมอาหารแล้วลงมือทานทันทีโดยไม่รอมัน
ใช้เวลาเพียงชั่วครู่ไอ้วุฒิก็ออกมาในสภาพที่พร้อมกับการไปเรียน มานั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม ก้มหน้าก้มตาทานอาหาร ส่วนตัวเธอเองใช้เวลาอีกสักพักก็ทานเสร็จ เก็บจานล้างเรียบร้อย เดินไปหยิบเอากระเป๋ามาเตรียมรอไว้
พอไอ้วุฒิทานเสร็จมันก็เอาจานใส่ไว้ในซิงค์ล้างจาน หยิบข้าวของสำคัญก่อนจะพยักหน้าเป็นสัญญาณให้ออกจากห้อง เธอจึงเดินตามหลังไปเงียบๆ ขึ้นประจำที่นั่งข้างคนขับ นับได้ว่ารอบนี้มันขับนิ่มนวลขึ้นมาก เพราะไม่มีอารมณ์โกรธเข้ามาทำมันจึงขับรถได้สุภาพขนาดนี้ เธอเองก็ไม่มีอาการเมารถด้วยเช่นกัน ใช้เวลาสักพักใหญ่ก็มาถึงห้องเรียน มีเพียงเธอกับไอ้วุฒิที่มาถึงก่อนเพื่อนๆ ในกลุ่ม เลยต่างคนต่างนั่งรอไปเงียบๆ ไอ้วุฒินะที่เงียบ ส่วนเธอน่ะหรอ....
ตั้งแต่ก้าวเท้าเดินเข้าห้องมาเสียงกรี้ดกร๊าดของผู้หญิงดังไม่หยุดอยู่รายรอบตัว เธอเองก็ไม่ได้สนใจที่จะฟังหรือพูดคุยอะไรด้วย จึงไม่คิดจะห้ามปรามแม้แต่น้อย ต่างจากไอ้คนข้างๆ ที่หันมามองเธอบ่อยๆ สายตาตวัดมองอย่างเคืองๆ จนเธอเองที่ทำหน้างุนงงเพราะไม่เข้าใจสารที่มันพยายามจะสื่อถึง
“โว้ยยยยยยย กูรำคาญ พวกมึงหุบปากบ้างได้ไหมห๊ะ!!! หูกูจะแตกอยู่แล้วเนี้ย!!!” เสียงตะโกนด่าดังลั่นของไอ้วุฒิ ทำให้ทั้งห้องหันมามองเป็นตาเดียว รวมถึงสาวๆ ของเธอด้วยก่อนจะสลายตัวไปอย่างรวดเร็ว ไม่ส่งเสียงน่ารำคาญใกล้ๆ เธออีก
“มึงนี่ก็นะ ไม่เปิดปากว่าพวกหล่อนมั้ง กูส่งซิกจนตากูจิกไปข้างแล้วเนี้ย” มันหันมาด่าเธอต่อแทนอย่างฉุนเฉียว
“แล้วทำไมมึงไม่พูดละห่า กูก็นึกว่ามึงเป็นโรคสันนิบาต ตากระตุกยิ้บๆ ไม่หาย กะว่าจะไล่มึงไปหาหมออยู่เนี้ย” ได้ทีเธอเองก็ด่ามันกลับเช่นกัน เรื่องอะไรจะยอมให้มันมาด่าฟรีๆ มันมองหน้าเธอ ชี้หน้าคาดโทษ ก่อนจะสะบัดหน้ากลับไปสนใจมือถือในมือ จะว่าไปเธอเองก็สบายหูดีเหมือนกัน ต้องขอบใจมันละนะ
เมื่อใกล้ถึงเวลาเข้าเรียน ไอ้นายถึงโผล่มา แล้วตามด้วยไอ้ซันไอ้เบส ทักทายกันตามประสานิดหน่อยแล้วนั่งที่เริ่มต้นเรียนหนังสือ จนกระทั่งจบคาบเรียน เธอก็เริ่มคิดแล้วว่าจะไปที่ไหนต่อดี เพราะมีเรียนแค่ช่วงเช้า บ่ายว่าง ไปยิงปืนสักหน่อยก็ดี เธอเองจึงแยกย้ายกับเพื่อนๆ ตรงไปที่ร้านเหล้าเมื่อวาน เอารถตัวเองกลับมา มุ่งตรงไปสนามซ้อมยิงปืน
เมื่อมาถึงสนามอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง เข้าไปทำการเช่าปืนกล็อก (Glock) แล้วซื้อกระสุนจริง 9 มม. จำนวน 50 นัด มากล่องหนึ่ง ถือข้าวของเดินเข้าล็อกซ้อมยิง จัดการใส่กระสุนลงในแม็กกาซีน เธอใส่เพียง 14 นัดจาก 16 นัด เพื่อไม่ให้แน่นเกินไปแล้วมันผลต่อสปริง ตรวจสอบความเรียบร้อย แล้วจึงจัดท่าทาง เธอถือปืนด้วยมือข้างซ้ายเพียงข้างเดียว เท้าทั้งสองข้างแยกออกจากกัน ตั้งมั่นเตรียมรับแรงกระแทก สูดลมหายใจเข้าลึก ตั้งสมาธิก่อนจะเหนี่ยวไกลปืน
ปัง!
เธอลดปืนลงเล็กน้อย จ้องมองเป้าที่อยู่ห่างออกไป 50 เมตร อืมมมมม 6 คะแนน เธอจัดท่าทางของตัวเองอีกครั้ง มือลดลงแนบลำตัว หลับตาตั้งสมาธิ สูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะค่อยๆ ผ่อนออก ปล่อยใจให้สบาย ดวงตาของเธอถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง ยกมือข้างซ้ายขึ้นขนานไปกับพื้นโลก ใช้เวลาเพียงชั่วครู่ก็เหนี่ยวไกลออกไป 2 ครั้งติด
ปัง! ปัง!
7 คะแนน 8 คะแนน เธอขยับปลายกระบอกปืนอีกเพียงเล็กน้อย แล้วยิงออกไปอีกครั้ง
ปัง! ปัง!
9 คะแนน 9 คะแนน พื้นที่สีแดงถูกเจาะจนเป็นรูชัดเจน แต่ยังไม่สมใจเธอ ในครั้งนี้เธอตั้งสมาธิ เพ่งมองนานกว่าเดิมนิดหน่อย ไม่ช้า เสียงดังเพราะการกดไกลปืนก็ดังขึ้น
ปัง!
10 คะแนน เธอยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะยิงออกไปอีก 8 นัด จนหมดแม็กกาซีน และครั้งนี้มันก็เข้าเป้าที่ 10 คะแนนทั้งสิ้น เธอจัดการดึงชักรอกเพื่อดึงเป้าเข้ามาใกล้ จัดการเปลี่ยนเป้ายิง จากแบบวงกลมเป็นร่างคน แล้วดึงกลับไปที่เดิมในระยะ 50 เมตร จัดเรียงกระสุนใส่แม็กกาซีนอีกครั้ง จัดท่าทาง ก่อนจะเริ่มยิ่ง ที่เธอยิงออกไปถูกที่บริเวณหัวไหล่ทั้งสองข้าง บริเวณหัวใจ ท้อง หน้าอก และศีรษะ เหลือบมองเวลา เธอใช้เวลาในการยิงและเล็งมากเกินไปหน่อย....
จนเมื่อลูกปืนหมดแม็กกาซีน ก็ทำการเปลี่ยนป้ายแล้วเติมกระสุนเข้าไปใหม่ รอบที่สามของเธอ เธอรัวนิ้วเหนี่ยวไกลปืนทีเดียวรัวๆ โดยไม่เว้นจังหวะพัก จนเมื่อกระสุนหมด ถึงได้ลดปืนลง
แปะ แปะ แปะ
“ยังแม่นเหมือนเดิมเลยนะครับคุณเพชร” เธอหันไปตามเสียงปรบมือที่ดังขึ้นจากด้านหลัง หันไปยกยิ้มให้กับจ่าคนสนิทของบิดา วางปืนลงบนโต๊ะ หันไปยกมือไหว้สวัสดีอีกฝ่าย
“สวัสดีครับจ่านิด”
“ไม่ได้พบกันนานเลยนะครับ”
“ครับ พอดีเกเรบ้างนิดหน่อย เลยห่างหายไปบ้าง จนต้องซ้อมก่อนเพื่ออุ่นเครื่องเลยครับ ฮะๆ”
“นั่นน่ะสิครับ ผู้กองถึงชอบมาบ่นให้ผมฟังบ่อยๆ ว่าคุณเพชรชอบเกเรไม่ยอมกลับมานอนบ้าน ไปหาแต่สาวๆ ลืมพ่อลืมแม่แล้วนั่น” เธอได้ยินคำบ่นนั้นแม้จะรู้ว่าบิดาไม่ได้ตั้งใจบ่นให้เป็นเรื่องเป็นราว แต่ก็อดทำหน้าเจื่อนไม่ได้
“ไว้เดี๋ยวผมจะแวะเข้าบ้านบ่อยๆ แล้วกันนะครับ ขอบคุณครับที่จ่านิดมาบอก” เธอยกยิ้มให้อีกคน ซึ่งจ่านิดก็ทำเพียงพยักหน้าให้ก่อนจะบอกลาแล้วผละจากไป
สงสัยวันนี้เธอคงต้องกลับไปนอนบ้านบ้างแล้วล่ะ คิดพลางหันมาสนใจการยิงปืนของตนเองต่อ จนเมื่อกระสุนหมดกล่อง ทำเรื่องคืนอุปกรณ์ สะบัดแขนเล็กน้อยคลายความเมื่อยล้าของแขนซ้ายที่รับภาระหนักหน่วง
อืมมมมมม รอบหน้าเธอซ้อมยิงข้างขวาด้วยดีกว่า เผื่อว่าจะใช้คล่องแล้วจะได้ลองยิงแบบสองมือดูบ้าง ในครั้งแรกเริ่มที่เธอได้ลองยิงปืนดู ก็เพราะการเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่นั่นแหละ รบเร้าบิดาให้สอนให้ เพราะเธอจะไม่ยอมแพ้ไอ้ผู้ชายหน้าไหนเด็ดขาด ถึงจะไม่ชนะแต่ก็ต้องเสมอ นั่นคือคติของเธอ เธอจึงทุ่มเทให้การฝึกซ้อมทุกอย่างที่จำเป็น ให้เทียบเท่ากับผู้ชาย เธอถึงได้รู้ว่าตนเองสายตาเอียงขวาเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับต้องใส่แว่น แต่มันก็มีผลมากเมื่อเธอฝึกซ้อมยิงปืนด้วยมือขวาและมันห่างออกจากเป้าไปเรื่อยๆ จนต้องหันมาจับมือซ้ายเพื่อให้มันเท่ากัน
แต่กระนั้นการใช้มือซ้ายยิงปืนติดต่อกัน 50 นัด ก็ทำให้แขนเธอล้าเอาเรื่อง คงจะดีถ้าเธอใช้มือขวาได้ด้วย แต่ต้องค่อยๆ ฝึกให้มันใช้ด้วยกันได้ เพราะมือข้างขวาของเธอจะเบี่ยงไปซ้ายเยอะหน่อย เธอคิดพลางๆ ขณะขับรถมุ่งตรงกลับบ้าน ก็นะ บิดาเธอบ่นออกมาขนาดนี้แล้ว จะใจร้ายใจดำไม่สนใจได้อย่างไร
เอาจริงๆ เธอว่าช่วงนี้เธอก็กลับบ้านออกจะบ่อยนะ พึ่งจะมานอนในคืนวันศุกร์ อาทิตย์ ที่ผ่านมานี้เอง เรียกได้ว่าวันเว้นวันก็ได้ละมั้ง แต่เอาเถอะ ไหนๆ ก็มาขนาดนี้แล้ว เธอจัดการจอดรถไว้ในจอดรถภายในบ้าน เห็นหลังมารดายืนอยู่หน้าเตาเพราะเตรียมทำอาหารเย็น
เธอเดินย่องไปแผ่วเบาก่อนจะกระโดดไปกอดเอว ก้มหน้าลงหอมแก้ม มารดาของเธอสะดุ้งสุดตัว หันมาหวีดร้องอย่างตกใจ
“ว้ายยยย ตาเถรรร” พอหันมาเห็นว่าเป็นเธอ ฝ่ามือเรียวบางก็ฟาดลงมาที่ต้นแขนเบาๆ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงดุๆ
“เล่นอะไรอย่างนี้ แม่ตกใจหัวใจวายทำยังไง”
“ไม่เป็นไรนะแม่ เดี๋ยวหนูเรียกพ่อมาผายปอดให้” เธอว่าแล้วยกยิ้มแฉ่ง ก่อนจะโดนมะเหงของมารดามาเต็มๆ กับความขี้เล่นของเธอ
“ไปๆ ๆ อาบน้ำให้สบายตัวไป เดี๋ยวแม่จะทำกับข้าวเพิ่มให้ ใครจะรู้ว่าหนูจะมา เลยทำแค่พอทานเฉยๆ ไว้เสร็จแล้วเดี๋ยวแม่จะไปเรียก” เธอพยักหน้าหงึกๆ ขโมยหอมแก้มซ้ายแก้มขวาอย่างละที พ่อไม่อยู่เธอต้องกอบโกยสักหน่อย ก็พ่อเธอหวงแม่อย่างกับอะไร แตะนิดต้องหน่อยเป็นไม่ได้ ขนาดกับลูกก็ไม่เว้น มารดาก็ได้แต่หัวเราะด้วยความเอ็นดู แล้วเธอก็เดินจากมา จัดการอาบน้ำแต่งตัวใหม่ แล้วนอนเล่นบนเตียง
จนเมื่อเวลายามเย็นมาถึง บิดาของเธอก็กลับเข้าบ้านมา ทั้งสามคนพ่อแม่ลูกถึงได้นั่งร่วมโต๊ะทานอาหาร พ่อของเธอทักนิดหน่อยเรื่องที่เธอไปสนามยิงปืนแต่ไม่ยอมเลยไปหาที่สถานีตำรวจ ถ้าจ่านิดไม่ได้กลับมาบอกก็คงไม่รู้ว่าวันนี้ลูกสาวจะกลับเข้าบ้านมา เธอก็ได้แต่ยิ้มรับ ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป พอทานข้าวเสร็จ ทั้งครอบครัวก็มานั่งรวมกันที่ห้องนั่งเล่นของบ้าน
“เพชร ช่วงนี้มีหนุ่มๆ เข้ามาบ้างไหมลูก” เสียงของมารดาเอ่ยขึ้นที่ด้านบนศีรษะ เพราะเธอนั่งอยู่ที่พื้นด้านล่างดั่งเช่นทุกที ฝ่ามืออ่อนโยนลูบเส้นผมเบาๆ ขณะถาม
“โห้ยยย แม่ ถามว่ามีสาวๆ กี่คนยังตอบง่ายกว่าเลย อะ เอาจริงๆ ก็ไม่ง่ายหรอก แยะเยอะขนาดนั้น แต่ว่าถ้าถามถึงสาวๆ ก็ยังตอบได้มากกว่าอยู่ดีนั่นแหละ” เธอตอบคำถามของมารดาไปพึมพำไป เมื่อมารดาถามถึงผู้ชายที่แวะเวียนเข้ามาในชีวิต
“ไม่คิดจะมีแฟนเป็นผู้ชายจริงๆ หรอลูก ถ้าพ่อแม่แก่เฒ่าไปแล้วใครจะดูแลเราละ ยังไงเราก็เป็นผู้หญิงนะ แม่อยากให้มีคนมาคอยดูแล แม่จะได้วางใจ” คำพูดของมารดาทำให้เธอนิ่งไป ด้วยรู้ว่าไม่ว่าจะพูดคำใด ก็ไม่อาจทำให้ความหวังของมารดาเป็นจริงได้ เพราะเธอเลิกมองหาผู้ชายดีๆ ไปนานแล้ว นึกภาพตัวเองที่อยู่ภายใต้การปกป้องของผู้ชายไม่ออก แต่กลับมองเห็นภาพของเธอโอบแขนปกป้องเด็กสาวได้แทน เด็กที่แตกต่างจากคนอื่นๆ เด็กสาวที่พิเศษคนนั้น...
“คุณก็ เพชรมันเป็นแบบนี้ก็ดีจะตาย ถ้ามันได้เมียแทนผัวจริงคุณน่าจะพอใจนะ เพราะผู้หญิงรู้จักเอาอกเอาใจได้ดีกว่าผู้ชายเสียงอีก ความสามารถของเพชรเองก็เทียบเท่าผู้ชายคนหนึ่ง เผลอๆ ยังทำได้ดีกว่าซะอีก ไม่ต้องมีหรอกเพชรสามีน่ะ มีเมียดีกว่าเยอะ แต่ต้องหาให้ได้อย่างแม่เรานา ไม่งั้นพ่อก็ไม่ยอมเหมือนกัน”
“หู้ยยยย พ่อจ๊ะพ่อจ๋า เข้าใจหนูที่สุด ตรงใจมากๆ เอาไปเลยหัวใจดวงน้อยๆ ของนุ้งเพชร”
“เฮ้อ เข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย แม่ก็อยากอุ้มหลานนะเพชร อยู่บ้านเฉยๆ คนเดียวทุกวันมันก็น่าเบื่อนะ พวกเราทั้งสองคนต่างมีหน้าที่ของตัวเองให้ทำไง เจอคนออกจะเยอะแยะ แม่นี่สิ วันๆ เอาแต่อยู่บ้าน จะได้ไปเจอกับใครที่ไหนละ”
“โอ้ยแม่จ๋า งั้นแบบนี้เพชรจะกลับมานอนที่บ้านบ่อยๆ นะ พ่อด้วยนะรู้ไหม อย่าแอบย่องออกจากบ้านบ่อยนักละ” อ้อนแม่เสร็จไม่วายหันไปสุ่มไฟให้บิดา จนสะดุ้งโหย่งเมื่อสายตาเข้มๆ ของมารดาตวัดมอง
“นี่คุณแอบออกไปข้างนอกตอนฉันหลับหรอ” เสียงดุดันเฉียบขาดดังมาจากริมฝีปากเล็กบางของมารดา มองอย่างเอาเรื่อง จนพ่อของเธอต้องรีบบีบนวดให้คลายอาการโดยพลัน ไม่วายหันมาส่งสายตามองเธออย่างคาดโทษ ก่อนจะเปิดปากอธิบาย
“โอ้ย เมียจ๋า ผัวไม่ได้แอบไปไหนเลยนะ งานราชล้วนๆ ตะเองก็รู้นี่จ๊ะ ช่วงนี้ผัวติดตามการลักลอบค้าอาวุธเถื่อนอยู่ ไม่มีทางไม่มีเล็กมีน้อยที่ไหนแน่นอน เค้ารักตัวเองขนาดนี้จะไปทำแบบนั้นได้ยังไง”
“ฮึฮึฮึ” เธอหลุดเสียงหัวเราะออกมา เมื่อพ่อของเธอแปลงร่างจากผู้กองที่ใครๆ ต่างก็ให้ความเคารพนับถือกลายมาเป็นแมวเชื่องๆ ตัวเล็กกระจิริด จนสายตาของบิดาตวัดมอง เธอทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะเอ่ยปาก
“ก็ไม่รู้สินะ เห็นชอบแอบออกไปตอนดึกๆ บ่อยๆ ไปเคลียร์กันเองนา เพชรไม่เกี่ยว” ว่าจบก็เดินขึ้นบ้าน ปล่อยให้บิดากับมารดาเคลียร์กันไป ไม่นานเสียงทีวีก็เงียบลงพร้อมๆ กับการปิดไฟภายในบ้าน เมื่อต่างคนต่างเข้าห้องนอน
เธอเดินไปมองดวงดาวที่กระจายเต็มท้องฟ้าบริเวณระเบียงห้อง เท้าคางเงยหน้ามอง ในใจครุ่นคิดเรื่องที่มารดาพูดทิ้งท้ายไว้
เมื่อครั้งยังเด็ก เธอเคยเปิดใจให้กับผู้ชายแล้วมันพังไม่เป็นท่า เธอไม่อยากเจ็บแบบนั้นอีก เธอจึงกลายเป็นเธอในทุกวันนี้ เรื่องมีลูก ไม่ใช่เธอไม่คิด เพียงแต่มองว่าสมัยนี้เทคโนโลยีล้ำหน้าไปมากขนาดไหน วิธีการที่ทำให้ท้องก็มีตั้งมากมาย เธอสามารถไปโรงพยาบาลแล้วไปเลือกเอาจากธนาคารอสุจิก็ยังได้ อยากได้ลูกหน้าตาแบบไหนมียีนเด่นยีนด้อยอะไรก็สามารถตอบได้หมด เพียงแต่เด็กคนนั้นจะเกิดมาจากความรักของเธอเพียงคนเดียว และเขาจะไม่มีพ่อผู้ให้กำเนิด
ซึ่งมันคงจะไม่ตรงใจมารดาสักเท่าไหร่ เมื่อแม่ของเธออยากให้เธอได้มีใครสักคนที่คอยปกป้องดูแล และมีลูกด้วยกันอันมาจากความรัก น่าเสียดายที่เธอมองไม่เห็นผู้ชายที่ยืนอยู่ปลายทางนั้นเลยสักคน แต่กลับกลายเป็นหญิงสาวรูปร่างบอบบาง ผมยาวประบ่าคนนั้นแทน
“เฮ้ออออออออ มันจะไปมีได้ยังไงละแม่ เพชรเข็ดขยาดถึงขนาดนี้” เสียงรำพึงรำพันดังไปตามสายลม ถูกกลืนหายไปกับความมืดมิด ไร้สุ้มเสียงใดๆ ตอบรับกลับมา ดวงตากลมสวยจดจ้องมองดวงจันทร์และดวงดาวที่ลอยเด่นอยู่บนฟ้า ปล่อยจิตใจให้ล่องลอยไปตามลม ไม่มีคำพูดใดๆ ถูกเอื้อนเอ่ยออกมาอีก
