บทที่ 10 9 วิธีเอาตัวรอด

[VIEW TALK]

สามวันต่อมา…

“บอสรออยู่ในรถครับ” คุณกรเลขาส่วนตัวของพี่ทิวเอ่ยกับฉัน

“คุณแม่ของฉันอยากพบเขา...ได้มั้ยคะ” แม่เกี้ยวกราดเล็กน้อยเมื่อได้เห็นหลักฐาน ตอนแรกเหมือนจะลงโทษฉัน แต่เมื่อบอกเล่าต่อว่ามีคนอยากแต่งกับฉันด้วยจำนวนเงินที่มากโข อารมณ์โมโหของแม่จึงลดลง และอยากจะพบว่าที่เจ้าบ่าวของฉันในเร็ววัน

“เดี๋ยวคุณลองถามบอสดูนะครับ” คุณกรเปิดประตูรถให้ฉันลง เขาส่งรถมารับฉันที่หน้าบ้าน และมาส่งฉันที่บ้านหลังหนึ่ง บอกคร่าว ๆ ว่าบอสของเขาอยู่ในรถอีกคันหนึ่ง และให้ฉันไปนั่งคันนั้น เพื่อเดินทางไปบ้านของครอบครัวว่าที่เจ้าบ่าว

ฉันเดินมาที่รถ ซึ่งจอดอยู่ด้านหน้าของรถคันที่คุณกรไปรับฉันมา

ฉันยืนเก้ ๆ กัง ๆ ควรนั่งที่ไหนอะไรยังไง จะถามใครก็ไม่ได้ เพราะตอนนี้รถที่ฉันเพิ่งจะลงขับออกไปแล้ว

กระจกรถถูกเลื่อนลง โดยที่คนขับคือแฟนเก่าที่ขยันราวีมาตลอด “ขึ้นรถสิ ไม่สุภาพบุรุษขนาดลงไปเปิดให้นะครับ”

ใครอยากได้ความสุภาพบุรุษของพี่กันล่ะ ฉันไม่คิดอยากจะได้อะไรจากพี่นอกจากเงินหรอก

แล้วการได้เงินจากเขาก็คงไม่ได้ฟรี ๆ แน่นอน เพราะคุณกรแอบกระซิบบอกฉันว่า ‘บอสไม่ชอบทำอะไรฟรี ๆ อยู่แล้วครับ’

ฉันเข้ามานั่งภายในรถ และเงียบค่ะ คิดแค่ว่าเขาคือนายจ้าง พูดในส่วนที่พูดได้ก็พอ

“บอกป๊ากับมี้ฉันไปว่าเราคบกันตั้งแต่สมัยเรียน แล้วเธอไปเรียนต่างประเทศ เคยเลิกกันแล้วกลับมาคบกัน” เขาเอ่ยเสียงเรียบนิ่งไม่ได้หันมามองฉัน ตั้งท่าขับรถอย่างเดียว

“ค่ะ” ฉันต้องเชื่อฟังเขา เพราะเขาเป็นนายจ้าง แต่ฉันก็ควรบอกเขาด้วยว่าแม่ของฉันอยากเจอเขา “พี่คะ”

“อย่าเรียกฉันว่าพี่ ฉันไม่ชอบ” ให้เรียกไอ้หรือไง ไม่ชอบเหรอ เมื่อก่อนฉันเรียกตลอด หึ

“คุณคะ เรียกแบบนี้ได้มั้ยคะ”

“อืม”

“หลังจากพบครอบครัวของคุณแล้ว คุณไปพบแม่ของฉันได้มั้ยคะ”

“เธอมีแม่ด้วยเหรอ” ไม่แปลกที่เขาจะไม่รู้ เพราะตอนที่เราคบกัน ฉันอยู่กับพ่อแค่สองคนในบ้านหลังธรรมดาที่อยู่ไม่ห่างจากวัดที่เขาเคยบอกว่าคือที่หลับนอนของเขา

“ค่ะ” ไม่จำเป็นต้องอธิบายเรื่องในอดีตให้เขาฟัง เพราะเขาบอกเองว่าห้ามขุดอดีต

“ก็ได้”

“อย่าบอกแม่นะคะว่าเราเคยคบกัน บอกแม่แค่ว่าคุณบังเอิญเจอฉันแล้วชอบจึงอยากแต่งงานด้วย”

“หืม?” จังหวะรถติดไฟแดงพอดิบพอดีเขาจึงปรายตามามองฉัน แล้วพูดด้วยเสียงเรียบนิ่งว่า “ฉันไม่ได้ชอบเธอ”

“โกหกไงคะ”

“หึ” เขาบิดยิ้ม รอยยิ้มสมเพชฉายอยู่บนใบหน้าของเขา “ขี้โกหกตลอดเลยนะเธอน่ะ หวังว่าแต่งงานแล้วจะไม่หาเรื่องมาโกหกฉันนะ”

“แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวค่ะ อย่าให้แม่รู้ว่าเราเคยคบกัน”

“…” พี่ทิวไม่ได้คำตอบอะไรกลับมาค่ะ เขาไม่พูดอะไร ตรงกับช่วงไฟเขียวพอดีด้วยแหละ

“หยิบถุงที่เบาะหลัง” เงียบไปได้สักพักเขาก็ส่งเสียง ภายในรถมีกันสองคนก็คงจะบอกฉันนั่นแหละค่ะ

เหมือนเราจะคุยกันไม่ค่อยเข้าใจ หรือเพราะเขาพูดรวบรัดฉันถึงไม่เข้าใจความหมาย

เมื่อก่อนน่ารักกว่านี้ พูดรู้เรื่องกว่านี้ แต่ก็นั่นแหละ นั่นมันเมื่อก่อนนี่เนอะ

“แกะออกมา” เขาสั่งอีกรอบเมื่อฉันถือถุงกระดาษ ฉันทำตามที่เขาบอก

“เอ่อ?” ของที่อยู่ข้างในนั้นคือเจลล้างมือ เจลแอลกอฮอล์ “คืออะไรคะ”

“ทำไมถามโง่ ๆ ไม่รู้จักเจลล้างมือหรือไง” เห็นไหมคะว่าเราคุยกันคนละภาษา แล้วใครจะบ้าไม่รู้จักเจลล้างมือ ฉันอ่านหนังสือออกหรอกน่า

“…” เงียบดีกว่า ฉันไม่มีสิทธิ์เถียงเขาอยู่แล้ว เดี๋ยวเขาอยากพูดต่อก็คงพูดเองแหละมั้งคะ

“ฉันอาจจะต้องจับมือเธอ เพื่อความสมจริง เธอจึงควรทำความสะอาดร่างกายของเธอหน่อย” WTF คือไรอะ เกินไปไหมอะ หรือเขาปกติ แต่เป็นฉันที่เข้าไม่ถึงโลกของเขาอย่างงี้อะเหรอ

หรือฉันดูสกปรก?

ฉันคิดว่าฉันสะอาดนะ หรือคำว่าสะอาดของเราไม่เหมือนกัน

ค่ะ เช็ดล้างตามที่เขาบอกค่ะ เพราะสัญญาข้อแรกคือ นายจ้างถูกเสมอ

เวลาผ่านไปสักพักรถของเขาเลี้ยวเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ ใหญ่มาก ๆ ค่ะ

“ช่วยทำให้คุ้มกับเงินที่ฉันเสียไปด้วยนะ ป๊ากับมี้ของฉันเป็นคนฉลาด แล้วช่วงนี้มี้ก็ไม่ค่อยสบาย มี้พูดอะไรเธอก็พิจารณาเองแล้วค่อยตอบ ถ้าอันไหนไม่มั่นใจเดี๋ยวฉันจะตอบเอง เรื่องสร้างภาพเธอเก่งอยู่แล้ว ฉันคงไม่ต้องสอน” เขาสั่งแกมจิกกัดก่อนจะลงจากรถและเดินอ้อมมาเปิดประตูให้ฉัน มีความสุภาพบุรุษขึ้นมาทันที

“เธอล้างมือซ้ำอีกรอบหน่อย” ก้มลงมาบอกฉัน ถ้ารังเกียจกันขนาดนี้เอาเชือกมาจับคนละข้างดีกว่าไหม

มันเกินไปนะนายประสาทนี่ ทีเมื่อก่อนเดี๋ยวกอด เดี๋ยวหอม เดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวจูบ ทีงี้มาทำรังเกียจ ปั้นหน้านิ่งไร้ความรู้สึก

ก็ทำได้แค่บ่นในใจและล้างมือตามที่เขาบอก เถียงได้เหรอ ไม่ได้หรอก ฉันไม่ได้อยู่ในจุดที่เถียงเขาได้

บทก่อนหน้า
บทถัดไป