บทที่ 11 9 วิธีเอาตัวรอด(2)
“พอหรือยังคะ หรือต้องให้ฉันกินเข้าไปเลย” ฉันพูดประชด
“ไปได้แล้ว อย่าปล่อยให้ผู้ใหญ่รอนาน” เขายื่นมือมาตรงหน้าของฉัน สีหน้าของเขานิ่งนะ แต่ฉันคิดว่าเขาอาจจะพยายามมาก ๆ เลยล่ะที่จะจับมือของฉัน
“ถ้าคุณลำบากใจไม่ต้องจับก็ได้มั้ยคะ”
“ฉันไม่ได้อยากจับเธออยู่แล้ว แต่ถ้าไม่จับมันจะผิดสังเกตมั้ย มีสมองก็ลองคิดบ้าง ไม่ใช่คิดเป็นแต่เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ”
“ค่ะ” วางมือลงที่ฝ่ามือใหญ่ และนี่คือครั้งแรกในรอบหลายปีที่ฉันได้สัมผัสตัวของผู้ชายคนนี้อีกครั้ง ฝ่ามือของเขาใหญ่กว่าเมื่อก่อนมาก
“ต่อหน้าป๊ากับมี้ก็เรียกให้เหมือนคนรักกันด้วย หวังว่าคงคิดออกนะ”
“ค่ะ” เขาด่าฉันว่าโง่กี่รอบแล้วนะ ฉันคิดว่าหลายรอบแล้วล่ะ คนอะไรปากร้าย
เราสองคนเดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ ชายชุดดำค้อมหัวให้เมื่อเราทั้งสองเดินผ่าน ไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าฉันจะได้เดินข้างเขา จับมือเขาแบบนี้อีกครั้ง
“มากันแล้ว” หืม? ผู้หญิงคนนี้เป็นดารานี่นา ฉันเคยดูผลงานของเธอ เคยดูกับเขานั่นแหละ อย่าบอกว่านี่มี้ หรือแม่ที่เขาพูดถึงใช่ไหม
แล้วทำไมตอนที่ดูละครด้วยกันเขาถึงไม่เอ่ยปากบอกฉันบ้างนะ อ้อ ตอนนั้นเขาเป็นเด็กวัดนี่เนอะ
“หนูน่ารักจังเลยลูก อายุเท่าไหร่แล้วคะ หน้าเด็กแบบนี้ 18 รึยังเนี่ย พี่ทิวหลอกน้องมารึเปล่า” คงเพราะความหน้าเด็กของฉันมั้งคะ ตัวเล็ก ๆ หน้าตาจิ้มลิ้ม แถมแม่ยังชอบให้คนขนสมุนไพรยาดีมาให้กินให้อาบเพื่อความสาวความสวยอีก
“น้อง 25 จะ 26 แล้วฮะมี้” หืม ทำไมคำพูดเปลี่ยนไปขนาดนี้ล่ะ ทั้งน้ำเสียงด้วย อ่อนโยนที่สุด
“ว้าว หนูหน้าเด็กมากเลย แล้วดูสิหน้าตาน่ารักขนาดนี้พี่ทิวทำไมไม่พามาแนะนำให้มี้รู้จัก”
“เราเพิ่งคืนดีกันฮะ คนที่ทิวเคยเล่าไงฮะ เมื่อนานมาแล้ว” เล่าอะไรอะ เขาพูดถึงฉันด้วยเหรอ คงพูดว่าฉันทิ้งเขาอย่างใจร้ายสินะ
“อ๋อ มี้จำได้แล้ว ที่พี่ทิวเคยบอกว่าจะพามาแนะนำ แล้วจากนั้นพี่ทิวก็หายไป”
“เรื่องเก่าอย่ารื้อฟื้นสิอ้าย” เสียงนุ่มทุ้มของใครอีกคนดังขึ้นมาจากด้านหลังของฉัน
“เสือ… ขอโทษที อ้ายก็แค่อยากรู้ว่าทำไมน้องทิวของเราถึงได้กั๊กของน่ารักไว้แบบนี้”
“หวงไงฮะมี้ คิดถึงมี้จังเลยฮะ” พี่ทิวเขาปล่อยมือฉันแล้วโผเข้ากอดคนที่เขาเรียกว่ามี้ เธอคือคุณอ้าย สิริมา อดีตดาราชื่อดัง ที่บอกว่าอดีตเพราะตอนนี้เธอเลิกเล่นละครแล้ว
“ขี้หวงไม่เปลี่ยนจริง ๆ นะเรา” มี้ของพี่ทิวผละกอดพี่ทิวออกและยิ้มให้ฉัน
“ทิวลืมแนะนำเลยฮะ” พี่ทิวกลับมาหยุดอยู่ที่เดิมข้างกายฉัน ในขณะที่ผู้ชายอีกคนไปยืนข้างกายมี้ของพี่ทิว “ป๊าฮะมี้ฮะ นี่วิว คนที่ทิวจะแต่งงานด้วย เรากลับมาคบกันหลังจากที่เลิกกันไปสักพัก” ฉันระบายยิ้มแล้วยกมือขึ้นไหว้คนที่เป็นพ่อและแม่ของพี่ทิว
“สวัสดีค่ะ” ฉันกล่าวกับท่านทั้งสอง
“หนูวิวนี่ป๊ากับมี้ของพี่”
เดี๋ยวนะ! รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องยังไงไม่รู้กับประโยคที่เรียกหนูวิวเนี่ย
“ไม่ใช่ว่าจ้างมาแต่งงานด้วยล่ะ” ประโยคของป๊าพี่ทิวทำฉันหยุดหายใจเลยก็ว่าได้ ไม่นะ ต้องสมจริงสิ ฉันยื่นเงินครึ่งหนึ่งให้แม่ไปแล้วนะ เอาคืนมาไม่ได้แล้ว
“อะไรอีกฮะป๊าระ…เรา” เสียงของพี่ทิวขาดหายเพราะฉันนี่แหละค่ะ
ฉันก็แค่เอื้อมมือไปจับมือของพี่ทิว และเขย่งตัวขึ้นหอมแก้มของเขา “ถ้าแบบนี้เรียกจ้างมั้ยคะป๊า พี่ทิวชอบหวงตัวไม่ค่อยชอบให้ใครเข้าใกล้ แต่วิวหอมแก้มพี่ทิวแบบนี้ พอจะคลายความสงสัยได้มั้ยคะ หรือจะให้วิวจูบพี่ทิวตรงนี้เลยคะ” ฉันกรีดยิ้มสวย ทั้งที่ด้านในอายมาก และคิดว่าหลังจากออกจากบ้านนี้ไปพี่ทิวคงได้เอาเจลแอลกอฮอล์ล้างหน้าตัวเองจนหมดหลอด
ฉันไม่ได้อยากทำสักหน่อย ใครจะอยากขโมยหอมแก้มเขาล่ะ ไม่ได้อยากหอมเลยจริง ๆ ก็แค่สถานการณ์บีบบังคับ จริง ๆ นะ
“ก็ดีนะ จูบสิ” เดี๋ยวค่ะป๊า ป๊าไม่เชื่อใจลูกชายขนาดนี้เลยเหรอคะ
“เสือ พอแล้ว น้องทิวของเราไม่ใช่คนที่จะใช้เงินฟาดความรักนะคะ ใช่มั้ยคะพี่ทิว” มี้ของพี่ทิวเบรกไว้ค่ะ
“ใช่ฮะ อย่างอื่นซื้อได้ มีแต่ความรักดี ๆ นั่นแหละฮะที่ซื้อไม่ได้” ไม่ได้ว่าเหน็บฉันใช่ไหมอะ แต่ฉันก็รู้สึกเจ็บอยู่นะ
“เห็นมั้ยคะเสือ คุณระแวงเกินไป ดูสิคะแก้มลูกของเราแดงขนาดนั้นจะว่าจ้างมาได้ไง ไปค่ะหนูวิวไปนั่งคุยกัน” มี้ของพี่ทิวกรีดยิ้มสวยก่อนจะเดินมาจับมือฉัน
แก้มแดงเหรอ?
ขอมองหน่อยสิ อ่า แดงจริงด้วย แต่ฉันว่าแดงเพราะโกรธแน่เลย ไม่ใช่เขินหรอก
ฉันโดนเละแน่ที่ขัดคำสั่งนายจ้าง ไม่ ๆ ฉันจะถกเถียง เพราะสถานการณ์มันบีบบังคับ ที่ทำก็แค่วิธีเอาตัวรอด
