บทที่ 2 ผู้ชายน่าสมเพช NC นิดๆ
ตั้งแต่เปิดเทอมมาเธอเริ่มรำคาญสาวๆ ที่เข้ามาหานิดหน่อย เพราะมันแตกต่างจากตอนมัธยมปลายมากนัก ด้วยจำนวนคนที่มากขึ้น คนรายล้อมเพิ่มขึ้น อีกทั้งเดินไปทางไหนก็ต้องมีคนคอยอ่อยอยู่ตลอด จากในช่วงแรกๆ ที่ยอมเล่นด้วยก็กลับกลายเป็นเริ่มรำคาญนิดๆ ไปซะอย่างนั้น
ส่วนการอยู่อาศัยก็เดินทางไปกลับระหว่างบ้านกับมหาลัยแทน เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ค่อยได้นอนที่บ้านบ่อยนักหรอก ไปนอนห้องสาวๆ เสียมากกว่า ในทุกๆ ค่ำคืน จะต้องมีเรื่องอย่างว่ามาเกี่ยวข้องเสมอ ส่วนตัวเธอเองก็ส่งพวกสาวๆ ถึงสวรรค์ ก่อนจะนอนหลับพักผ่อนไปด้วยกัน
ถ้าพูดถึงเรื่องนี้แล้ว แรกเริ่มเดิมทีก็ไม่ได้ช่ำชองขนาดนั้นหรอก แต่เพราะหญิงสาวรุ่นพี่ที่คุยๆ กันในขณะนั้น พาเข้าไปร้านเหล้า ดื่มจนเมามายขาดสติ จับเธอกดซะอย่างนั้น ตัวเธอเองก็ปรนเปรอให้หญิงสาวรุ่นพี่ตามคำสั่งทุกอย่าง พลางคิดไปว่ามันก็ไม่ได้แย่ ร่างกายของผู้หญิงน่ะ ทั้งหอม ทั้งหวาน ผิวเนียนนุ่ม หน้าอกหน้าใจเต็มไม้เต็มมือ ยามที่มันเด้งดึ๋งตามแรงขยับกายยิ่งน่ามองเข้าไปอีก และนั้นเป็นเซ็กส์ครั้งแรกที่ได้สัมผัส ก่อนจะพัฒนามาเรื่อยๆ พร้อมกับอุปกรณ์ต่างๆ ที่เอาเข้ามาสร้างอรรถรสในเรื่องอย่างว่า และที่ใช้บ่อยสุดก็คงจะเป็น กางเกงทอม หวังว่าคงไม่ต้องอธิบายนะว่าหน้าตามันเป็นยังไง......
ตัวเธอเองก็ใช่ว่าจะไม่เคย ก็นะ มันก็ต้องมีบ้าง แต่ส่วนใหญ่พวกสาวๆ น่ะ ชอบที่จะนอนอ้าขา มากกว่าจะเป็นคนออกแรงกระแทกนี่ เพราะงั้นสิ่งที่เคยรุกล้ำร่างกายเข้าไปได้มีแค่นิ้วมือเท่านั้นล่ะ
ถามว่าพ่อกับแม่เป็นห่วงไหม? ไม่หรอก จะห่วงทำไม ในเมื่อเธอมีความสามารถทั้งการต่อสู้ในระยะประชิดและระยะไกล ไม่ใช่อะไร มวยไทยกับยิงปืนไงล่ะ แถมยังไปทำให้สาวที่ไหนท้องไม่ได้ พวกท่านก็เลยไม่ค่อยห่วงซักเท่าไหร่ เพราะมั่นใจว่าเอาตัวรอดได้ดี
“พี่เพชร ดูเรื่องนี้กันนะ” หญิงสาวทอมบอยรูปร่างสูงโปร่งหันไปตามเสียงเรียก ของเด็กสาววัยมัธยมปลายข้างกาย มือล้วงกระเป๋าน้อยๆ ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างไม่เรื่องมาก แล้วเดินไปซื้อตั๋วแล้วของทานเล่นระหว่างดูหนัง หนังที่หญิงสาวข้างกายเลือกมาเป็นเรื่องของหญิงสาวคนหนึ่งที่ชีวิตก็ดูมีความสุขดี จนพบว่าตัวเองนั้นป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย เลยเลือกที่จะทำทุกอย่างที่อยากก่อนตาย จนไปรักกับคนที่เปิดซิงของเธอ เรียกได้ว่าเป็นหนังดังในช่วงนี้เลยก็ได้
เธอพาหญิงสาวตัวเล็กแต่หน้าอกหน้าใจไม่ได้เล็กตามตัว เข้าไปนั่งรอภายในโรงหนัง พอนั่งลงได้สาวเจ้าก็เอาแขนของเธอไปกอดไว้ บดเบียดอกใหญ่ๆ มาถูไถที่แขน ก็ไม่ได้รู้สึกแย่หรอกนะ ออกจะรู้สึกดีด้วยซ้ำไป... ก่อนที่หนังจะเริ่มฉายไม่นาน ก็มีกลุ่มผู้ชาย 4 คนเดินมานั่งข้างๆ ฝั่งทางซ้ายมือ หันไปมองนิดหน่อย เพราะมีไอ้เจ้าคนหัวสีส้มน้ำตาล ที่มันมาทักวันรับน้องเดินมาด้วยกัน เอ มันชื่ออะไรหว่า ซันใช่ไหมนะ ก่อนจะไล่มองหน้าเพื่อนๆ ของซันทีละคน มีคนตัวเล็กหน้าตาน่ารักด้วยแฮะ เหมือนผู้หญิงเลย อีกคนก็ดูนิ่งๆ ขรึมๆ เย็นชาเข้าถึงยาก ส่วนอีกคนที่นั่งติดกัน ใบหน้าดูหล่อร้ายแต่ดูดีแฮะ แรงกระตุกที่แขนเรียกให้เก็บคืนสายตา หันไปมองคนที่กำลังคล้องแขนกันอย่างสนใจ
“มีอะไรครับ”
“พี่เพชร ดูผู้ชายคนนั้นสิ หล่อจังเลย” มือขาวนวลเล็กๆ นั้นชี้ไปที่ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ ทางซ้ายมือ จนฉันต้องตวัดสายตาหันกลับไปมองอีกครั้ง แล้วก้มมองคนข้างกายในแววตามีความคุกรุ่น
“อยู่กับพี่ ยังมองหาผู้ชายอื่นอีกรึไง เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย” เอ่ยปากดุเสียงเข้ม จ้องมองด้วยแววตาคาดโทษ
“แหะๆ แต่พี่เพชรที่หนึ่งในใจหนูนะ” สาวเจ้ายิ้มแผล่ให้อย่างเอาใจ ส่วนเธอเองก็ตวัดสายตาไปมองไอ้หล่อข้างกาย เริ่มจะไม่ชอบขี้หน้ามันตงิดๆ ก่อนจะถอนคืนสายตาหันไปมองภาพยนตร์ตรงหน้า ละความสนใจจากคนข้างตัว จนเมื่อหนังฉายมาถึงเรท 18+ ก็ได้ยินเสียงพึมพำข้างตัวจนต้องหันไปมอง
“อู้ยยยยย ซี้ดดด” คนหน้านิ่งขรึมๆ นั่นพูดขึ้น
“แมร่งงงงง” ไอ้หน้าหล่อที่นั่งข้างๆ กัน
“ปวดไปหมดแล้วกู” ไอ้นี่ ไอ้ซัน เธอจำได้ แต่ละคนเอามือกุมเป้าของตัวเองไว้ ขย้ำไปมา
น่าขยะแขยง
หากแต่เสียงครางหวานข้างๆ กันทำให้ต้องหันไปมอง
“อื้ออออ” ขาของเด็กสาว บดเบียด ไขว้กันไปมา จนอดที่จะสงสารไม่ได้ ฝ่ามือค่อยๆ ลูบไล้ไปที่ต้นขาขาวเนียนนุ่ม ก่อนจะล้วงลึกขึ้นเรื่อยๆ สาวเจ้าหันมาทำหน้าตาตื่น มองรอบข้างอย่างหวาดระแวง
“นิ่งๆ ดูหนังไปสิครับ” จบคำ นิ้วมือก็แตะลงที่โหนกนูนของสาวเจ้าผ่านเนื้อผ้า จะสะดุ้งเฮือก ปลายนิ้วสะกิดลงที่คริสตอรี่ บดบี้เบาๆ จนคนข้างกายสั่นสะท้าน ก้มหน้างุด ปิดปากแน่น แต่ตัวเธอเองกลับนั่งหน้าตรง สนใจหนังตรงหน้า เมื่อพระเอกทำกับนางเอกยังไง มือของเธอก็ขยับตามไปในแบบเดียวกัน
“อ๊ะ อุ้บ!” เสียงที่เล็ดลอดออกมาถูกเปล่งออกจากริมฝีปากมันวาวสีชมพู จนต้องหันไปแสยะยิ้มให้บางเบา ในขณะที่มือก็เร่งความระรัวเพิ่มขึ้นอีก จนนิ้วมือเปียกชื้นฉ่ำน้ำ ก่อนจะแหวกเนื้อผ้าให้หลบไปด้านข้าง และสอดแทรกนิ้วมือเข้าไปช้าๆ คนข้างกายผวาเฮือก ตะครุบจับข้อมือเอาไว้ จนต้องหันหน้าไปมอง
“หึหึ” เธอยกยิ้มร้ายส่งไปให้ ก่อนจะรัวมือจนคนข้างกายกระตุกเกร็ง แต่ยังหรอก ยังไม่พอ ถึงแม้หญิงสาวข้างกายจะเสร็จสมอารมณ์หมายจนตัวเบาสบายล่องลอยไปแล้ว แต่ฉาก 18+ ตรงหน้ามันยังไม่จบนี่ ไม่รอช้าให้เธอได้สติ นิ้วมือทั้งสามก็แทรกลึกเข้าไปทันทีจะตัวเธอสั่นสะท้าน ในตาฉ่ำปรืออย่างอ้อนวอน ขอให้เติมเต็มมากกว่านี้
“ไปสวรรค์อีกสักทีนะครับ” ก้มหน้าลงกระซิบเสียงเบา หันกลับไปสนใจหนังตรงหน้า ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะที่เริ่มขยับมือเข้าออก จากช้าๆ เป็นระเร็ว จนสาวเจ้าดิ้นพล่านอย่างทรมานและสุขสม มือบางยกขึ้นปิดปากตัวเองไว้แน่น บิดกายไปมาด้วยความเสียวซ่านที่ได้รับ ความอุ่นร้อนพ่นรดมืออีกครั้งเป็นครั้งที่สอง ปริมาณมากจนเลอะเบาะที่นั่ง ถอนมือออกช้าๆ พร้อมๆ กับฉาก 18+ ที่จบลง
ผุดตัวลุกขึ้นยืนเดินตรงไปเข้าห้องน้ำ เหมือนกับผู้ชายหลายๆ คนแล้วตรงเข้าห้องน้ำหญิงแทน จัดการล้างมือล้างไม้ให้เรียบร้อย ในขณะที่เดินออกมาจากห้องน้ำ ก็ได้ยินเสียงคำรามต่ำของพวกผู้ชายที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามาทำอะไรก่อนจะเดินผละจากมา กลับไปนั่งที่เดิม ก็ยังเห็นคนข้างกายนั่งหายใจหอบรุนแรง
เธอเปิดกระเป๋า หยิบเอากระดาษทิชชูส่งให้ ให้เธอไปจัดการตัวเอง จนเมื่อเธอเสร็จเรียบร้อยดี จึงกลับมานั่งกอดแขนกันเหมือนเดิม พร้อมๆ กับกลุ่มเพื่อนๆ ของซันที่พากันกลับมานั่งที่ ถึงได้พึ่งสังเกตว่าผู้ชายหน้าตาแบ๊วๆ นั่นไม่ได้ไปด้วย น่ารักดีแฮะ ก่อนที่ภาพตรงหน้าจะถูกบดบังด้วยผู้ชายรูปร่างสูงโปร่ง ที่ไม่ได้ดูตัวหนาหรืออะไร กลับจะติดผอมแห้งไปสักหน่อย
ไอ้หน้าหล่อ
เมื่อมีมันมานั่งบังสายตา ก็เลยกลับมาสนใจหนังตามเดิม จนเมื่อหนังจบแล้วถึงได้เดินตรงไปที่รถมอเตอร์ไซต์แบล็คเบิร์ดของตัวเอง ให้หญิงสาวซ้อนท้ายก่อนจะค่อยๆ ออกตัว ชั่วขณะที่ขับรถผ่าน เห็นรถสปอร์ตอเวนทาดอร์คันหนึ่งจอดอยู่ และมีผู้ชายตัวใหญ่ใบหน้าหล่อเหลาเดินเข้าไปหาเพื่อนแบ๊วๆ ของไอ้ซัน อ่อ คงจะเป็นผัว ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองไอ้หน้าหล่อ แค่เห็นสายตาก็รู้แล้ว
แห้วแล้ว มึงน่ะ
คิดในใจก่อนจะขับรถออกไปด้วยความรวดเร็ว
จัดการส่งหญิงสาวให้ถึงบ้านก่อนจะขับรถกลับบ้านตัวเอง และถึงบ้านราวๆ 4 ทุ่ม เพราะระยะทางค่อนข้างไกล ไหนจะต้องขับไปส่งสาวอีก เดินเข้าบ้านมาทั่วทั้งบ้านก็ดับไฟหมดแล้ว จัดการขึ้นไปอาบน้ำนอนพักผ่อนเอาแรง
วันนี้มีเรียนแค่ช่วงบ่าย จึงใช้ชีวิตเอื่อยๆ อยู่บ้านพักใหญ่ ก่อนจะออกเดินทางไปมหาลัย เมื่อก้าวเท้าเข้ามาก็มีสาวๆ รายล้อม ส่งเสียงทักทายกันไม่หยุด ตลอดทางจนกระทั่งมาถึงห้องเรียน เดินผ่านกลุ่มไอ้ซันไป ได้ยินบทสนทนาแค่บางส่วน
“เออ ก็ไม่ใช่แค่นั้นหรอก พี่เขาบอกว่าเขาจะจีบกูว่ะ”
“มึงเริ่มชอบพี่เขาเหมือนกัน ว่างั้นเถอะ” ไอ้ซันเลิกคิ้วถามคนตัวเล็กๆ หน้าตาน่ารักนั่น
“กูก็ไม่รู้ว่ะ กูยังไม่แน่ใจ”
“แต่กูว่ามึงไม่รอดพี่เขาหรอก อย่างมึงได้กลายเป็นเมียพี่เขาแน่ เชื่อกู กูแม่น” เพื่อนหน้าขรึมพูดขึ้นมา ก่อนจะเห็นไอ้หน้าหล่อเดินออกจากห้องไปหลังไวๆ เธอไม่สนใจเสียงที่ได้ยินผ่านหู ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่ของตัวเอง แล้วก็ล้อมด้วยสาวๆ อีกทีอะนะ
เวลาผ่านไปหลายวันอยู่ ไอ้หน้าหล่อที่หายไปวันนั้นมันก็ไม่กลับเข้ามาเรียนอีก เธอเองก็แค่มองผ่านๆ อย่างรับรู้ และเหมือนพวกเพื่อนๆ มันจะเป็นห่วงอยู่มาก แต่เธอน่ะสิ รู้ตั้งแต่วันแรกที่มันหายไปนั่นเลย มันไม่ได้ไปไหนไกลหรอก ไปกินนอนร้านเหล้าแถวมหาลัยนี่แหละ แต่ก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรที่จะต้องไปบอกพวกเพื่อนๆ มันนี่ ได้เพียงรับรู้และอยู่เฉยๆ เท่านั้น ส่วนฉันเองก็แปลกใจนิดหน่อย หลังจากที่มันมาคนเดียวซะหลายวัน แต่วันนี้กลับมีพวกเพื่อนๆ ตามมานั่งด้วย รวมถึงหนุ่มหน้าแบ๊วคนนั้นด้วย
เห็นมันเดินตามๆ กันไปในห้องน้ำชาย ก่อนจะกลับออกมา ก็เจอผัวของไอ้หนุ่มนั่นพอดี ก็ไม่รู้ว่ามันไปพูดอะไรกับเขาอะนะ โดยยำตีนเฉย แม่ง น่าสมเพชว่ะ ผู้ชายซะเปล่า หันไปมองหาไอ้ซัน นั่งนัวเนียกับผู้หญิงอีกคนไปแล้ว พอๆ กับไอ้หน้านิ่งนั่นเลยวุ้ย เพื่อนมึงนอนตายคาตีนอยู่นี่ มึงรู้ไหมเนี้ย เฮ้อออออ
“มึง ไหวไหมว่ะ” ว่าพลางเอาเท้าเขี่ยๆ สะกิด มันก็พาร่างช้ำของตัวเองลุกขึ้นยืน โงนเงนเล็กน้อย ก่อนจะล้มลงอีกครั้ง
“แม่ง หมัดหนักฉิบหาย เอาซะมึนเลยกู”
“กลับไหวปะมึง ให้กูไปส่งมะ”
“มึงเป็นใครวะ” ไอ้หน้าหล่อหันมาถามเบาๆ พลางทำหน้าครุ่นคิด ทั้งๆ ที่แก้มมันช้ำเขียว บวมตุ่ยไปข้าง
“หน้ามึงคุ้นๆ ว่ะ” เธอถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะส่ายหน้าไปมา ฉุดให้มันลุกขึ้นด้วยมือข้างเดียว ก่อนจะเอาแขนมันพาดบ่า ขนาดว่าตัวเธอสูงแล้วนะ ไอ้หมอนี่ยังสูงกว่าอีก แต่ก็แค่ 2 – 3 เซน เท่านั้นละ ก้าวเท้าเดินมาเรื่อยๆ จนมาถึงแบล็คเบิร์ดของตัวเอง หยิบเสื้อหนังมาสวมใส่ พร้อมกับหมวกกันน๊อคแบบเต็มใบมาถือไว้ ส่วนได้คนข้างๆ นี่ก็มานั่งพิงรอ
“ฮัลโหล น้องเชอร์ พอดีพี่ติดธุระ ......ขอโทษนะครับ ไว้พี่จะชดใช้ให้นะ รับรองว่าน้องเชอร์ต้องชอบแน่ๆ ..... ครับ แล้วเจอกันนะ” คุยเสร็จก็ตัดสาย สวมหมวก ก่อนจะขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซต์ตัวเอง พลางพยักหน้าให้ไอ้คนข้างหลังขึ้นซ้อน พร้อมกับยื่นหมวกกันน๊อคให้ด้วย
“มึงชื่ออะไรวะ” คำถามถูกเปล่งออกมาจากปากช้ำเลือด เรียกให้สนใจกลับไปมอง ก่อนจะตอบกลับอย่างเฉยชา
“เพชร”
“เออ กูวุฒินะ กูพึ่งนึกออก มึงเรียนเซคเดียวกับกูนี่”
“เออ จะไปได้ยัง” ว่าพลางส่งสายตารำคาญให้เห็น หากมันยังชักช้าแบบนี้จะปล่อยทิ้งไว้นี่ละ หลังจากจบคำเร่ง วุฒิก็ก้าวขาขึ้นซ้อนหลังทันที บอกจุดหมายปลายทาง ก่อนที่รถจะค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไปช้าๆ และเร็วขึ้นตามลำดับ ยิ่งขับยิ่งมันส์ ความเร็วจึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ฉับพลันความอบอุ่นที่ได้รับจากด้านหลัง ทำให้รถถึงกับเป๋ไปทันที ก่อนจะตั้งตรงได้แล้วจอดนิ่งสนิทที่ข้างทาง
“ทำเห้อะไรของมึง!!!” หันไปตวาดใส่อย่างหงุดหงิด จนไอ้คนซ้อนถึงกับทำหน้างงใส่
“ก็ขับบิ๊กไบค์ คนซ้อนมันต้องกอดคนขับกันตกไม่ใช่รึไง แถมมึงก็ขับเร็วซะขนาดนี้จะไม่ให้กูเกาะได้ยังไง กูก็กลัวตายนะเว้ยยยยย”
“แต่กูไม่ให้มึงกอด!!!”
“อะไรของมึงวะ ทำเป็นห่วงตัวไปได้” ไอ้วุฒิมันว่าพลางปล่อยมือออกช้าๆ
“ถ้ามึงไม่อยากเดินกลับบ้านของมึง ก็อย่ามากอดกูอีก กูจะขับให้ช้าลง” ว่าพลางชี้หน้ามันคาดโทษ ก่อนจะเริ่มออกรถอีกครั้ง ในความเร็วที่ต่ำลงจนกลายเป็นเอื่อยๆ ไป หงุดหงิดใจนิดหน่อย ถ้าหากมันเป็นสาวน้อยร่างบางนมโต มันจะกอดจะเอานมดันยังไงก็ไม่เคยหงุดหงิดเลยสักครั้ง กลับกันยังชื่นชอบเสียด้วยซ้ำ
ใช้ระยะเวลานานพอสมควร ก็สามารถพาผู้ชายร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างหลังมาส่งถึงที่หมาย หลังจากไล่ไอ้วุฒิลงจากรถได้ก็ขอหมวกกันน๊อคคืน ก่อนจะบอกลากันเบาๆ
“เดี๋ยวดิ” เสียงของไอ้วุฒิเรียกให้หันกลับไปมอง
“อะไร”
“ขอเบอร์มึงหน่อยดิ เดี๋ยวเลี้ยงข้าวตอบแทน” ไอ้วุฒิว่าพลางยื่นโทรศัพท์เครื่องหรูมาตรงหน้า เธอมองตามนิ่งๆ ก่อนจะตอบกลับไป โดยไม่ได้รับมาถือไว้แต่อย่างใด
“ไม่จำเป็น”
“เดี๋ยวดิว่ะ” มันว่าพลางค้นไปทั่วตัวราวกับหาอะไรบางอย่าง แตะไปที่กระเป๋าเสื้อ และกางเกงทั้งสองข้าง กระเป๋าหลัง
“ไอ้-”
“เจอละ” ไอ้วุฒิว่าพลางหยิบเอาโทรศัพท์ของเธอไปกดเบอร์แทนแล้วโทรเข้าเครื่องตัวเอง ก่อนจะบอกอีกครั้งแล้วยอมเลิกราแต่โดยดี
“รอรับด้วยละ จะนัดออกมาเลี้ยงข้าว”
“กูไม่ไปกับมึง ไม่ต้องมาตอบแทนกู ที่กูช่วยเพราะกูสมเพช” ว่าพลางสะบัดหน้าหนี ก่อนจะขับออกมาด้วยความเร็วทันที
“แม่ง ไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลยกู สาวก็อดขย้ำ ยังต้องมาประสาทเสียอีก” ว่าพลางขับรถตรงกลับบ้านของตัวเอง จนกลับมาถึงบ้าน ที่ปิดมืดสนิทเช่นเคย คิดถึงสมัยมัธยมปลาย ที่ยังเป็นสาวน้อยบอบบาง พ่อแม่คอยเป็นห่วงอยู่ตลอดเวลากลับบ้านดึกหรือติดธุระที่ไหนจนกลับช้า เพราะด้วยรูปร่างบอบบางอ่อนหวาน ต่างจากตอนนี้ที่จะกลับดึกเท่าไหร่ก็ไม่มีใครยืนรออีกแล้ว เพราะภาพลักษณ์ที่ดูดุดันคมเข้ม แถมยังเป็นทั้งมวยทั้งปืน จนพ่อแม่เลิกห่วงในที่สุด
ถ้ากลับบ้านดึกหน่อยก็จะเจอสภาพแบบนี้ บ้านที่ถูกปิดไฟหมดเหลือแค่ไฟหน้าบ้านและตามบันได ไม่ได้เจอพ่อกับแม่นานเหมือนกันแฮะ ไว้พรุ่งนี้จะอยู่ติดบ้านสักวันก็แล้วกัน ครุ่นคิดพลางเดินขึ้นบันไดบ้าน ตรงเข้าห้องนอนตัวเอง
ห้องของเธอก็ห้องธรรมดาทั่วๆ ไป เป็นเตียงเดียว มีทีวีปลายเตียง พร้อมเครื่องเล่นเกม มีชั้นหนังสือ ซึ่งเป็นพวกการ์ตูน ท่าต่อยมวย ปืนรุ่นต่างๆ ข่าวสารกีฬา ร่วมถึงอุปกรณ์แต่งรถ ของเล็กๆ น่ารักอย่างพวกตุ๊กตาก็มี เพราะแม่ชอบซื้อให้ตอนที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นแบบนี้ แต่มันกลับกระจายไปตามชั้นหนังสือ หลังตู้ ในตู้เสื้อผ้า หรือตรงไหนก็ตามที่พอจะยัดมันได้ มันเลยดูไม่ค่อยเข้ากับหนังสือที่มีแต่แมนๆ พวกนั้นเท่าไหร่
เดินออกไปที่ระเบียง ย่อตัวลง นิ้วมือสัมผัสใบเล็กๆ ของต้นพลูด่าง สีเขียวอ่อนๆ สลับเข้ม ใบรูปหัวใจ จนทำให้อดยกยิ้มเบาๆ ไม่ได้ เหมือนกับถูกเจ้าต้นไม้นี่บอกรักในทุกๆ ครั้งที่ออกมาดู จะมีไหมนะ วันที่ใครสักคนเอ่ยคำว่ารักกับเธออีกครั้ง พอจะมีไหม...





























































































