บทที่ 7 งานกลุ่ม

วันเวลาเลยผ่าน หลังจากนั้นสองวันเธอก็ต้องเลี้ยงเหล้าไอ้วุฒิมันจริงๆ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเพราะมันเองก็เลี้ยงคืนเธอบ้างในบางโอกาส ท่าทีของมันต่างไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด และมองว่าเธอเป็นเพื่อนคนหนึ่งจริงๆ จึงทำให้วางใจได้นิดหนึ่ง

เธอก็ยังคงนอนกับสาวๆ สลับกับไปนอนที่บ้านในบางที จนตอนนี้ก็ถึงวันเสาร์ที่นัดหมายกันไว้ และเธอก็เลือกจะนอนที่บ้านในคืนวันศุกร์ ซึ่งเช้านี้เธอจึงตื่นมาบนเตียงของตัวเอง บิดตัวไล่ความเมื่อยขบเล็กน้อย ก่อนจะลุกออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ระเบียงห้องตัวเอง นั่งยองๆ สำรวจต้นพลูด่าง จัดการรดน้ำให้เล็กน้อยก่อนจะผละจากมา เข้าห้องไปอาบน้ำแต่งตัว ลงมารดน้ำต้นไม้ที่ปลูกอยู่รอบบ้าน เมื่อมั่นใจว่าเพียงพอแล้วจึงปิดน้ำ เดินเข้าไปนั่งพักข้างใน

เมื่อนาฬิกาบอกเวลาว่า 8 โมงเช้า ก็มีแขกมาเยี่ยมเยือน จนเธออดที่จะเอ่ยปากด่าไม่ได้

“กูว่ามึงคงอ่านภาษาไทยไม่ออก ไม่ก็สมองมึงมีปัญหา ถึงได้ไม่เข้าใจว่าเขานัดกันตอน 10 โมง” เธอพูดแขวะคนที่เดินเข้ามาภายในบ้าน ยกมือไหว้สวัสดีพ่อแม่ของเธออย่างนอบน้อม แล้วจึงมานั่งลงที่โซฟาอีกฝั่งกับเธอ ส่วนตัวเธอเองก็กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออุปกรณ์ตกแต่งรถมอเตอร์ไซต์ รวมถึงสำรวจราคาของมัน

“กูเป็นชายที่สมชาย กูมาก่อนเวลานัดเสมอ” จบคำโอ้อวดตัวเอง ทำให้เธอปรายตามอง

“แต่กูจำได้ว่ามึงมาเข้าเรียนเกือบสายตลอด เอาความจริง” แขวะมันไปหนึ่งที กับมันนี่ไม่รู้ทำไม อย่างน้อยก็ขอให้ได้ด่า วันละนิดก็ยังดี ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากพูดดีด้วยนะ ปากมันวอนให้ตีนกระตุกเองมากกว่า

“เออ กูชิ่งครอบครัวออกมาแต่เช้าเองนั่นละ” มันว่าพลางเสยผมขึ้น คำตอบของมันทำให้เธอเลิกคิ้วน้อยๆ แต่ก็ไม่ถามอะไรให้มากความ เธอกับไอ้วุฒินั่งกันอยู่เงียบๆ เธอเองก็เปิดหนังสืออ่านเรื่อยๆ ส่วนมันเองก็นั่งเล่นโทรศัพท์รอ จนเหมือนมันจะทนไม่ไหว จึงเอ่ยปากขอ

“กูเดินดูบ้านมึงได้ไหม?”

“เออ แล้วแต่ อย่าหลงแล้วกัน กูขี้เกียจตาม” พูดจบก็ปล่อยให้มันเดินไปเอง ใช้เวลาสักพักใหญ่มันก็เดินกลับมาพร้อมกับเอ่ยปากชม

“บ้านมึงต้นไม้เยอะดีว่ะ ใครปลูกไว้ว่ะ”

“กูเอง” ไอ้วุฒิหันมาทำตาโตใส่เหมือนกับไม่อยากจะเชื่อ เธอจัดการปิดหนังสือที่กำลังถืออยู่ในมือ ก่อนจะเอ่ยปากถาม

“มึงแดกข้าวมายัง” ไอ้วุฒิส่ายหัวไปมาเป็นคำตอบ ก่อนเธอจะพยักหน้า เรียกให้มันตามมา

“มาดิ” มันเองก็ว่าง่าย เดินตามเข้ามาแต่โดยดี เธอตักข้าวไว้สองจานพร้อมช้อนส้อม วางให้มันจานหนึ่ง ของตัวเองจานหนึ่ง

“อันนี้มึงก็ทำเองด้วยเปล่า?” มันถามพร้อมทำหน้าสงสัย ตักกับข้าวไปชิมก่อนจะตาโตร้องบอก

“อร่อยสัส อร่อยกว่าของแม่กูอีก!”

“อันนี้แม่กูทำ” พูดจบก็นั่งกินข้าวไปเงียบๆ

“โอ้ยย กูอยากมาฝากท้องบ้านมึงทุกวันเลย อิจฉามึงฉิบหาย ถ้ากูมีแม่แบบนี้คงไม่ออกไปหาข้าวแดกที่ไหนแล้ว” มันว่าพลางทำท่าเพ้อฝัน จนเธอต้องดับฝันของมันซะ

“นี่แม่กู ไม่ใช่แม่มึง อีกอย่างที่วันนี้มึงได้เข้าเพราะมึงบอกว่าจะทำงาน ซึ่งกูก็ขอพ่อกับแม่ไว้แล้ว ถ้าไม่มีธุระก็อย่ามา ไม่งั้นลูกตะกั่วจะฝั่งเข้าหัวกะโหลกมึง ระวังไว้ด้วยล่ะ หึหึ” เธอเอ่ยเตือนเสียงนิ่ง กะจะขู่ให้มันกลัว ซึ่งก็ดูเหมือนจะได้ผล....

“ทะ ทะ ทำไมวะ” ถามพลางสอดส่ายสายตา มองหาสิ่งผิดปกติ

“พ่อกูโหดสัสๆ” เอ่ยตอบมันอีกครั้งก่อนจะก้มหน้าก้มตาทานข้าว ไม่สนใจคำถามของมันอีก ที่ส่งมาเป็นชุดรัวๆ

ทำไมวะ

พ่อมึงทำงานอะไร

เป็นมาเฟียหรอ

หรือชอบเล่นปืน

หรือเขาหวงมึงว่ะ ไม่น่าจะใช่....

หรือบ้านมึงมีกับดักว่ะ

และอีกหลายๆ คำถามที่ส่งมา ล้วนแต่ไร้สาระทั้งสิ้น เธอเองก็ไม่คิดจะตอบ เมื่อทานเสร็จเธอก็เอาจานไปล้างเก็บ แล้วหันมาบอกกับไอ้วุฒิด้วย

“แดกเสร็จแล้วก็ล้างเก็บเข้าที่ให้กูด้วย เดี๋ยวกูจะขึ้นไปเอาแม็คบุ๊คลงมา” ว่าจบก็เช็ดมือลงบนผ้าที่แขวนไว้ เดินบันไดขึ้นบ้านไปเอาอุปกรณ์ที่จำเป็นในการทำงานเหลือบมองเวลาใกล้จะ 10 โมงแล้ว เมื่อเธอเดินลงมาอีกครั้ง ไอ้นายก็มาแล้ว ขาดก็แต่ไอ้ซันกับไอ้เบส

“ระหว่างรอเรามาทำกันไปพลางๆ ไหม จะได้ไม่เสียเวลา” เธอเอ่ยถามเพื่อนๆ เพื่อขอความเห็น ก่อนที่ทั้งสองจะตกลง ทั้งหมดเลยไปนั่งในมุมของตัวเอง แล้วส่งลิงค์ที่คิดว่าดีและเกี่ยวข้องกับงานไปไว้ในกลุ่ม ให้ไอ้นายเป็นคนดึงข้อมูลไปใช้แล้วจัดทำเล่มรายงาน เรานั่งทำงานเพลินจนเวลาเที่ยงมาถึง เมื่อแม่ของเธอตามให้มาทานอาหารเที่ยงด้วยกัน พวกเขาทั้ง 3 จึงพึ่งจะรู้ตัว ว่าเพื่อนอีก 2 คนยังไม่มา เนื่องจากเธอไม่ได้สนิทกับ 2 คนนั้นเท่าไหร่ คนที่กระหน่ำโทรหาให้มาทำงานก็คือไอ้วุฒิกับไอ้นาย ซึ่งถ้าให้ไอ้วุฒิโทร เชื่อเถอะ แม่งจิกจริงๆ จิกถี่ๆ เสียด้วย เธอเคยเจอมากับตัว.... จนเมื่อไอ้วุฒิโทรติดแล้วเปิดลำโพงให้คนในห้องได้ฟัง

“ไอ้ซัน! ไอ้สัส! มึงอยู่ไหนเนี้ยยยย”

[โอ้ยยย เสียงดังฉิบหาย มึงจะโวยวายทำไมวะ] เสียงไอ้ซันดังออกมา น้ำเสียงหงุดหงิดซึ่งดูเหมือนคนที่ยังไม่ตื่นดี

“ไอ้ควาย! มึงนัดเพื่อนมาทำงานเนี้ย แล้วมึงพึ่งตื่นหรอว่ะ!!!” ไอ้วุฒิพูดด้วยความโมโห

[.......]

[เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยย] เกิดความเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนเสียงโวยวายของไอ้ซันจะตามมา เสียงพรึ่บพรั่บของผ้าห่มที่เสียดสีกันดังออกมาให้ได้ยิน ทำให้รับรู้ว่าเจ้าตัวคงจะเร่งรีบออกจากที่นอน

[โอ๊ย!!!] มีเสียงๆ หนึ่งเล็ดลอดออกมา จนทำให้มองหน้ากัน

“คงเป็นรูมเมทมันมั้ง” เธอคิดว่าอีกฝ่ายคงมีเพื่อนอยู่ในห้องด้วยละมั้ง จึงเสนอความคิดออกไป ไอ้วุฒิสำทับไปอีกครั้งว่าให้มันรีบๆ มาก่อนจะกดตัดสายไป ส่วนไอ้นายก็ต่อสายหาไอ้เบสติดแล้วเช่นกัน

“มึงอยู่ไหน”

[อื้อออ อยู่ห้อง โทษทีว่ะ พึ่งตื่น เดี๋ยวกูรีบไป] เสียงของไอ้เบสฟังดูงัวเงียเมื่อถูกเสียงโทรศัพท์ปลุกขึ้นจากที่นอน

“เออ เร็วๆ มึงช้ามา 2 ชั่วโมงละสัส” ไอ้นายว่าแล้วตัดสายไป พวกเขาทั้ง 3 คนจึงเคลื่อนทัพไปอยู่ที่ห้องครัวที่ดูท่าว่าจะครึกครื้นมากกว่าที่เคย มารดาของเธอเผาเธอจนไม่เหลือดี ยังดีที่ไม่เผาด้วยเรื่องที่ว่าเพราะอะไร หรือทำไมถึงกลับกลายมาเป็นทอมแบบนี้ได้ ไอ้วุฒิกับไอ้นายเองก็ไม่ได้ถามให้มันเป็นประเด็นขึ้นมา หลังจากทานเสร็จเราก็นอนเล่นพักท้องกันไป กะไว้ว่าตอนบ่ายโมงค่อยเริ่มอีกครั้ง

เมื่อเวลาบ่ายคล้อย ไอ้ซันกับไอ้เบสก็มาถึง ทั้งคู่เลยได้รับมอบหมายให้เอาเนื้อหาที่ไอ้นายทำไปประดับบอร์ด จนเวลาผ่านไปราวชั่วโมงกว่า จากคนที่กำลังใจตั้งใจทำงานก็ต้องเงยหน้าขึ้นเมื่อไอ้นายเอ่ยถามท่ามกลางความเงียบ

“ไอ้เบส ไม่เจ็บเข่าไงมึง” ไอ้เบสหันหน้ามาช้าๆ ก่อนจะยิ้มเจื่อนๆ ให้เพื่อนๆ ที่กำลังมองอยู่

“กูลืม” คำตอบที่ได้รับมา ทำให้คนที่เหลือขมวดคิ้วมอง อะไรของมันว่ะ??

“ลืมอะไรของมึง” ไอ้วุฒิที่คงจะงงจนทนไม่ไหว เอ่ยปากถามอย่างไม่เข้าใจ

“กูลืมว่ากูนั่งคุกเข่าอยู่” ไอ้เบสตอบกลับมาก่อนจะค่อยๆ หย่อนก้นลงกับพื้นอย่างเชื่องช้า สงสัยมันคงเป็นเหน็บชา

“มันคงตะคริวกิน” เธอพูดขึ้นแล้วลุกออกจากโซฟา เดินไปหาไอ้เบสแล้วช่วยกดตัวให้นั่งลง

“โอ๊ะ!!!” สีหน้าของไอ้เบาเหยเก ใบหน้าบิดเบี้ยว

“เป็นเหี้ยอะไรของมึง” เสียงไอ้วุฒิที่คงจะรำคาญเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิด

“อ่อ กูตะคริวกิน เลยเจ็บๆ” ไอ้เบสตอบกลับ หน้าซีดหน้าเซียว ส่วนไอ้ซันแอบหันไปขำคนเดียวจนไหล่ไหว จึงโดนไอ้เบสโบกหัวไปหนึ่งที พวกเราจึงเริ่มหันมาสนใจงานตรงหน้าอีกครั้ง ทำในส่วนของใครของมัน จนเวลาล่วงเลยมาถึงเย็น เธอก็ต้องนิ่งอึ้งกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า งานตกแต่งบอร์ดที่มอบหมายให้ไอ้ซันกับไอ้เบสดูแล ออกมาย่ำแย่กว่าที่คิด ตัวหนังสือเอียงขึ้นลง การตกแต่งทำเหมือนเด็กน้อยวัยประถม

“มึงสองคนเสียเวลาไปกับการทำอะไรบ้าง กูอยากรู้ ไร้ประโยชน์ฉิบหาย” ไอ้วุฒิเอ่ยปากด่าก่อนใครเพื่อน เธอกับไอ้นายไม่มีคำใดๆ เอื้อนเอ่ยออกจากปาก ก่อนจะส่ายหน้าอย่างรับไม่ได้

“เดี๋ยวเราแก้ให้” เธอออกตัวช่วยแก้ไขงาน โดยมีพวกผู้ชายทั้งสี่คนรุมล้อม คอยช่วยหยิบจับ จนในที่สุดบอร์ดที่ได้รับการตกแต่งใหม่ก็เสร็จสิ้นในเวลาเกือบ 2 ทุ่มของวัน พวกผู้ชายทำตาโตเมื่อได้ยลโฉมชัดๆ เต็มๆ ตา บอร์ดนำเสนอถูกตกแต่งด้วยเหล่าอารยธรรมของประเทศที่เราได้รับหัวข้อมา ทำให้รับรู้ได้ทันทีว่ากำลังพูดถึงประเทศอะไรอยู่ เคสตัวอย่างถูกทำให้นูนเด่นลอยอยู่บนก้อนเมฆแต่ละก้อน ส่วนมาตรากฎหมาย ข้อกำหนด อยู่ตรงใจกลางซึ่งเป็นรูปต้นไม้ต้นใหญ่ มีเถาวัลย์ลากโยงไปหาที่ก้อนเมฆแต่ละก้อน ที่ฉากหลังเป็นสิ่งก่อสร้างของประเทศทั้งเล็กใหญ่ ทำให้ดูมีมิติมากขึ้น

แต่เดิมเธอเป็นคนอ่อนหวานบอบบางอยู่แล้ว เมื่อตอนมัธยมปลายที่ได้คบหากับไอ้ผู้ชายชั่วคนนั้น ทำให้มีสกิลพวกนี้ติดตัวอย่างช่วยไม่ได้ หลงใหลไปกับคำหลอกลวง ช่วยทำงานแทบทุกชิ้นให้อย่างไม่มีข้อแม้หรือเงื่อนไข จากที่ทำไม่เป็นก็ต้องเป็น เรื่องที่ไม่รู้ก็ต้องรู้ เพื่อที่จะทำงานส่งแทนไอ้คนหน้าไม่อายนั่น เหอะ ช่างโง่เง่าโดยแท้.... เมื่อหันไปสบสายตาไม่อยากจะเชื่อของเพื่อนๆ เธอจึงอดที่จะถามไม่ได้

“มองอะไร” เธอถามเสียงเรียบ พวกเพื่อนๆ พากันส่ายหัวแล้วมากระซิบกระซาบกันเอง

“กูอยากรู้ว่าห้องนอนเพชรแม่งจะเป็นแบบไหนจริงๆ ว่ะ” ไอ้ซัน

“เออ กูก็อยากเห็น คงไม่ประดับแต่พวกตุ๊กตาตัวเล็กๆ น่ารักหรอกใช่ไหม” ไอ้วุฒิ

“ไม่แน่นะเว้ย กูว่าอาจจะเต็มไปด้วยเครื่องเล่นเกม ฟุตบอลอะไรแบบนี้ก็ได้” ไอ้เบส

“ถ้าพวกมึงอยากรู้ก็ขอไปดูตรงๆ เลยสิ” ไอ้นาย

“จะไปดูไหมล่ะ?” เมื่อเธอได้ฟัง จึงเอ่ยถามออกไป ก็นะ ห้องเธอมันก็ไม่ค่อยมีอะไรอยู่แล้ว แล้วที่พวกมันพูดมา ก็มีครบทุกอย่างจริงๆ นั่นละ พวกผู้ชายได้แต่หัวเราะแหะๆ ก่อนจะเป็นไอ้นายที่เอ่ยปากตอบ

“มะ ไม่เป็นไร”

“ในเมื่อเสร็จแล้วก็แยกย้ายกันกลับเถอะ เดี๋ยวจะดึก ส่วนบอร์ดทิ้งไว้นี่ล่ะ วันนำเสนอเราเอาไปเอง” เธอว่าพลางคิดไปด้วยว่าจะเอาไปยังไง สงสัยคงต้องยืมรถพ่อขับไปสักวันแล้วล่ะ ไม่นานพวกเพื่อนๆ ก็กลับไปจนหมด

เธอก้าวเท้าเดินขึ้นสองของบ้าน ตรงเข้าห้องนอนตัวเอง จัดการอาบน้ำแต่งตัว ด้วยกางเกงยีนส์ เสื้อกล้ามสีดำ สวมทับด้วยชุดคลุมหนังสีดำ เซ็ทผมให้เรียบร้อย ก่อนจะหยิบเอาแว่นสีดำมาเสียบไว้ที่คอเสื้อ แล้วจึงก้าวเท้าเดินออกจากบ้าน ขึ้นคร่อมแบล็คเบิร์ดคู่กาย ขับพุ่งทะยานออกไปทันที

เธอขับรถมาเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ที่ร้านประจำ ถอดถอนหายใจเบาๆ เมื่อไม่คิดว่างานจะเสร็จเร็วขนาดนี้ จึงไม่ได้นัดสาวน้อยตัวเล็กผู้อ่อนประสบการณ์มาท่องเที่ยวราตรีเป็นครั้งแรก อีกทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ เธอก็ไปๆ มาๆ ร้านเหล้า แต่กลับไม่ได้พบหน้าน้องเชอร์ของเธอแม้แต่น้อย อย่างน้อย... ได้ยินเสียงก็ยังดี…..

Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrr

“ฮัลโหลค่ะพี่เพชร” รอสายเพียงไม่นาน อีกฟากก็กดรับสาย แต่เธอก็ต้องขมวดคิ้วหมุน เพราะอีกฝั่งดูว่าจะอยู่ในสถานที่ๆ มีเสียงดังอยู่ไม่น้อย

“ครับน้องเชอร์ อยู่ไหนครับเนี้ย เสียงดังมากเลย”

“เชอร์อยู่งานปาร์ตี้วันเกิดของเพื่อนค่ะ พี่เพชรรอแป๊บหนึ่งนะคะ” อีกฝ่ายตอบกลับมาพร้อมๆ กับเสียงเพลงที่เบาลงเรื่อยๆ หากแต่ก็ยังคงแว่วมาให้ได้ยินอยู่บ้าง

“ค่ะพี่เพชร ดีขึ้นไหมคะ” อีกฝ่ายถามด้วยน้ำเสียงสดใส จนเธออดที่จะยิ้มตามไม่ได้

“ครับ”

“ว่าแต่พี่เพชรมีอะไรรึเปล่าคะ” น้องเชอร์ถามหาเหตุผลที่เธอโทรมาในเวลา 3 ทุ่มกว่าๆ ของวัน

“ครับ คิดถึง” เธอเองก็ตอบกลับไปอย่างไม่รีรอ ตามความคิดที่มีเมื่อกดเบอร์โทรของหญิงสาว ก่อนจะได้ยินน้ำเสียงที่ต่างออกไปเล็กน้อยของน้องเชอร์

“ค่ะ น้องเชอร์ก็คิดถึง งือออ” เธอเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงจะหน้าแดงก่ำเป็นลูกตำลึงอยู่เป็นแน่ จึงอดไม่ได้ที่จะอมยิ้มเล็กน้อย

“แค่ได้ยินเสียงก็คลายความคิดถึงได้แล้วครับ น้องเชอร์กลับเข้างานเถอะ อย่ากลับดึกมากนะครับ พี่เป็นห่วง” ว่าจบพลางเดินเข้าไปในร้านไปด้วย

“ค่ะ พี่เพชรด้วยนะคะ อย่าขับรถตอนดึกนะ น้องเชอร์เป็นห่วง” คำว่าเป็นห่วงของหญิงสาวทำให้หยุดชะงัก และยืนอมยิ้มอยู่คนเดียว เพียงแค่คนนี้เท่านั้นที่ทำให้เธอมีความสุขได้แม้การพูดคุยเพียงเล็กน้อย ไม่ได้ต้องการสิ่งใดให้มากกว่านี้เลยสักนิด

“ครับ” เธอตอบรับกลับไปแล้วกดตัดสาย ก้มเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง เมื่อเงยหน้าขึ้นก็ต้องขมวดคิ้ว เมื่อคล้ายๆ ว่าจะเห็นคนที่พึ่งจะคุยด้วยไปเมื่อสักครู่ หากพอมองตามหลังไปดีๆ ก็ต้องดึงสายตาออก เมื่อคนๆ นั้นมองจากด้านหลังอาจจะใช่ แต่พอพิจารณาการแต่งตัวแล้วไม่มีทางเป็นคนๆ เดียวกันได้แน่ เมื่อเธอคนนั้นสวมใส่ชุดเกาะอกสีดำ รัดรูป ที่หลังเว้าลึกจนแทบจะถึงสะโพก และมีเชือกเส้นเล็กๆ ผู้อยู่แค่ 3 เส้น มีขนนกอยู่ที่รอบอกแล้วชายกระโปรงที่สั้นจนแทบจะเห็นอะไรต่ออะไร สวมรองเท้าส้นสูงแบบหนังรัดขึ้นมาถึงขอเท้า และมีรอยสักรูปผีเสื้อที่กลางหลัง แตกต่างกับน้องเชอร์ของเธออย่างสิ้นเชิง

เธอดึงสายตากลับ หามุมเหมาะๆ นั่งลง ดื่มเหล้าไปพลางๆ ไม่นานก็มีสาวๆ มารายล้อม เธอจึงเลือกดึงมาจากหนึ่งคนในนั้น และบอกให้ชัดเจนตั้งแต่แรกว่าเป็นทอม เผื่ออีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ แต่ก็ไม่ เธอจัดการเปิดห้องทิ้งไว้ บอกหญิงสาวให้อาบน้ำรอ เธอจะลงไปหยิบของที่ด้านล่าง เธอหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าติดมือมาด้วย ข้าวของทุกอย่างที่จำเป็นถูกรวบรวมไว้ภายใน หึหึหึ คืนนี้หญิงสาวคงจะครางจนไร้เสียง....

เช้าวันถัดมา เธอนอนกอดก่ายกับหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่ง ขนาดตัวเกือบจะเท่าๆ เธอ แต่ก็ยังเล็กกว่า นอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยก่อนจะผละตัวลุกขึ้น เข้าไปอาบน้ำแต่งตัว เตรียมพร้อมที่จะออกห้อง ออกกำลังกายหน่อยก็ดี....

ไม่รอให้เสียเวลานาน เธอขับรถกลับบ้าน จัดการเปลี่ยนเสื้อ ให้กระฉับกระเฉงเหมาะแก่การออกกำลังกาย ที่เธอไปก็ไม่ใช่ที่ไหน

“ลุงหมาน สวัสดีครับ” เธอยกมือไหว้คนที่มีอายุมากกว่าอย่างสนิทสนมเป็นกันเอง

“เอ้ออออ ว่าไงเพชร หายไปพักใหญ่เลยนะเอ็ง”

“น่าลุง เกเรบ้าง ติดสาวบ้าง หยวนๆ ไปน่ะ” เธอว่าพลางยกยิ้มจริงใจส่งไปให้

“โอ้ยยยย ถ้าอีหนูกูมันรู้มันไม่ดิ้นเร้าๆ รึไงวะเนี้ย ยิ่งรักยิ่งหลงมึงอยู่”

“ฮะๆ” เธอยิ้มรับแล้วไม่กล่าวอะไรต่อ จัดการวางข้าวของที่พกติดตัวมา จัดการพันผ้าพันมือและปลอกรัดข้อเท้าของตัวเอง จัดการวอมร์ร่างกายตัวเอง 20 นาที ยืดเส้นยืดสาย ก่อนจะเดินไปหยิบอุปกรณ์มาใช้ร่วมด้วยอย่างเชือกกระโดดหรือดรัมเบล เมื่อมั่นใจว่าพร้อมแล้วก็หันไปจัดการกระสอบทรายที่แขวนอยู่ภายใน

การเตะต่อยของเธอนั้นรุนแรง จนทำให้กระสอบทรายนั้นเคลื่อนไหวตามแรงกระแทกที่เธอทุ่มเข้าไป หลังจากออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องถึง 2 ชั่วโมง เหงื่อกาฬไหลทั่วกายจนเสื้อผ้าเปียกชื้น หยาดเหงื่อหยดลงเป็นสายอย่างต่อเนื่อง ลมหายใจหอบกระชั้นรุนแรง หลังจากนั้นเธอก็เข้าสู่ช่วงพักร่างกาย ด้วยการยืดเส้นอีกครั้ง นั่งพักจนหายเหนื่อย ถึงเตรียมข้าวของเข้าไปอาบน้ำภายในห้องที่ถูกเตรียมไว้

มือเล็กหากแต่หยาบกระด้างเสยเส้นผมที่ชุ่มน้ำให้ออกไปจากใบหน้า อาบน้ำอย่างสบายตัว เสียงที่ด้านหลังทำให้ร่างกายทุกสัดส่วนเกร็งแน่น เพราะการถูกบุกรุกพื้นที่โดยที่ไม่รู้ว่าใคร ฝ่ามือร้อนนุ่มนิ่มของอีกฝ่ายวางทาบลงบนแผ่นหลังเปลือยเปล่าของเธอ ก่อนจะลูบไล้ไปมา

“พี่เพชร หนูช่วยถูกหลังให้นะ” เธอกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะหันไปจับมือเล็กบางนั่น เป็นการห้ามอยู่ในที

“เข้ามาแบบนี้เดี๋ยวพ่อก็ว่าเอาหรอก”

“พ่อไม่ว่าหรอก เพราะเปรี้ยวไม่เสียหายสักหน่อย” หญิงสาววัยขบเผาะว่า พลางเลื่อนมือมาลูบตรงบ่าของเธอ ก่อนที่ปลายนิ้วจะลากยาวลงมาจนถึงเนินอกเธอที่มีขนาดเล็กจนคิดว่าไม่มีเสียแล้ว

“หึหึ รีบออกไปเถอะ พี่ไม่อยากผิดใจกับพ่อเรา” ว่าแล้วก็ดันหลังอีกฝ่ายให้ก้าวเดินออกไปจากห้องน้ำ แต่เด็กสาวก็ยังคงยืนนิ่งอยู่เช่นเดิม ก่อนจะเอ่ยปากต่อรอง

“ถ้าจูบ เปรี้ยวจะไป”

“พี่ให้โอกาสแล้วนะเปรี้ยว อย่าหาว่าพี่ไม่เตือน” เธอว่าเสียงต่ำในลำคอ จ้องมองอีกฝ่ายเพื่อขอคำยืนยัน แต่เด็กสาวไม่ได้มีความรู้สึกหวาดกลัวแม้แต่น้อย กลับกัน เด็กสาวกลับเดินเข้ามาหา โอบสองแขนคล้องคอของเธอไว้

“จูบสิ แล้วจะไป”

“หึหึ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป