บทที่ 3 มึงเป็นผู้หญิงหรอวะ???
Rrrrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrr
ฝ่ามือเรียวควานหาสะเปะสะปะ ตามต้นเสียงที่กำลังแผดร้องอยู่ตอนนี้ เมื่อได้โทรศัพท์เครื่องจิ๋วมาไว้ในมือก็กดรับสายโดยไม่มองชื่อบนหน้าจอ ก็เธอมีสาวๆ โทรมาหาออกจะบ่อย จะใส่ใจชื่อไปทำไมกัน
“ครับ” เสียงพร่าทุ้มนิดๆ หากแต่ใสกังวานตอบกลับปลายสาย
[ตื่นยังมึง] เสียงไม่คุ้นดังขึ้นจากปลายสาย จนทำให้ต้องขมวดคิ้วหมุน ปกติเธอมีแต่สาวๆ ที่โทรหา และทุกครั้งมันมักจะเป็น พี่เพชรคะ พี่เพชรขา หรือน้องเพชรคะ ซะมากกว่า หากแต่ครั้งนี้กลับเป็นเสียงของผู้ชาย ที่เธอเองก็ไม่รู้ว่ามันเป็นใคร
“ใครวะ”
[วุฒิ] วุฒิ วุฒิไหน ใครวะ
[กูจะชวนมึงออกมากินข้าว ตื่นยังมึงอะ] เสียงทุ้มสำทับมาอีกครั้ง เมื่อไม่แน่ใจว่าคนที่ปลายสายตื่นดีรึยัง ซึ่งในตอนนี้เธอเองก็พอจะนึกออกบ้างแล้วล่ะว่าใคร
“กูไม่ไป”
ติ้ด!
ว่าพลางกดสายทิ้ง ไม่สนใจอีก ฟุ้บหน้านอนต่อ เอาโทรศัพท์ไปซุกไว้ไกลๆ ตัว
Rrrrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง เรียกความหงุดหงิดสายหนึ่งพาดผ่านบนดวงหน้าหวาน หากแต่ดูดุดันคมเข้ม
“อะไร!!!” เธอกรอกเสียงลงไปอีกครั้งอย่างหงุดหงิด ซึ่งปลายสายก็ตอบกลับมาอย่าไม่ทุกข์ร้อนใดๆ
[ตื่น แล้วออกมาหามากูที่คอนโดเมื่อวาน กูจะพาไปแดกข้าว]
ตี้ด!
ว่าจบแล้วตัดสายทิ้ง ไม่รอให้เธอได้ตอบกลับอะไร เธอยีหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด ก่อนจะสะบัดผ้าห่มออกจากตัว ไม่นงไม่นอนแม่งแล้ว คิดพลางพาร่างตัวเองเข้าไปอาบน้ำหวังให้ร่างกายสดชื่นและลดความกรุ่นโกรธลงไปบ้าง ซึ่งมันก็ช่วยได้ดี
หญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งเดินลงมาจากชั้นสองของบ้านในเวลาสายของวัน ก่อนจะเดินไปที่สวนหลังบ้าน เปิดสายยางแล้วเริ่มรดน้ำต้นไม้ด้วยความสบายใจ สีเขียวชอุ่มที่อยู่โดยรอบบริเวณบ้านพาให้รู้สึกสดชื่น จนต้องสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะปล่อยออกมาเบาๆ
หลังจากแน่ใจว่าต้นไม้ทุกต้นได้รับน้ำเพียงพอแล้วจึงเดินไปที่ก๊อกน้ำ ล้างเนื้อล้างตัว แล้วกดปิดน้ำในที่สุด เดินเข้ามาภายในบ้าน เห็นบิดาของตนนั่งอยู่ที่หน้าโซฟาอ่านหนังสือพิมพ์ไปพลางๆ ส่วนมารดานั้นนั่งถักไหมพรมอยู่ข้างๆ กัน เป็นภาพที่เห็นได้บ่อยจนคุ้นตา ถึงแม้จะดูไม่มีอะไรมาก แต่ก็รับรู้ได้ว่าทั้งสองท่านต่างรักกันมากขนาดไหน เมื่อแขนของทั้งสองคนเกี่ยวไว้ด้วยกัน ขณะทำสิ่งที่ตนชื่นชอบ คล้ายกับว่าไม่ต้องมีคำพูด มีแค่การรับรู้ว่าอีกคนยังอยู่ข้างๆ เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
เธอละสายตาจากภาพตรงหน้า เดินเลี่ยงเข้าไปในห้องครัว เปิดดูอาหารที่มารดาทำไว้ อื้มมม แกงส้มกุ้ง ชะอมไข่ หมูทอดน้ำปลา จัดการตักใส่จานอย่างละนิดละหน่อย แล้วเอามานั่งทานที่พื้นด้านล่างโซฟา ตรงหน้าพ่อกับแม่ของเธอ
“อะไรทำให้เราอยู่บ้านได้ล่ะวันนี้” เสียงของร้อยตำรวจเอกนัฐกาญ เอ่ยปากถาม ทั้งที่สายตาไม่ได้ละจากตัวหนังสือแต่อย่างใด
“อยากอ้อนแม่” ว่าจบพลางเอนหัวไปซุกซบกับหน้าตักของมารดา จนพ่อของเธอต้องเอามือมาดันหัวเอาไว้ ให้ออกไปจากตักนุ่มนิ่ม
“เมียฉัน ไปหาเมียของแกนู้นไป” ใบหน้าหวานแต่คมเข้มงอง้ำ ก่อนจะยอมผละออกแต่โดยดี
“เมียหนูมีเยอะแยะไป พ่อหมายถึงคนไหนละ”
“เพชร จะทำอะไรระวังนะลูก ต้องป้องกันนะ” เสียงของมารดาเอ่ยออกมาด้วยความเป็นห่วง เมื่อรับรู้ว่าลูกสาวเธอของหายไปไหนในยามค่ำคืน และอยู่ไม่ค่อยจะติดบ้านสักเท่าไหร่
“โหยแม่ เพชรไม่ได้มีไอ้นั่นไปแทงสาวสักหน่อย โรคที่ไหนมันจะถามหา”
“เพชร พูดจาไม่น่ารักเลยนะ” เสียงดุๆ ของมารดาตอบกลับมาแทบจะทันที จนเธอต้องยกมือยอมแพ้ในที่สุด
“โอเคๆ รู้แล้วๆ เพชรจะระวังครับ ตกลงไหม เพชรกินข้าวได้ยัง” มารดาส่ายหัวเอือมๆ ก่อนจะยอมพยักหน้าให้
สามคนพ่อแม่ลูกใช้เวลาอยู่ด้วยกันตลอดทั้งวัน ทานข้าว คุยเล่น ดูรายการทีวี และเธอหลงลืมใครบางคนไปซะสนิทใจ จนเมื่อถึงเวลาเข้านอนถึงได้รู้ตัวว่าวันนี้ทั้งวันไม่ได้หยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นเลย อยู่กับพ่อแม่ก็สุขใจอย่างนี้ ไม่จำเป็นต้องเครียดเรื่องอะไร ไม่มีเรื่องให้รำคาญใจ มีแต่ความสุขที่ได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ แสงไฟในห้องถูกดับทั้งหมด และตัวเธอที่ล้มตัวนอนลงบนเตียง แต่กลับปรากฏแสงประกายวาบอย่างไร้สุ้มเสียง จนเธอต้องหันไปมอง พลางหยิบขึ้นมาดูอย่างสงสัย ก็พบว่าหน้าจอดับแสงไปแล้ว
568 miss Call
จำนวนตัวเลขบนหน้าจอทำให้เธอผุดตัวลุกขึ้นจากที่นอนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเปิดรายการตรวจสอบคนที่โทรเข้ามา มีสาวๆ โทรมาหากว่า 10 สาย และอีก 545 สายมาจากไอ้คนต้นเหตุที่ทำให้เธอนอนต่อไม่ลงเมื่อตอนเช้า ยังไม่ทันที่จะโทรกลับไป อีกฝ่ายก็โทรมาเสียก่อน
Rrrrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrr
นิ้วมือเรียวกดรับสายอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกรอกเสียงลงไป
“ฮัลโหล”
[มึงอยู่ไหน!!!]
“บ้าน”
[มึงปล่อยให้กูรอมึงเกือบ 10 ชั่วโมง มึงบอกกูว่าอยู่บ้านเนี้ยนะ!!!]
“กูไม่ได้ขอให้มึงรอ และกูบอกมึงไปแล้วว่ากูไม่ไป มึงรอของมึงเอง แค่นี้นะ กูจะนอน”
ติ้ด!
ไร้ความเสียใจและความรู้สึกผิดใดๆ ที่ปล่อยให้อีกฝ่ายรอเธอเกือบ 10 ชั่วโมง ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะได้ทานข้าวหรือไม่ หรือจะนั่งรอยืนรออยู่ที่ไหน เมื่อเธอพูดชัดเจนแล้วว่าเธอจะไม่ไป และเธอก็ยืนยันคำพูดนั้น เพราะเธอมาดหมายไว้ในใจแล้วว่าวันนี้จะใช้เวลาอยู่กับครอบครัว
Rrrrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrr
“อะไรอีก”
[มึงแม่ง!!! ไอ้คนนิสัยไม่ดี!!!]
“เออ กูนิสัยไม่ดี กูไม่ได้ขอมึงมาชอบกูนี่ เงียบปากไป รำคาญ”
ติ้ด!
Rrrrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrr
“อะไรอีก!!!” เสียงกังวานใสตวาดอย่างรุนแรงด้วยความหงุดหงิด
[มะ มึง มึงกล้าตัดสายกูหรอ!!]
“เออ!!! ทำไมกูจะไม่กล้า กูจะบอกมึงอีกครั้งชัดๆ นะ กูช่วยมึงเพราะสมเพช มึงไม่ต้องมาเลี้ยงห่าเหวอะไรกูหรอก ไว้มึงเป็นสาวๆ ร่างบางนุ่งน้อยห่มน้อย มึงค่อยโทรมาหากู แค่นี้นะ กูจะนอน!!!”
ติ้ด!
ว่าจบก็กดปิดเครื่องทันที อ่าาาา พอช่วยให้สบายหูหน่อย คิดพลางหลับตาลง นอนหลับพักผ่อนจนถึงเช้าของอีกวัน วันนี้ก็ตื่นสายเกือบจะตะวันตรงหัวพอดี สิ่งแรกที่ทำคือการเปิดเครื่องโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ก่อนจะต้องตาเหลือกอีกครั้งเมื่อการแจ้งเตือนล่อไปถึง เกือบ 1,000 Miss Call มันกระหน่ำโทรอะไรขนาดนี้ว่ะ นอกจากนี้แล้วยังมีข้อความส่งมาอีก 300 กว่าข้อความ ไม่ใช่จากแอพแชท แต่เป็นข้อความจริงๆ ที่คิดค่าบริการหลังจากส่งแล้ว บ้านมึงรวยมากนักหรือไง!!!!
ไอ้คนใจร้าย
มึงหลอกให้กูรอ
มึงไม่รับผิดชอบกู
ถ้ากูเป็นโรคกระเพาะแล้วตายกูจะมาเอาคืนมึง!!!
ใช่สิ กูไม่ใช่เมียมึงนี่
รับโทรศัพท์สิโว้ยยยยยย!!!
เหี้ย หิวสัส รับสิว่ะ!!!
และข้อความอีกมากมายที่ถูกส่งมา จะว่าไม่ต้องสนใจก็ได้ แต่ก็ยังบ้าจี้ไปนั่งกดอ่านมันทุกข้อความ ก่อนจะเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมานิดๆ เมื่อวานมันไม่ได้กินข้าวเพราะเธอ ตายห่าไปรึยังก็ไม่รู้ ไม่น่าเลย ไม่น่ายื่นมือเข้าไปสอด ดันพาตัวป่วนเข้ามาในชีวิตซะได้ แถมยังตามจิกยิ่งกว่าพ่อเธออีก!!!
คิดพลางส่ายหัวไปมา ยอมรับว่าเริ่มรู้สึกผิดนิดๆ ย้ำว่านิดๆ ที่ปล่อยให้มันรอ เอาว่ะ ออกไปแดกข้าวกับมันสักมื้อ จะได้จบๆ ไป คิดพลางต่อสายหาอีกฝ่ายทันที รอเสียงสัญญาณพักใหญ่ กว่าคนปลายสายจะรับ
[ใครวะ] น้ำเสียงงัวเงียตอบกลับมาอย่างคนไม่ตื่นดี
“กูเอง เพชร”
[กูไม่อยากคุยกับมึงแล้ว] ในความทุ้มของเสียงนั้นเจือไปด้วยความน้อยใจ ประดุจตัวเองเป็นสาวน้อยถูกทิ้งไม่ปาน
“เออ ก็ดี กูก็ขี้เกียจออกไปแดกข้าวกันมึงเหมือนกัน” ว่าพลางดึงโทรศัพท์ออกจากตัว กำลังจะกดตัดสายทิ้ง แต่เสียงที่อีกฟากที่ตะโกนมา ทำให้ต้องชะงักแล้วเอากลับมาแนบหูเหมือนเดิม
[เดี๋ยว!!!]
“.....”
[มึงจะออกมาแดกข้าวกับกูอ๋อ]
“ก็ในเมื่อมึงไม่อยาก กูก็ไม่ไปแล้ว ขี้เกียจ”
[ไป!!! กูไป!!!] เสียวสวบสาบที่ปลายสาย ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายรีบปัดผ้าออกจากตัว ก่อนจะกรอกเสียงมาอีกครั้ง
[มารับกูด้วย!!!]
“เออ” ว่าพลางตัดสายทิ้ง ก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างเบื่อหน่าย เมื่อจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยก็เดินทางออกจากบ้านด้วยมอเตอร์ไซต์คู่ใจ แบล็คเบิร์ดเหาะทะยานไปบนท้องถนน ใช้เวลาราวๆ ชั่วโมงกว่าก็มาหยุดที่หน้าคอนโดหรู เพราะคราวก่อนมาในเวลาที่ค่อนข้างดึก จึงไม่เห็นอะไรมากมายนัก หากแต่ครั้งนี้มาในเวลากลางวัน จึงได้รับรู้ว่าการตกแต่งของที่นี่สวยงามเพียงใด เออ กูรู้ละว่ามึงรวย ไม่งั้นคงไม่ส่งข้อความหามากกว่า 300 ได้อย่างไม่สะทกสะท้านแบบนี้ หลังจากสำรวจสิ่งก่อสร้างตรงหน้า ก็เลื่อนสายตาลงมาหาไอคนที่กระหน่ำโทรไม่ลืมหูลืมตา รอยช้ำบนแก้มและมุมปากเริ่มจางลงไปบ้าง คาดว่าอีกราวๆ 2-3 วันคงจะหายสนิทดี
“ไปยัง” เสียงแหบทุ้มหากแต่กังวานใสหันมาถามคนที่ยืนยิ้มอยู่หน้าคอนโด แต่คนตรงหน้ากับตบแขนเบาๆ แล้วชี้ไปในตัวตึก
“จอดเอาไว้ก่อน” เสียงที่ตอบกลับมาทำเอาถึงกับงง แต่ก็ยอมทำตามโดยไม่อิดออดใดๆ เพราะคิดว่าคงจะเอารถของไอ้คนกวนประสาทนี่ไปแทนละมั้ง
ตอนนี้เธอมานั่งกะพริบตาปริบๆ มองถ้วยตรงหน้าที่มีควันลอยกรุ่นส่งกลิ่นหอมชวนให้ลิ้มลอง สลับกับคนอีกฝั่งที่ตักจ้วงเข้าปากราวกับหิวโหยนักหนา
“มึงเรียกกูออกมาหาแทบเป็นแทบตายเพื่อลากกูมาแดกเตี๋ยวไก่เนี้ยหรอ” คำพูดประชดแดกดันออกจากริมฝีปากบางอย่างอดไม่อยู่
“เออ อร่อยนะเว้ยยย เชื่อกู” มันว่าพลางเอาตะเกียบมาชี้หน้า ทำให้ถอดถอนหายใจอย่างระอา ก่อนจะเริ่มหยิบตะเกียบเพื่อคีบเส้นขึ้นมาทานบ้าง คำแรกที่ได้ชิมทำให้เลิกคิ้วอย่างสนใจ ก็อร่อยดี
"ขนาดกูจะเลี้ยงสาวทั้งทียังพาไปแต่ที่ดีๆ หรู มึงกลับตอบแทนกูด้วยก๋วยเตี๋ยวหนึ่งชามนี่นะ มึงแม่ง” ว่าจบก็คีบเข้าปากอีกคำ
“มึงไม่มีสิทธิ์บ่น มึงปล่อยให้กูหิ้วท้องรอตั้งหนึ่งวัน”
“แล้วทำไมมึงไม่หาแดกละ ท้องมึงติดกับกูรึไง” ด่ามันพลางทานก๋วยเตี๋ยวไปด้วย จนมันชะงัก แล้วสบมองมาตาปริบๆ จนรู้สึกได้ เลยต้องเงยหน้าขึ้นไปมองตอบ
“ตอนนั้นกูโมโห!! กูลืมหิว!! ป้าครับ!! ขออีกถ้วยครับ!!” เออ เจริญ ถ้ามึงจะตายเพราะไม่ได้แดกข้าว ก็เพราะตัวมึงละ ไม่ใช่กู
นั่งกินไปพลางๆ ก็มีมารเข้ามาผจญ ขัดขวางความสุขในการทานข้าวเที่ยงเสียได้ กลอกตามองบนอย่างเบื่อหน่ายกับไอ้คนที่ยังตามตอแยไม่เลิก
“น้องเพชร เดี๋ยวนี้เปลี่ยนรสนิยมหันมาคบผู้ชายแล้วหรอครับน้องงงง”
“ไม่ใช่เรื่องของมึง ไอ้พี่” ว่าพลางส่งสายตาน่ารำคาญกลับไปให้ไอ้คนต้นเสียง ไอ้พี่บอย....
“นี่น้อง พี่ถามจริงเหอะ มึงทำไงถึงเปลี่ยนให้มันมาชอบท่อนเอ็นอุ่นๆ แทนนิ้วเย็นๆ ได้ว่ะ” เสียงของไอ้พี่บอยหันไปถามไอ้คนตรงหน้าอย่างฉงนสงสัย
“พี่พูดเรื่องอะไร” ไอ้วุฒิทำหน้างงกลับมา เมื่อไม่เข้าใจสิ่งที่ไอ้พี่มันพยายามจะสื่อ
“น้องเพชรมันเป็นผู้หญิงไง มึงทำยังไงให้มันหันกลับมาชอบผู้ชายได้ว่ะ”
ปึก!!
“ไม่ใช่เรื่องของมึง ไอ้พี่ ไม่อยากโดนตีนก็รีบไสหัวไปซะ” เธอเปล่งเสียงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ฉายแววกรุ่นโกรธปรากฏอยู่ในดวงตา ต่างจากไอ้คนตรงหน้าที่อึ้งกิมกี่
“ทำไมละครับน้องเพชร แต่ก่อนออกจะน่ารักขนาดนั้นแท้ๆ ไม่น่าหันมาตีฉิ่งเลยนะ” น้ำเสียงยียวนยังคงดังอย่างต่อเนื่อง จนเธอแทบจะสะกดกลั้นอารมณ์ไว้ไม่ไหว
“สงสัยมึงคงจะลืมรสตีนกูไปแล้วนะไอ้พี่” ว่าพลางแสยะยิ้มอย่างเลือดเย็น จดจ้องมองอย่างเอาเรื่อง จนไอ้พี่ถึงกับชะงักไป ก่อนจะยกมือยอมแพ้
“โอเคๆ กูไม่กวนแล้ว ไว้น้องเพชรเลิกกับมันเมื่อไหร่หันมาเอากับพี่ได้นะครับ” ว่าพลางยกยิ้มเยาะ จนเธอตะโกนกร้าวกลับไปทันที
“กูไม่เอามึงหรอกไอ้พี่ เดี๋ยวเชื้อโรคของมึงจะมาติดกู ต่อให้เหลือมึงคนเดียวทั้งโลกกูก็ไม่เอา!!!” อีกฝ่ายยิ้มเยาะให้อีกที จึงได้ยอมจากไป
“กะ กูพึ่งรู้ มึง... มึงเป็นผู้หญิงหรอวะ???”
.
.
.
Wut Part
ผมนั่งมองหน้าคนตรงหน้าอย่างอึ้งๆ เมื่อไม่คิดว่าคนที่มีใบหน้าหวานอย่างมันจะกลับกลายเป็นสาวไปซะได้ อะไรที่ทำให้ผมสนใจคนตรงหน้านี้ คงต้องย้อนกลับไปวันที่รับน้อง วันนั้นผมมาสายนิดหน่อย ก็เห็นไอ้คนตรงหน้านี้ออกไปยืนจับฉลากพี่เทคแล้ว ในใจพลางคิดว่า เออ หน้าแม่งหวานดี แต่ดูการแต่งตัวแต่งหน้าเซ็ทผมของมันก็ถือได้ว่าดูดี ความสูงก็เกือบๆ มาตรฐานชายไทย ออกจะเตี้ยไปนิดหนึ่ง คงห่างกับผมไม่กี่เซน จนใครๆ ก็หันมอง ไม่สาวจะเป็นสาวๆ หรือหนุ่มๆ ก็ตาม ถ้าเป็นสำหรับสาวๆ ก็คงจะหล่อ ถ้าเป็นหนุ่มก็คงจะเป็นน่าสนใจ เพราะใบหน้ามันหวานแต่ก็ดูดุดัน ดวงตากลมโต คิ้วบาง แต่ใบหน้าบึ้งตึง ออกจะชอบแสยะยิ้มเยาะเวลาผู้ชายเข้าไปหา หรือทำท่ารำคาญใส่ แต่กับผู้หญิงกลับยิ้มมุมปากเวลาโปรยเสน่ห์ให้สาวๆ จนใจละลาย สงสัยมันคงจะโดนผู้ชายเต๊าะบ่อยจนรำคาญ
ตัวผมเองที่รับรู้ตัวตนของตัวเองก็เมื่อตอนมัธยมปลาย ที่ในหัวชอบหันไปมองหน้าผู้ชาย ตัวเล็ก ผิวขาว พลางคิดอยู่เสมอว่าภายใต้เสื้อผ้านั้นมันจะเป็นยังไง แถมยังไปลองจีบรุ่นน้องเพื่อเป็นการทดสอบตัวเองอีกด้วย จนจีบมันติดแล้วก็มีอะไรกัน ถึงได้รู้ว่า เออ คงจะเป็นแน่แล้วล่ะ ตั้งแต่นั้นมาสายตาก็ไม่เคยมองหาสาวๆ สวยๆ น่ารักอีกเลย เรด้ากลับหันไปหาหนุ่มน้อยหน้าตาน่ารัก ตัวเล็กๆ จิ้มลิ้มแทน และไอ้คนหน้าหวานแต่ดูดุดันตรงหน้าก็เป็นอีกคนที่เรด้าจับเช่นกัน
จนเมื่อเปิดเทอมมา สมาชิกในกลุ่มก็เพิ่มขึ้นมาอีก 1 คน คนนี้ชื่อว่าเจ้านาย มันหน้าตาน่ารักแอ๊บแบ๊วน่าแกล้งเป็นที่สุด ผมเลยทำอะไรหลายๆ อย่างเพื่อเอาใจมัน ตามจีบมันกลายๆ จนได้มารับรู้ว่า มันเองก็เหมือนจะมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ตอนแรกก็คิดว่าผมจะสู้ไหว ส่วนใหญ่ใครๆ ก็ชอบคนรวยใช่ไหมล่ะ ผมเป็นถึงลูกชายบริษัทค้าเพชร อันดับ 3 ของประเทศนะครับ ยังไงก็จีบติดแน่นอน
จนเมื่อวันหนึ่ง เราตกลงที่จะไปดูหนังกัน ถึงแม้จะขัดใจที่ผมกับเจ้านายนั่งกันไกลไปหน่อย แต่สายตาของผมก็ไปหยุดอยู่ที่มันคนเดียว จนเมื่อถึงฉาก 18+ ทำให้ปวดหนึบไปที่แก่นกาย มือต้องขยับไปกดคลึงเบาๆ อย่างพยายามหักห้ามอารมณ์ เมื่อจบฉากนั้นลง จึงพากันไปเข้าห้องน้ำ ในขณะที่เดินตามหลังผู้ชายคนหนึ่งไป ก็เห็นว่ามันเดินเข้าห้องน้ำหญิง ก่อนจะปรามาสในใจเบาๆ แม่งร้ายนี่หว่า กะมาเอาในห้องน้ำหญิง คิดได้แค่นั้นก็รีบเดินเข้าห้องน้ำ ไปจัดการตัวเอง ไอ้ห้องข้างๆ กันก็ไม่ต่างกันซักเท่าไหร่
หลังจากดูหนังจบ ผมก็พบว่าเจ้านายมันมีคนมาคอยรอรับอยู่แล้ว ดูจากสายตาก็รู้ว่ามันรู้สึกยังไงกับเจ้านาย เมื่อพิจารณามองดูดีๆ แม่ง ผมไม่มีอะไรสู้มันได้เลย มันใส่สูทผูกไท ใบหน้าหล่อเหลา รูปหน้าคมคายสมชายไทย ไหนจะรถที่บ่งบอกความร่ำรวยและมากความสามารถนั่นอีก จนเพื่อนๆ ยังต้องกระซิบกระซาบอย่างสงสัยถึงสถานะของชายคนนั้น แพ้ ผมแพ้ ผมรู้เลย มันทำให้ผมซึมลงเมื่อคิดว่ายังไม่ทันได้เริ่มต้นอย่างจริงจังก็ต้องจบลงเสียแล้ว
ยิ่งหลังจากนั้นมา ผู้ชายคนนั้นมันก็ขับรถมาส่งเจ้านายอีก เรียกเสียงกรี้ดได้ดังลั่นห้อง จนเจ้านายยอมรับออกมาเองว่าผู้ชายคนนั้นกำลังตามจีบอยู่ และเหมือนเจ้านายจะมีใจให้เช่นกัน มันทำให้ผมไม่อยากฟังต่อ อยากหายไปจากตรงนี้ เมื่อคิดว่าลูกชายคนเดียวของคุณสหรัฐและคุณหญิงนงนุช โชติกาล ผู้ซึ่งอยากได้อะไรก็ต้องได้ มีคนคอยเอาใจไม่ขาด ต้องมาแพ้ทั้งที่ยังไม่ได้เริ่ม
ผมไปหมกตัวอยู่ตามร้านเหล้ารอบๆ มหาวิทยาลัย ดีที่ว่าสนิทกับพี่เจ้าของร้านเพราะมาค่อนข้างบ่อย ขออาศัยกินนอนร้านพี่เขา ไม่ไปเรียน ไม่รับสายใคร ไม่คุยกับใคร ได้แต่ดื่มน้ำเมาเข้าปากอย่างต่อเนื่อง จนเมื่อวันศุกร์มาถึง ผมก็นัดเพื่อนๆ ให้ออกมานั่งดื่มเป็นเพื่อนกัน ยกเว้นคนที่ทำให้ใจของผมเจ็บ
พอเวลานัดมาถึง ไอ้ซันไอ้เบสก็มานั่งดื่มเป็นเพื่อนโดยไม่พูดอะไร ต่อมาไม่นานร่างบอบบางก็ปรากฏตรงหน้า เจ้านาย.... มันนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม สั่งน้ำที่ไร้แอลกอฮอล์มาดื่ม พลางจ้องหน้าผมไปด้วยเพื่อกดดัน จนผมทนไม่ไหว วางแก้วลงกับโต๊ะรุนแรง แล้วคิดจะเดินเข้าห้องน้ำ ไปล้างหัวให้มันเย็นลง เผื่อจะมีสติขึ้นมาบ้าง
เจ้านายมันเดินตามผมเข้ามา เราพูดคุยปรับความสัมพันธ์ แม้ผมจะเจ็บก็ตาม แต่ผมยอมถอย เพราะรู้ว่าตัวเองไม่มีอะไรสู้ผู้ชายคนนั้นได้เลย ผมคงจะเดินหน้ารุกจีบมันต่อ หากเจ้านายไม่ได้บอกว่าตนก็ชอบผู้ชายคนนั้นเช่นกัน และให้ใจกับใครไม่ได้อีก ผมแพ้อย่างหมดรูป....
เมื่อออกมาจากห้องน้ำ เห็นหน้าของไอ้ผู้ชายคนนั้น คนที่เจ้านายมอบใจให้ ด้วยความหมั่นไส้และเพื่อความสะใจของตัวเอง จึงบอกมันทิ้งท้ายเอาไว้ว่า
“อร่อยดีว่ะ” แล้วเดินจากมา แต่ยังไม่ทันจะพ้นตัว หมัดหนักๆ ก็กระแทกใส่หน้า ก่อนจะโดนหิ้วลากไปหลังร้านแล้วโดยยำตีน แปลกที่มันไม่ค่อยทำร้ายที่หน้าเท่าไหร่ แต่เป็นตามลำตัวแทน คงกลัวว่าเจ้านายจะเห็นละมั้ง ในขณะที่มึนงง เสียงของใครหนึ่งก็ดังขึ้นบนหัว
“มึงไหวไหมว่ะ” ผมยันตัวลุกขึ้นยืน ก่อนจะล้มลงอีกครั้ง คนๆ นั้นเข้ามาพยุงผม เดินไปที่รถของมัน ผมเองก็พิจารณามองหน้ามันไปพลางๆ จนเมื่อถึงรถรอจนมันคุยโทรศัพท์เสร็จจึงเอ่ยปากถาม
“มึงชื่ออะไรวะ”
“เพชร” อื้มมมม มันเรียนเซคเดียวกับผม คนที่ผมเจอตอนที่มันกำลังไปจับฉลากพี่เทค ผมจำได้ เพราะมันคือเป้าหมายแรกที่ผมคิดจะจีบ เอาจริงๆ ผมว่าผมก็ไม่ได้จริงจังกับเจ้านายเท่าไหร่หรอก แค่อยากกินมันเฉยๆ ไอ้คนตรงหน้านี่ก็เหมือนกัน ในขณะที่มันขับรถมาส่งผม ความเร็วก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนผมอดจะกลัวหน่อยๆ ไม่ได้ จนต้องกอดตัวมันเอาไว้ จนรถเป๋ ดีไม่เกิดอุบัติเหตุ หลังจากจอดรถได้มันก็หันมาด่าผมทันที ผมก็ตอบไปตามความจริง ก็คนมันกลัวตายนี่หว่า....
ผมจัดการบอกมันว่าจะเลี้ยงข้าวตอบแทนที่มาส่ง ผมไม่รอช้าที่จะเอาเบอร์ของมันมา เอื้อมมือไปจับนิดแตะหน่อยตามตัว ก่อนจะได้โทรศัพท์มาถือไว้ในมือ เท่านี้ผมก็ได้เบอร์ของมันแล้ว ในวันถัดมาช่วงสายของวัน ผมกะจะชวนมันมากินข้าวเที่ยงเพื่อเลี้ยงตอบแทนและสานสัมพันธ์ จัดการนัดคนปลายสายเสร็จสรรพ โดยไม่สนใจว่ามันจะตอบตกลงหรือปฏิเสธ ก่อนจะรอ รอ รอ แล้วก็รอ จากตอนแรกเริ่มต้นด้วยความอดทน กลับกลายเป็นหงุดหงิด และโมโหจนแทบอาละวาด เมื่อมันปล่อยผมทิ้งไว้มากกว่า 10 ชั่วโมง ผมเพียรพยายามโทรอย่างบ้าระห่ำ มันไม่รับสายผม!!!! จนเมื่อเวลา 4 ทุ่ม ผมก็ยังเพียรพยายามโทรอยู่ วันนั้นทั้งวันผมไม่เป็นอันทำอะไร นั่งต่อสายหามันทั้งวัน จนสายตัดแล้วก็กดโทรใหม่ แม้แต่การอาบน้ำแต่งตัว เปิดทีวีไปพลางๆ ก็ไม่ได้ทำ นั่งกดจนมือหงิก ในที่สุดมันก็รับสาย ด่าว่าผมกลับมา แล้วปิดเครื่องหนีไป
ไอ้... ไอ้... แม่งโว้ยยยยยยย!!!
การกระทำของมันยิ่งทำให้โมโหมากขึ้นไปอีก มันปล่อยให้ผมรอ!!! ทั้งหิว! ทั้งโมโห! แต่มันไม่มีสักนิดในเศษเสี้ยวของความเสียใจและรู้สึกผิด มันยิ่งทำให้คลั่งมากกว่าเดิมอีก กว่าผมจะหลับลงได้ก็เวลาตี 4 ของวัน เรียกได้ว่าโทรจนหลับคาโทรศัพท์ทั้งอย่างนั้นเลย
เสียงที่รบกวนการนอนดังขึ้นในตอนเที่ยงวัน แม้ตอนแรกจะงุนงงว่าใครที่โทรมา แต่ก็ตาสว่างทันทีที่บอกว่าเป็นมัน และมันยอมมากินข้าวด้วย ทำให้ผมดีใจเหมือนปลาได้น้ำ ดี๊ด๊าเข้าไปอีก ผมจะได้เดินหน้าสานสัมพันธ์นี้ต่อไปอีก มันมาจอดรถไว้ที่คอนโดของผม ก่อนที่ผมจะเดินนำทางมันไป ร้านนี้ร้านโปรดผมเลยละ ก๋วยเตี๋ยวไก่ มันแขวะผมนิดหน่อยที่ผมพามันกินข้างทาง แต่ก็ยอมทานแต่โดยดี มันด่าผมว่าถ้าหิวทำไมไม่ไปหาอะไรกิน จะมาหิ้วท้องรอมันทำไม จนทำให้ผมชะงัก ผมหมกมุ่นแต่กับมัน มีแต่ความกรุ่นโกรธจนลืมทานข้าว เรียกได้ว่าโมโหหิวยังได้ พอมันทักถึงพึ่งจะนึกออกว่าตัวเองหิวมากขนาดไหน ก่อนจะสั่งชามต่อไปทันที
เรานั่งทานกันไป ด่ากันไป เรียกได้ว่าเป็นตัวเองสุดๆ เพราะไม่ต้องมาคอยแอ๊บเป็นผู้ชายอ่อนโยนใจดี แบบที่พยายามทำให้เจ้านายเห็น กับคนตรงหน้านี้มีเท่าไหร่ก็ใส่เต็มไม่มียั้ง ก่อนจะถูกขัดจังหวะด้วยใครบางคน เหมือนจะรู้จักไอ้เพชรด้วย มันพูดจายียวนไปมาจนไอ้เพชรร่ำๆ จะชกหน้ามันให้ ก่อนจะทิ้งระเบิดไว้ให้ผมได้นิ่งอึ้ง เมื่อรับรู้ว่าคนตรงหน้านี้เป็นผู้หญิง.....
