บทที่ 5 เรากลับมาเป็นเพื่อนกันได้ไหม?
เธอมาส่งน้องเชอร์ถึงบ้านในเวลา 3 ทุ่มครึ่ง ลูบหัวเบาๆ ก่อนจะเอ่ยคำลา ดันหลังหญิงสาวให้เข้าไปในบ้าน จ้องมองขึ้นไปที่หน้าต่างห้องนอน จนเมื่อดวงไฟเปิดสว่าง ถึงได้ดึงสายตากลับคืน แล้วหันรถกลับตามเส้นทางเดิมอีกครั้ง โดยไม่รู้เลยว่าหญิงสาวที่ตนนั่งมองหน้าต่างห้องนอน ก็มองตามหลังมาเช่นกัน.....
เธอขับรถกลับมาที่ร้านเหล้าตามที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวัน ในเวลานี้คนยิ่งคึกคักเพิ่มมากขึ้น เมื่อยามราตรีมาเยี่ยมเยือน เธอเดินเข้าไปนั่งที่เคาน์เตอร์บาร์ สั่งเหล้ามานั่งดื่มไปพลางๆ เหล้าที่เธอยกดื่มเป็นอามาญัค เป็นบรั่นดีที่ทำมาจากองุ่นจากอามาญัคในประเทศฝรั่งเศส ในช่วงเวลาดื่มด่ำกับความหอมหวาน ผสมไปกับเสียงเพลงที่ดังคลอเบาๆ ห่างไกลจากฟลอร์ไปสักหน่อย นั่งได้ไม่นาน หญิงสาวรูปร่างดี มาในชุดที่รัดตรึงไปทุกสัดส่วน ชุดเกาะอกสีแดงเพลิง ที่ด้านล่างชายกระโปรงเป็นรูปเพลิงไฟ ดูเร่าร้อน มีผ้าขนสัตว์สีดำมาพันปกปิดหัวไหล่ ป้องกันลมหนาว รองเท้าส้นเข็มสีดำ แบบสายรัดประกายเพชรเม็ดเล็กๆ ประดับอยู่ ผมของเธอถูกรวบรัดเอาไว้ ปล่อยปอยผมลงมาบางส่วน และดัดให้เป็นลอนม้วนนิดๆ คลอเคลียข้างแก้ม มุมปากของเธอกระตุกยิ้มนิดๆ อย่างสนใจ
ฝ่ามือของหญิงสาวลูบไล้บนบ่าไปมา ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนลงมาที่แผงอก และถือวิสาสะนั่งลงบนตักของเธอ ตัวเธอเองก็ตวัดฝ่ามือ โอบกอดเอวหญิงสาวไว้กันตกอย่างรู้งาน
“มาคนเดียวหรอคะ” เสียงของหญิงสาวเอ่ยถาม กระซิบข้างหู เธอจึงถือโอกาสสูดดมกลิ่นหอมจากซอกคอ ก่อนจะไล้ลิ้นเลียเบาๆ ก่อนจะเอ่ยปากตอบเสียงทุ้มพร่า
“ครับ แล้วคุณละ มาคนเดียวรึเปล่า”
“ฮึฮึๆ แล้วคุณเห็นคนอื่นรึเปล่าละคะ ฉันลินซี่ค่ะ แล้วคุณ??”
“ผมเพชรครับ” ตอบพลางยกยิ้มมุมปาก ฝ่ามือร้อนเคลื่อนไปบีบคลึงสะโพกผายอย่างเพลินมือ ทั้งนุ่ม ทั้งหอม ออดอ้อนออเซาะ ช่างน่าหลงใหล..... แต่ไม่ดึงดูดใจพอให้หลงรัก....
“มีแผนจะไปต่อที่ไหนไหมคะ” หญิงสาวเอ่ยถามพร้อมกับยิ้มเป็นนัย สบสายตาก็รู้กันว่าหมายถึงอะไร จึงตอบออกไปอย่างไม่คิดในทันที
“อื้มมม คืนนี้ผมไม่มีแผนที่จะกลับบ้าน แล้วคุณลินซี่ละครับ มีแผนเหมือนผมรึเปล่า”
“ฮะๆ ถ้างั้นเราไปต่อกันสองคนไหมคะ”
“ผมคงต้องถามคุณก่อน ว่ากับทอมแบบผม คุณจะยินยอมรึเปล่า” ว่าพลางกระตุกยิ้มกระชากใจ เพื่อเป็นการหลอกล่อ และมักจะได้ผลเสมอเสียด้วย หญิงสาวตรงหน้าดูจะอึ้งไปเล็กน้อย กะพริบตาปริบๆ นิ่งไปชั่วอึดใจ เอนซบลงซอกคอของเธอ ก่อนจะเอ่ยตอบ
“ตอนแรกฉันคิดว่าคุณเป็นผู้ชายจริงๆ แปลกมากเลยที่คุณดูสมชายมากกว่าผู้ชายบางคนเสียอีก และฉันคิดว่ามันคงจะเสียมารยาทที่เข้ามาหาคุณก่อนแต่กลับถอยห่างเพราะคุณไม่ใช่อย่างที่คิด เพื่อชดเชยที่ฉันทำกิริยาไม่ดีให้คุณเห็น เพราะงั้น คืนนี้ฉันจะชดใช้ให้คุณ” คำตอบของหญิงสาวแม้จะฟังดูเสียดายหน่อยๆ ที่เธอไม่ใช่ในสิ่งที่หวัง หากแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธการสานสัมพันธ์ในค่ำคืนนี้ จนเธอยกยิ้มชอบใจ ดันไหล่ของลินซี่ออกเบาๆ ฝ่ามือลูบไล้ใบหน้าสวยไปมา ก่อนจะประกบปากจูบลงไปเร่าร้อนรุนแรง บดขยี้ริมฝีปากสวย ดูดกลืนลิปสติกที่แดงที่เจ้าตัวทาเคลือบริมฝีปาก จนสีนั้นชืดจางลงและบางสวยติดอยู่ที่ปากของเธอแทน ฝ่ามือก็ไม่ปล่อยให้เว้นว่าง บีบคลึงไปทั่วร่างงาม จับต้องอย่างสนุกมือ บั้นท้าย สะโพก เอวคอดกิ่ว ในขณะที่ความเพลิดเพลินกำลังพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ความอบอุ่นตรงหน้าก็หายไปราวกับอากาศ เหลือเพียงแต่สายลมบางๆ ที่พัดผ่านผิวของเธอ
“ขอโทษด้วยนะครับ พอดีผมมีเรื่องต้องคุยกับมัน คืนนี้มันคงไปต่อกับคุณไม่ได้แล้ว” น้ำเสียงทุ้มต่ำเจือแววกรุ่นโกรธหันไปบอกลินซี่อย่างพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ แต่แววตากลับมาสบตรงมาที่เธอ เธอละสายตาจากคนก่อกวนตรงหน้า หันไปพยักหน้าเบาๆ ให้ลินซี่ เป็นอันว่าเห็นด้วยที่ดูท่าคืนนี้เธอจะไม่ว่างเสียแล้ว
ไอ้นี่มันวอนตาย....
หลังจากนั้นวางเงินจำนวนหนึ่งทิ้งบนบาร์เป็นค่าเหล้า ก่อนจะลุกออกไปที่หลังร้าน ซึ่งไอ้หมอนั่นมันก็เดินตามหลังมาติดๆ ทันทีที่เปิดประตูออกไปได้ หมัดหนักๆ ก็ถูกซัดไปทันที ก่อนจะยันเข้าที่ท้องอีกครั้งอย่างรุนแรง
ผลั๊วะ! ผลั๊วะ!
คนที่ไม่ทันเตรียมตัวว่าจะโดน ถึงกับล้มไปบนพื้น เธอสาวเท้าเดินเข้าไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ก่อนจะนั่งยองๆ มือจับปลายคางของผู้ชายอกสามศอกบีบแน่น แววตาเย็นเยียบประกายเย็นชาไร้ซึ่งความเห็นใจหรือสงสารเหมือนเมื่อคราวก่อน
“กูเคยบอกมึงแล้วว่าต่างคนต่างอยู่ มึงวอนตามาก่อกวนกูเอง นี่แค่เตือน หากมึนยังไม่หยุด คราวนี้กูจะเอาจริง” ว่าจบก็สะบัดมืออกราวกับรังเกียจเสียเต็มประดา ในขณะที่ยันตัวจะลุกขึ้นยืน มือของไอ้หมอนั่นก็คว้าข้อมือเธอไว้ ก่อนจะเค้นเสียงพูด
“เออ กูรู้ว่ากูผิด กูขอโทษ กูยอมให้มึงอัดกูเลยถ้ามันทำให้มึงหายโกรธ แต่เรากลับมาเป็นเพื่อนกันได้ไหมว่ะ”
“กูไม่ได้อยากมีมึงเป็นเพื่อน” เธอว่าเสียงเย็น ปรายตามองเหมือนกับมองของต่ำและสิ่งสกปรก
“แต่กูอยาก เออ กูรู้ว่ากูคิดจะทำชั่วๆ กูแค่อยากมาเคลียร์กับมึงให้จบ อย่างน้อยก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ไหม กูรู้ มึงเองก็ไม่ค่อยมีเพื่อน มาอยู่กับพวกกูก็ได้”
“กูจะย้ำมึงอีกครั้งนะไอ้วุฒิ กูไม่คิดจะมีเพื่อนอย่างมึง” มันเงียบไปนิดหน่อย ก่อนจะเอ่ยปากพูด
“กู.... ขอโทษ..... กูไม่คิดจะทำแบบนั้นกับมึงแล้ว มึงให้อภัยกูไม่ได้เลยหรอว่ะ” มันว่าพลางทำหน้าเครียด จนทำให้เธอคิดตาม ในเมื่อมันจะไม่ทำแบบนั้นกับเธอแล้ว แล้วคนอื่นละ??
“ถ้ามึงยอมสาบานว่ามึงจะไม่ทำแบบนี้กับใครอีก มึงจะไม่หลอกฟันใครแล้วทิ้งถ้าเขาไม่เต็มใจ กูถึงจะยอมคบมึงเป็นเพื่อน” มันนิ่งคิดไปสักพัก ก่อนจะพยักหน้า
“เออ กูสาบาน” มันยอมพูดในที่สุด
“เมื่อกี้ มึงบอกว่ายอมให้กูยำถ้ามันให้กูหายโกรธ” เธอถามพลางแสยะยิ้มเย็น จนมันชะงักกึก ก่อนจะค่อยๆ พยักหน้ายอมรับช้าๆ
“มึงพูดเองนะ แต่สบายใจได้ กูจะเว้นหน้ามึงไว้ให้”
ผลั๊วะ! ผลัก! ตุ้บ! ตุ้บ! ผลั๊วะ! ผลั๊วะ!
ทั้งหมัด ทั้งเท้า ถูกประเคนให้ตามลำตัวของคนร่างสูงโปร่ง ไม่สนว่ามันจะทับรอยของเมื่อคืนวันศุกร์หรือไม่ ในเวลานี้เธอต้องการระบายความโกรธที่มันเป็นคนสร้างออกไปให้หมด คนๆ นั้นก็ยอมนอนนิ่งๆ ให้เธอเตะต่อยได้ตามใจ กัดฟันแน่นไม่มีเสียงบ่นออกมาให้ได้ยิน จนเวลาผ่านไปราวๆ 1 ชั่วโมง การออกกำลังกายเล็กๆ นี่ไม่สามารถทำให้เธอเหนื่อยหอบได้เลย ทั่วทั้งร่างของมันก็ช้ำน่วม จะมีเหลือก็แค่ตรงใบหน้าเท่านั้น ที่นอกจากร่องรอยของเธอ กับของคืนวันศุกร์แล้ว ก็ไม่มีรอยใดๆ เพิ่มเติมอีก
เธอนั่งยองๆ อีกครั้งก่อนจะเอามือตบๆ เรียกสติของคนตรงหน้า ไอ้วุฒิดวงตาปรือปรอยแทบจะหมดสติ เมื่อเธอตบๆ เรียกสตินั้นกลับมา มันจึงยันตัวนั่งช้าๆ ก่อนจะพึมพำบ่นออกมา
“พอใจมึงแล้วใช่ไหม แม่ง หมัดหนักเป็นบ้า นี่มึงแน่ใจว่านะว่ามึงไม่ใช่ผู้ชายจริงๆ” คำถามของไอ้วุฒิทำให้เธอต้องตวัดสายตามอง ในดวงตาประกายความกรุ่นโกรธอีกครั้ง จนมันยอมหุบปากฉับ ไม่ยอมพูดอะไรอีก
“เดินไหวไหม” เธอถามออกไปเบาๆ นั่งยองๆ มองหน้านิ่ง ไอ้วุฒิมันก็พยักหน้ารับ ก่อนจะค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้น เดินไต่กำแพงไป เธอส่ายหัวน้อยๆ ก่อนจะเข้าไปประคองมันไว้ เอาแขนพาดคอ แล้วเดินลากมันออกมา เหมือนกับว่าความสูงและน้ำหนักตัวของผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอ เธอพาเดินออกมาเรื่อยๆ ก่อนจะเอ่ยถามคำถามเรื่อยเปื่อยเหมือนชวนคุย เพื่อทำลายความเงียบที่ปกคลุมอยู่นี้
“มึงหากูเจอได้ไง” ไอ้วุฒิหันมามองหน้าเธอนิดหนึ่ง ก่อนจะตอบกลับมา
“กูมาเอารถกลับ ก็เลยแวะดื่มนิดหน่อย แล้วเห็นมึงพอดี”
“อืม ไหนรถมึง” มันพยักพเยิดไปทางรถคันหนึ่ง ที่เธอเห็นจอดทิ้งไว้ตั้งแต่บ่าย ในตอนนั้นใจจริงก็คิดแล้วล่ะ ว่าใช่รถมันรึเปล่า ด้วยความโมโหจึงอยากจะไปเจาะยาง กรีดรถ แต่ก็ไม่มั่นใจเลยละความคิดนั้นทิ้งไป เผื่อเป็นรถเจ้าของร้านซวยเลย จนเมื่อตอนนี้ก็ได้คำยืนยันแล้วว่าเป็นรถของมันจริงๆ รถ C-HR สีเขียวมิ้นต์ตัดดำ ดูโดดเด่นเป็นสง่า จอดอยู่ที่หน้าร้านในตำแหน่งเดิมกับเมื่อเช้า เธอลากพาไอ้วุฒิเดินไปที่รถ เปิดประตูฝั่งคนขับ ก่อนจะดันมันเข้าไป
“มึงขับกลับไหวไหม” มันนั่งนิ่งๆ ก่อนจะส่ายหน้าให้ ทำให้เธอถอนหายใจ ไม่น่าเลยแม่ง ภาระกูอีก เธอได้แต่สบถโทษตัวเองในใจ ก่อนจะดึงรั้งร่างสูงให้ลงมาจากรถ แล้วพาไปนั่งด้านหลังคนขับแทน ก่อนจะชะงักเมื่อมันไม่มีที่จับในตำแหน่งที่ควรจะอยู่
“ฮึฮึ” เสียงของคนข้างกายดังขึ้นจนอยากจะผลักมันทิ้งให้นอนอยู่ข้างรถนี่ล่ะ ก่อนที่จะเป็นไอ้วุฒิเองที่เอื้อมมือไปเปิด เธอจัดการดันให้มันขึ้นไปนอนแล้วปิดประตู ส่วนตัวเธอก็คว้าเอากุญแจมาถือไว้ ก่อนจะสอดส่ายสายตามสำรวจ ไฮเทคเกินไป งงเลยกู ปุ่มอะไรบ้างว่ะเนี้ย
“กดสวิทซ์สตาร์ทเครื่อง กดปุ่มตรงหน้าจอล็อกรถ สับเกียร์ แล้วขับได้เลย” เธอทำตามอย่างว่าง่าย ปฏิบัติตามคำบอกทุกอย่าง ก่อนจะค่อยๆ ถอยหลังออกจากซองช้าๆ แล้วขับมุ่งตรงไปส่งไอ้วุฒิที่คอนโดของมันอีกครั้ง เธอขับรถมาเรื่อยๆ จนเข้าไปจอดนิ่งสนิทอยู่ที่โรงจอดรถของคอนโด หันหลังกลับมามองก็ต้องส่ายหน้าอีกครั้ง มันเดินกลับไม่ไหวแน่ๆ ละ เฮ้อออออ โว้ยยยยยย ไม่น่าเลยกู!!! เธอได้แต่ตีอกชกลม หงุดหงิดงุ่นง่านอยู่คนเดียว ไอ้วุฒิก็ยังคงมองเธอตาแป๋วนอนอยู่นิ่งๆ เธอถอนหายใจอีกครั้ง พยายามสงบสติอารมณ์ ก่อนจะเดินลงมาจากที่นั่งคนขับ แล้วเดินไปเปิดประตูตรงที่ไอ้วุฒินอน ก่อนจะดึงรั้งมันเข้ามาใกล้ แล้วเริ่มพยุงมันอีกครั้ง
เธอพาไอ้เพื่อนหมาดๆ คนนี้เดินขึ้นมาถึงคอนโดหรู ไปหยุดอยู่หน้าลิฟต์ หันมองหน้ามัน มันก็ตอบกลับมาทันที
“59” หลังจากได้คำตอบก็กดตัวเลขชั้นทันที ลิฟต์ลอยขึ้นสูงเรื่อยๆ จนมาหยุดที่ชั้น 59 ในที่สุด พาเดินออกมาจากลิฟต์ อย่างไม่ต้องเอ่ยคำใดเร่งเร้าเอาคำตอบ มันก็ร้องบอกออกมาแล้ว
“590” เธอเดินมุ่งตรงไปที่ห้องริมสุดปลายทาง ตามเลขห้องที่ลดลงเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ที่หน้าประตู เจ้าของห้องก็จัดการแตะคีย์การ์ดเปิดประตู ก่อนจะผลักเข้าไป
ห้องนี้ถูกตกแต่งด้วยโทนสีเทา มีการแบ่งสัดส่วนชัดเจน มีห้องนั่งเล่นตรงกลาง ทางขวามือเป็นห้องครัว ซ้ายมือเป็นห้องน้ำของแขก ด้านข้างของห้องนั่งเล่นเป็นระเบียง ส่วนห้องด้านหลังโซฟาคงเป็นห้องนอน เธอกวาดตามองอย่างรวดเร็วหนึ่งครั้ง แล้วจึงพาไอ้วุฒิไปนั่งที่โซฟา
“กล่องพยาบาลอยู่ไหน”
“ในห้องครัว” เธอพยักหน้าให้ ก่อนจะเดินเข้าไปรื้อค้นสักพักแล้วกลับออกมา
“มึงไปอาบน้ำก่อนไป กูจะช่วยทายาให้” ไอ้วุฒิพยักหน้ารับ พยายามฝืนความเจ็บปวด เดินเข้าห้องของตัวเองไป ส่วนตัวเธอเองก็มารื้อค้นของในห้องครัว ก่อนจะลงมือต้มมาม่า 2 ถ้วย แล้วนั่งรอเฉยๆ รอไม่นาน ไอ้วุฒิก็ออกมาจากห้องน้ำ สวมใส่กางเกงบอลแล้วเอาเสื้อพาดไว้ที่บ่า ก่อนจะมานั่งลงห่างจากเธอเล็กน้อย ไม่รอให้เสียเวลา เธอจัดการเปิดหลอดยาแล้วเริ่มต้นทายาบนแผลฟกช้ำที่เกิดจากมือตัวเอง ทาเสร็จก็ผละออก เลื่อนถ้วยมาม่าไปตรงหน้าไอ้วุฒิ ในขณะที่ตัวเองก็เริ่มต้นทานบ้าง ไอ้วุฒิเอื้อมมือไปกดเปิดรายการทีวี เพื่อไม่ให้มันเงียบเกินไป แล้วเริ่มทานมาม่าเงียบๆ หลังจากทานเสร็จเธอก็จัดยาเอาไว้ให้แล้วนำถ้วยไปล้างเก็บเข้าชั้นตามเดิม
“กูไปละนะ” ว่าพลางเดินไปที่ประตูห้อง หมายจะกลับไปพักผ่อนเสียที
“เดี๋ยว” เสียงร้องเรียกทำให้เท้าหยุดชะงัก แล้วจึงหันกลับไปมองเป็นคำถาม
“ทำไมกูโทรหามึงไม่ติดว่ะ” มันว่าพลางชูหน้าจอโทรศัพท์ที่แสดงว่ากำลังต่อสาย แต่ไม่ได้รับการตอบกลับใดๆ จากเธอ เธอเองก็ตบๆ ไปตามตัวหาโทรศัพท์ของตัวเองแล้วกดดู มันไม่มีการแจ้งเตือนใดๆ ปรากฏอยู่ให้เห็น ก่อนจะชูหน้าจอให้ไอ้วุฒิดูบ้าง
“กูบล็อกมึงไง” ว่าพลางแสยะยิ้มสะใจ แต่ไอ้วุฒิกลับทำหน้านิ่งสบมองจ้องมา
“มึงยอมรับกูเป็นเพื่อนแล้ว มึงต้องปลดล็อกให้กู” เธอยักไหล่อย่างไม่สนใจ ก่อนจะหมุนตัวกลับไป ไม่ได้ตอบคำใดออกไป
“มึงแม่ง ไม่ยุติธรรม กูยอมให้มึงอัดกูนิ่งๆ เกือบชั่วโมง มึงแม่งผิดสัญญา” ถ้อยคำปรามาสถูกปล่อยออกมาจากปากที่บวมช้ำเล็กน้อย จนเธอต้องตวัดสายตาไปจ้องมองอย่างเสียไม่ได้
“เออ ก็ได้ แม่ง ไม่น่าเลยกู” ว่าพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง จัดการปลดล็อกให้ทุกช่องทางการติดต่อ ไอ้วุฒิจึงลองกดโทรอีกครั้งทันที และครั้งนี้ก็ได้ยินเสียงเรียกเข้าสมใจ
Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrr
ไอ้วุฒิพยักหน้าพึงพอใจ แล้วจึงยอมรามือ ก่อนจะเอ่ยถามเธออีกครั้ง
“มึงจะกลับยังไง”
“แท็กซี่”
“มึงนอนนี่ก็ได้นะ” เธอสบตามองจ้องนิ่ง ก่อนจะพูดช้าๆ ชัดๆ ให้ไอ้วุฒิได้ยิน
“กู ไม่ มี วัน นอน กับ มึง” ว่าจบก็หันหลังเดินออกจากประตูไป แต่ก็ยังแว่วเสียงของคนที่นั่งอยู่บนโซฟาให้ได้ยิน
“เออ แล้วแต่มึง กูแค่เป็นห่วง...”
เธอนั่งรถแท็กซี่กลับมาที่ร้านเหล้าอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้ไม่ได้เดินเข้าร้านเหมือนอย่างเคย แต่กลับไปขึ้นคร่อมแบล็คเบิร์ดของตัวเอง แล้วออกตัวด้วยความรวดเร็ว มุ่งตรงกลับบ้าน อยากพักผ่อนจะแย่ พรุ่งนี้มีเรียนเช้าด้วย กะจะนอนห้องสาวๆ สักหน่อย ต้องกลับไปนอนบ้านอีก เฮ้อ
เธอคิดพลางขี่มอเตอร์ไซต์คู่ใจตรงกลับบ้าน กว่าจะถึงก็ล่วงเข้าวันใหม่ไปแล้ว จัดการเดินขึ้นบ้าน อาบน้ำแต่งตัวแล้วล้มตัวลงนอน ถอนหายใจเบาๆ หลังจากนี้จะมีเรื่องวุ่นวายตามมาอีกแน่ๆ เฮ้ออออ
ในเช้าวันจันทร์ที่ควรจะสดชื่นสดใสเพราะได้รับการพักผ่อนถึง 2 วันเต็ม กลับเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าเมื่อเธอได้นอนพักแค่ 4 ชั่วโมง แล้วต้องตื่นมามหาลัยเพื่อเข้าเรียน
“น้องเพชรขา ทำไมไม่ตอบแชทพี่เลย พี่น้อยใจนะเนี้ย”
“น้องเพชรเขาไม่ว่างตอบเธอหรอกย่ะ น้องเพชรต้องเหนื่อยมากแน่ๆ เลยที่มีคนแบบเธอมาคอยกวนใจ ดูสิ ไม่สดชื่นเลย”
“พวกเธอน่ะน่ารำคาญจริง ไปไกลๆ เลยนะ ไม่เห็นรึยังว่าน้องเพชรเขารำคาญ”
“พี่ๆ คะ แก่ก็อยู่ส่วนแก่สิคะ เพชรเขาไม่ชอบอะไรเหนียวๆ อะค่ะ เขาชอบอะไรอ่อนๆ นุ่มนิ่ม เข้าใจไหมคะป้าาาา อุ้ย โทษค่ะ พี่”
เสียงของสาวๆ ที่รายล้อมไม่สามารถดึงความสนใจจากเธอได้แม้แต่น้อย ได้แต่เดินตรงเข้ามาในห้องเรื่อยๆ อย่างเหนื่อยล้า ปล่อยให้สาวๆ ตบตีกันไป ทันทีที่นั่งลงก็ฟุ้บหน้านอนหลับทันที ไม่สนใจสิ่งรอบข้างใดๆ ทั้งสิ้น เธอนอนหลับพักสายตาก่อนจะรู้สึกตัวอีกครั้งราวๆ 1 ชั่วโมงถัดมา ค่อยสดชื่นขึ้นหน่อย เมื่อเงยหน้าขึ้นมาจึงเห็นว่าตนเองถูกล้อมรอบด้วยสาวๆ เยอะขนาดไหน และได้ยินเสียงกรี้ดเบาๆ ที่ดังแว่วมา
“เพชรตอนพึ่งตื่นน่ารักอะแก”
“โอ้ยยย ใจบางงงง”
“ฮืออออ ถึงจะไม่มีตอ แต่ถ้าเป็นเพชรก็ยอมยกให้ทั้งตัวเลยเธอออ”
เธอนั่งฟังเสียงเหล่านั้น ก่อนจะขยี้ตา หันไปสนใจการเรียนตรงหน้าที่ถูกละทิ้งมา 1 ชั่วโมง
วิ้ง~
ความรู้สึกที่พุ่งตรงเข้ามาหา ทำให้ประสาทสัมผัสตื่นตัวอย่างรวดเร็ว หันกลับไปมองทิศทางนั้นอย่างรวดเร็ว ไอ้วุฒิ... ทันทีที่เธอหันกลับไปก็สบเข้ากับสายตาเพื่อนหมาดๆ ของเธอเมื่อคืนนี้ เธอได้แต่เหลือบตามองบน ก่อนจะละความสนใจ แต่สายตาของมันยังคงทิ่มแทงที่ด้านหลังเธอจึกๆ แต่เธอก็เลือกที่จะเมินเฉย จวบจนจบวัน ก็ไปสิงที่ร้านเหล้าตามเดิม และแน่นอน มีไอ้คนที่เธอไม่ค่อยจะปลื้มนักมานั่งหน้าสลอนอยู่ฝั่งตรงข้าม
“มึงว่างมากนักรึไง” มันยกแก้วเหล้าที่มีน้ำสีอำพันเข้าปากอย่างไม่สะทกสะท้าน ก่อนจะเอ่ยตอบ
“เออ กูว่าง มีมึงเป็นเพื่อนก็ดี มีคนมานั่งดื่มเป็นเพื่อนกูด้วย ดีกว่านั่งคนเดียวละว่ะ อีกอย่าง จะได้มีคนช่วยหารด้วย” เธอส่ายหัวไปมา ก่อนจะพูดสิ่งที่คิดออกไป
“เออ ให้กูนั่งดื่มเป็นเพื่อนได้ แต่กูไม่ช่วยมึงหารค่าเหล้าแน่ ของใครของมันโว้ย”
“เออ กูเลี้ยงมึงก็ได้ ห่า กูไม่อยากเอาเปรียบผู้หญิง”
ปึก!
จบคำของมันทำให้เธอตวัดสายตามองดุดัน กระแทกแก้วเหล้าลงอย่างแรงจนมันสะดุ้ง และเหมือนว่าจะรู้ตัวว่าพึ่งพูดอะไรออกมา
“อ่อ โทษทีว่ะ เอาเป็นว่ากูเลี้ยงนั่นละ หายกันแล้วกัน” เธอจิ๊ปากอย่างรำคาญใจ ก่อนจะมีสาวน้อยเข้ามานั่งข้างกาย เธอเองก็ขยับกายอย่างเป็นธรรมชาติ ตวัดแขนโอบกอดร่างบางมาไว้ในอ้อมแขน หญิงสาวเองก็ซบตรงอกเธออย่างออดอ้อน
“พี่เพชร ช่วงนี้ไม่เห็นมาหาโบว์เลย หายไปไหนมาคะ คงไม่ใช่ว่าแอบไปควงสาวๆ คนอื่นหรอกนะ” เธอหันไปกดจูบที่ขมับของหญิงสาวก่อนจะเอ่ยปากตอบ
“พี่ยุ่งๆ ครับ พอดีหมาแถวบ้านมันโดนกัด เลยต้องคอยดูแล ไม่พอนะ ยังไม่สำนึกบุญคุณ หันมากัดพี่แทนอีก เลยต้องสั่งสอนมันไปหน่อย ทำให้ไม่ได้มาหาน้องโบว์ไงครับ” เล่าเรื่องราวสั้นๆ ให้หญิงสาวในอ้อมแขนรู้ว่าตนหายไปไหนมา ไม่ค่อยได้มานั่งดื่มดังเดิม โดยที่สายตาก็มองตรงไปข้างหน้า กระตุกยิ้มอย่างสะใจ ที่ได้เห็นไอ้วุฒิทำหน้าบึ้งหน้างอ
“อ๊ะ! โดนกัดตรงไหนคะ” หญิงสาวว่าพลางจับตามตัวเธอพลิกไปมา
“ถ้าอยากรู้ ก็ต้องไปอยู่กันในที่ๆ ที่มีแค่เรานะครับ” ว่าพลางตะครุบมือบางที่สำรวจ ยกยิ้มแพรวพราว นัยน์ตาสื่อความหมาย
“คืนนี้พี่เพชรจะอยู่กับโบว์ไหมคะ” เสียงหวานออดอ้อน เธอก็ไม่รอช้าที่จะตอบกลับไปทันที
“กับโบว์ ยังไงพี่ก็อยากครับ” แกล้งกระซิบข้างใบหู ใช้ลิ้นไล้เลียเบาๆ จนได้ยินเสียงครางแผ่ว เธอกระตุกยิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนจะประคองหญิงสาวให้ลุกขึ้น หันมาบอกเพื่อนของตน
“กูจะขึ้นไปข้างบน มึงบอกจะเลี้ยงก็จัดการให้กูด้วยแล้วกัน” ว่าจบก็โอบไหล่ร่างบาง เดินผ่านผู้คน ขึ้นไปที่ชั้นบนของผับ ทิ้งให้ไอ้คนเอ่ยปากว่าจะเลี้ยงนั่งมองตาปริบๆ อย่างอึ้งๆ
