บทที่ 1 บทนำ
“อึก…” ร่างบางเปียกโชกด้วยเลือดเดินโซเซมาตามซอกตึกข้างโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เรียวแขนข้างซ้ายมีบาดแผลจากการถูกยิงและมีเลือดไหลหยดลงพื้นตลอดทาง
“เลิกเดินเถอะน่า ต่อให้เดินไปกว่านี้ก็ไม่มีใครยื่นมือมาช่วยเธอหรอก” เสียงเข้มของชายวัยกลางคนที่เดินควงปืนตามหลังเทียน่าเอ่ยขึ้น ตอนนี้เป็นเวลาตีสามกว่า ๆ บนท้องถนนไร้ผู้คนแม้กระทั่งแสงสว่างยังยากที่จะส่องถึง ร่างเล็กเดินโซเซจนมีรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันหนึ่งขับผ่านมาทางนี้ เธอไม่มีทางเลือกจึงกระโดดเข้าไปขวางทางรถไว้
“อยากตายรึไง!” เจ้าของมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์เอ่ยถามอย่างหัวเสีย ครั้นหันไปมองชายอีกคนกำลังเล็งปืนมาทางเขาจึงยกมือขึ้นเหนือศีรษะตามสัญชาตญาณ จู่ ๆ คนที่ยืนหอบหายใจรวยรินก็จับแขนเขาแน่น
“ช่วยฉัน…"
“เรื่องอะไรฉันต้องช่วย ซวยชะมัด”
พรึบ!
มีดพกสั้นที่หญิงสาวชักออกมาจ่อเข้าที่คอหอยนายแพทย์หนุ่ม “ช่วย… ฉัน”
“เอาอะไรไปสู้กับคนมีปืนวะ” เขาชักสีหน้าใส่อย่างหงุดหงิด
“อย่าเสือกดีกว่าครับหมอ เป็นหมอจริง ๆ สินะ” ชายคนมีปืนแสยะยิ้มพลางก้าวเข้ามาใกล้เขามากขึ้น
“จริง ๆ ฉันไม่ได้ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านนะ แต่เห็นผู้ชายทำร้ายผู้หญิงปางตายแบบนี้ ไม่ช่วยก็ดูจะใจร้ายเกินไป” เขาก้าวออกจากรถแล้วเดินอ้อมมายืนตรงหน้าหญิงสาว “นั่นผัว…?”
“ผัวบ้านนายสิ!”
“หึ!” พีร์เจแค่นหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ เขาเริ่มสำรวจใบหน้าและบาดแผลของหญิงสาว จากนั้นหยุดสายตาไว้ที่แผลฉกรรจ์ที่หัวไหล่และต้นแขน วินิจฉัยด้วยตาเปล่าแล้วว่านั่นแผลจากการถูกยิงแน่นอน “เล่นกันเอาตายขนาดนี้เลยเหรอ” พีร์เจเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วก้มมองใบหน้าหญิงสาว ก่อนจะใช้ปลายนิ้วเชยคางเธอขึ้นมาสบตากัน “ไม่ต้องกลัว ผมเป็นหมอไม่ปล่อยให้คุณตายหรอก”
“เฮ้ย! มึงพล่ามอะไรวะ เอาตัวนังนั่นมาดีกว่าแล้วไสหัวไปได้แล้ว”
“พอดีมีคนไข้ที่ฉันต้องพาไปรักษาด่วน เพราะงั้นคงปล่อยไปไม่ได้” เขาพูดโดยไม่ทันได้หันไปมองชายคนถือปืน พีร์เจยื่นมือไปตรงหน้าเพื่อขอมีดจากหญิงสาว “อย่าขยับตัว เธอเสียเลือดมากแล้ว” เขารับมีดจากเทียน่าแล้วหันไปปาใส่ชายคนดั่งกล่าว คมมีดฆ่าชีวิตอีกฝ่ายโดยพลัน
ผลัก!
ร่างเล็กที่ยืนโซเซอยู่ด้านหลังเขาถูกชายอีกคนเอาไม้ตีเข้าที่ศีรษะในระยะประชิดจนเธอล้มลงกับพื้น
“อา… พ่อแม่มึงไม่สอนหรือไงว่าอย่าทำร้ายเพศแม่น่ะ” เขากระชากคอเสื้ออีกฝ่ายแล้วปล่อยหมัดหนัก ๆ ใส่ใบหน้าอีกฝ่ายจนเลือดเต็มใบหน้า พีร์เจยอมปล่อยมือทำให้ร่างที่ไร้สติร่วงลงไปกองกับพื้น เขาสะบัดมือที่เปื้อนเลือดจนหยาดเลือดกระเซ็นไปถูกรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจ
“แม่ง… อา!!” นายแพทย์หนุ่มตะเบ็งเสียงออกมาด้วยความหงุดหงิด เขาหันหลังเดินไปควบมอเตอร์ไซค์แต่สายตากลับเหลือบไปเห็นใบหน้าของหญิงสาว “วันนี้มันวันอะไรวะ!” นี่คงเป็นครั้งแรกและวันแรกที่เขาพูดอะไรยาว ๆ ด้วยความหัวเสีย พีร์เจยอมกลับไปอุ้มหญิงสาวมานั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์แล้วใช้เสื้อกาวน์ผูกเธอติดกับตัวเองก่อนจะขับรถพาเธอไปที่ที่หนึ่ง
เขามองสถานการณ์ออกตั้งแต่แรกแล้วว่ามันไม่ใช่การปล้นชิงทรัพย์หรือทำร้ายร่างกายเพียงอย่างเดียว แต่นี่อาจจะเกี่ยวพันกับธุรกิจมืดและเธอคนนี้คงไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาที่จะบังเอิญมาเดินเล่นแล้วถูกทำร้ายง่าย ๆ จากที่ได้มองแววตาคู่นั้นเขาจึงไม่อยากพาเธอไปรักษาที่โรงพยาบาลเพราะเรื่องวุ่นวายมันต้องตามมาหลังจากนี้แน่นอน
คอนโดมิเนียมหรูแห่งหนึ่ง
พีร์เจแบกร่างไร้สติเข้ามาในลิฟต์และกดชั้นที่ตัวเองต้องการจะไป พอลิฟต์เปิดเขาก็รีบก้าวเดินไปที่ห้องห้องหนึ่ง จังหวะนั้นคนด้านในก็เปิดประตูออกพอดี แต่เขากลับใช้มือดันหน้าเธอให้ถอยกลับเข้าไปด้านในอีกครั้ง
“เดี๋ยว ๆ อะไรของพี่เนี่ย” พายอาร์น้องสาวที่คลานตามกันออกมาชักสีหน้าใส่พี่ชายอย่างไม่เข้าใจ “แล้วนั่นใคร ทำไมเป็นแบบนั้น พี่พีร์คุยกันก่อน” เธอเดินตามหลังพี่ชายเข้าไปในห้องทำงานซึ่งภายในห้องมีอุปกรณ์การแพทย์ทุกอย่าง “พี่พะ!!” มือหนาปิดปากเธอแน่น
“เลิกถามแล้วไปเตรียมตัวผ่าตัด ช่วยกัน”
“ฮะ! ไม่ได้ ทำแบบนั้นไม่ได้”
“ได้ พี่บอกว่าได้ก็ต้องได้”
“เฮ้ย! อะไรเนี่ย… แล้วถ้าตายจะทำไง” สภาพผู้หญิงที่พี่ชายพามาเหมือนศพก็ว่าได้ ร่างกายเธอเปียกโชกด้วยเลือด ศีรษะก็มีบาดแผลอีกหนึ่งจุด
“เร็ว!” พอถูกพี่ชายตวาดเข้าให้ เธอจึงได้สติแล้วรีบไปเตรียมของผ่าตัด ในขณะที่พีร์เจเตรียมอุปกรณ์อย่างอื่นแล้วใส่เครื่องช่วยหายใจ
“ทำอะไรไม่ปรึกษาป๊า เราจะซวย!”
“หยุดพูดแล้วหยิบมีดให้พี่”
“…” ศัลยแพทย์สาวเหลือบตามองพี่ชายอย่างไม่พอใจ บอกตามตรงว่าเธอตกใจมาก ๆ ที่จู่ ๆ พี่ก็พาคนเข้ามาในห้องแถมอาการยังสาหัส หากทำอะไรพลาดไป ผลอาจมาตกอยู่กับพีร์เจซึ่งเธอไม่ปรารถนาให้เป็นแบบนั้นแน่นอน
การผ่าตัดเริ่มขึ้นด้วยบรรยากาศน่าอึดอัด
“แผลพวกนี้… ไม่ใช่แผลถูกแทงหรอกเหรอ”
“…” พีร์เจเงยหน้ามองน้องสาวก่อนจะคีบกระสุนที่ฝังลึกออกมาวางในถาด ทำเอาพายอาร์ตกใจจนหน้าถอดสีแถมเธอยังหลุดพูดคำหยาบคายออกมาอีก
สองพี่น้องใช้เวลาอยู่ในห้องทำงานนานหลายชั่วโมงจนกระทั่งทุกอย่างเสร็จสรรพ พีร์เจถอดถุงมือที่เปื้อนเลือดออกก่อนจะเดินตรงไปที่ตู้เย็น แล้วหยิบเบียร์ออกมาเปิดดื่มด้วยท่าทางผ่อนคลาย
“มาคุยกันหน่อย”
“… ไม่มีอะไรต้องคุย” เขาปฏิเสธที่จะคุยกับพายอาร์
“งั้นพายจะบอกป๊า”
“ตามใจ” ว่าจบก็เดินออกไปข้างนอก
“ถ้าเกิดอะไรกับพี่พีร์ใครจะรับผิดชอบ”
“ไม่เป็นไรหรอก จะไปข้างนอกทำไมเวลานี้” เขาเปลี่ยนเรื่องคุยและเหลือบตามองน้องสาวที่ใส่ชุดไปรเวทคล้ายว่าจะออกไปทำอะไรสักอย่าง แต่นี่มันดึกแล้วและคงไม่มีห้างหรือร้านกาแฟที่ไหนเปิด พายอาร์กอดอกจ้องหน้าพี่ชาย
“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง”
“อย่าทำให้พี่หงุดหงิด” น้ำเสียงที่เขาเปล่งออกมาแสนเยือกเย็นจนพายอาร์ไม่อยากเซ้าซี้อีก
“งั้นพี่พีร์ก็ดูแลเธอเองแล้วกัน” ริมฝีปากจิ้มลิ้มเบะคว่ำน้อยใจพี่ชาย เธอเดินเข้าไปในห้องนอนตัวเองพร้อมปิดประตูเสียงดัง
“เฮ้อ…” นายแพทย์หนุ่มเอนหลังพิงพนักโซฟาแล้วเงยหน้ามองเพดานห้อง “แส่ไม่เข้าเรื่อง” ทั้งตำหนิตัวเองทั้งคิดไม่ตกว่าจะเอายังไงต่อจากนี้ ครั้นจะทำเป็นไม่สนใจแต่เขาก็เป็นหมอ ซึ่งเขาปฏิเสธที่จะช่วยเหลือเธอไม่ได้ ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องทำงานน้องสาวอีกครั้ง เขาเท้าเอวมองหญิงสาวพลางยกเบียร์ขึ้นจิบ
“เธอเป็นใครกัน…”
