บทที่ 11 บทที่ 10 ฉันชื่อ ‘เทียน่า’

บทที่ 10 ฉันชื่อ ‘เทียน่า’

หลายนาทีต่อมา

เทียน่าแง้มประตูออกเล็กน้อยแล้วกวาดสายตามองหาพีร์เจ “อ๊ะ!” เธอสะดุ้งแล้วผลักประตูออกมาอย่างเร็ว ก็พีร์เจเล่นโผล่มายืนอยู่ตรงหน้าแบบไม่ให้ซุ้มเสียง “เรียบร้อยแล้ว”เธอคลี่ยิ้มแล้วเดินผ่านหน้าเขาไปนั่งลงบนโซฟา

“กินซะ” ถ้วยต้มเลือดหมูเลื่อนมาตรงหน้า พีร์เจเคลื่อนเก้าอี้มานั่งกอดอกมองหน้าเทียน่าอย่างกดดัน

“มีอะไรเหรอ”

“กิน” เขากดเสียงต่ำสั่ง คนถูกจ้องนาน ๆ รู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาในทันที ร่างกายทำงานอัตโนมัติ หยิบจานข้าวขึ้นมาตักใส่ปากคำและตักต้มเลือดหมูใส่ปากคำจนหมด “กินยา” ทันทีที่เธอวางจานข้าวที่เพิ่งกินหมดลงบนโต๊ะเสียงเข้มก็บอกให้เธอกินยาต่อ เทียน่าทำตามอย่างว่าง่าย

“เสร็จแล้ว”

“เอาละ เรามีเรื่องต้องคุยกัน”

“อะไรเหรอ”

“ฉันยังไม่ชินกับการที่มีผู้หญิงอยู่ในห้อง และเธอเองก็คงอึดอัดเหมือนกัน”

“นายจะไล่ฉันออกจากห้องเหรอ”

“เปล่า แต่เธอเป็นอะไรหรือต้องการอะไรที่ไม่กล้าพูดหรือบอกฉันตรง ๆ ก็เขียนโน้นแปะไว้ตรงนี้ อันไหนที่ฉันจัดการได้ฉันจะทำให้แต่ไม่ใช่จะทุกอย่าง” เทียน่าพยักหน้าเข้าใจเพื่อให้เขาพูดต่อ “อย่างเช่นวันนี้… เธอก็จัดการทำความสะอาดเองแล้วกัน ห้ามทำเลอะ” เขาหันไปมองห้องซักล้างที่อยู่ด้านนอก เทียน่ายิ้มแล้วพยักหน้าหงึก ๆ

“เข้าใจแล้ว ถ้างั้นจะเขียนโน้ตแปะไว้ตรงนี้” เธอแปะมือลงที่โต๊ะหน้าโซฟา “ไว้ให้นายแล้วกันและจะทำงานบ้านแลกข้าว”

“อืม…  ก็คิดได้อยู่นี่” พีร์เจเอนหลังมองเทียน่าด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

“ทำไมเหรอ”

“ไปพัก” ริมฝีปากบางเม้มแน่นเพราะยังอยากนั่งเล่นต่อแต่ด้วยสายตาและท่าทางดุดันของอีกฝ่ายเธอจึงรีบเข้าห้องนอน

“เฮ้อ…” เทียน่านั่งขัดสมาธิอยู่บนฟูกแล้วเริ่มเขียนในสิ่งที่ตนเองต้องการเอาไปแปะไว้บนโต๊ะหลังจากพีร์เจเข้าห้องนอนส่วนตัวพักผ่อนไปแล้ว “เสร็จเรียบร้อย ของทุกอย่างต้องใช้หมดเลย” รอยยิ้มหวานละมุนปรากฏขึ้นก่อนที่เธอจะเดินไปหยิบน้ำดื่มในห้องครัว จังหวะที่เงยหน้าขึ้นจู่ ๆ ภาพและเสียงของใครบางคนก็ดังก้องในหู ร่างเล็กรีบก้าวถอยหลังไปพิงเคาน์เตอร์ ยกมือขึ้นมาจับศีรษะตัวเอง คำพูดมากมายหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด

‘เทียน่า~’

“อะไรคือเทียน่า…” หญิงสาวพึมพำเสียงเบาก่อนจะหันไปมองทางออกจากห้องครัว เทียน่าเดินโซเซออกมานั่งพักอยู่บนโซฟา ขณะเดียวกันริมฝีปากก็ขยับเปล่งเสียง ‘เทียน่า’ ซ้ำ ๆ “หรือว่านี่… จะเป็นชื่อเรา” คำพูดนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในหัวจนเธอข่มตาหลับไม่ได้

06:00 น.

พีร์เจเดินออกมาข้างนอกด้วยชุดพร้อมออกกำลังกาย เขายกขวดน้ำเปล่าขึ้นดื่มขณะที่เดินไปที่ห้องนั่งเล่น

พรวด!!

น้ำดื่มพุ่งพรวดออกจากปากชายหนุ่มเมื่อเห็นกระดาษโน้ตหลากหลายสีแปะเต็มโต๊ะ

“เชี่ยอะไรวะเนี่ย” นายแพทย์หนุ่มหลุดพูดคำหยาบแล้วเดินเข้ามาใกล้ ๆ ก่อนจะก้มลงอ่านข้อความในกระดาษโน้ตแต่ละแผ่นจนหมด “… อะไรวะเนี่ย” โครงคิ้วขมวดแน่นเป็นปม ไม่ทันจะได้ออกกำลังกายเขาก็เหงื่อออกเต็มหน้าแล้วแถมตอนนี้เจ้าของโน้ตพวกนี้ยังไม่ตื่นอีก พีร์เจดึงกระดาษออกจนหมดแล้วไปวิ่งออกกำลังกาย พอถึงเวลาเขาก็ออกไปทำงานเฉกเช่นทุกวัน

16:30 น.

“นึกอะไรชวนฉันมาเดินห้าง” ซินเซียที่กอดอกเดินตามหลังพีร์เจเอ่ยถามอย่างสงสัย ปกติเพื่อนไม่ปริปากชวนเธอไปไหนนอกจากชวนไปดื่มกาแฟและเข้าผับบ้างเป็นบ้างครั้ง แต่วันนี้มาแปลกกว่าทุกวัน พีร์เจเอ่ยชวนเธอมาเดินห้างแถมยังมาเลือกของใช้ผู้หญิงอีก “อ๋อ เข้าใจแล้ว” คนที่เดินเข็นรถเข็นอยู่ด้านหน้าหยุดนิ่งเมื่อได้ยินซินเซียพูดแบบนั้น

“เข้าใจอะไร”

“ก็เข้าใจว่านายซื้อของพวกนี้ไปให้ยัยเพี้ยน”

“อืม” เขายอมรับตรง ๆ แล้วหยิบของใส่ลงรถเข็นต่อ

“แต่ก็แปลกอยู่ดี”

“แปลกตรงไหน แค่ซื้อของ”

“ก็แปลกตรงที่นายยอมซื้อของไปให้ผู้หญิง ทั้งที่นายไม่ได้ชอบเรื่องจุกจิกพวกนี้”

“หาอะไรกินหน่อยไหม จะได้ลดความสงสัยลงบ้าง” ร่างบางคลี่ยิ้มที่มุมปากก่อนจะเดินเลี่ยงไปหาอะไรกิน ปล่อยให้พีร์เจเลือกของตามลำพัง ซินเซียหายไปหลายนาทีแล้วกลับมาพร้อมกับกาแฟเย็นสองแก้ว “ไม่กิน”

“กินอะไรหวาน ๆ บ้างเถอะชีวิตจะได้ไม่ขมขื่น” หมอหนุ่มถอนหายใจออกพรืดใหญ่แล้วรับแก้วกาแฟเย็นจากเพื่อนมาดูดหนึ่งอึกใหญ่ ๆ “นายน่าจะชวนเธอมาเดินเลือกของเอง เห็นลังเลอยู่หลายอย่างแล้วมันหงุดหงิด”

“เงียบปากบ้าง วันนี้หมดโคต้าการพูดของเธอแล้ว”

“โอเค จะอยู่เงียบ ๆ แล้วกัน” ศัลยแพทย์สาวเดินดูของเงียบ ๆ จนพีร์เจซื้อของเสร็จสรรพ ทั้งสองหนุ่มสาวเดินออกมาพร้อมกันและได้เดินผ่านคนกลุ่มหนึ่ง มีชายฉกรรจ์เดินมาชนไหล่พีร์เจแล้วลอยหน้าลอยตาเดินไปกับเพื่อนโดยกล่าวคำขอโทษ ซินเซียหยุดเดินแล้วหันไปมองชายคนนั้นอย่างไม่พอใจ “อยู่มาได้นานดีนะ”

“ว่าอะไรนะคนสวย"

“บอกว่าทำนิสัยแย่ ๆ กับคนอื่นแบบนี้นายอยู่มาได้ยังไงโดยไม่ถูก…” เธอหลุบตามองเท้าตนเองแทนการพูดคำนั้น พีร์เจที่เห็นสถานการณ์ไม่ดีจึงก้าวมาหยุดยืนข้างซินเซีย

“ปล่อยให้มันแก่ตายเหอะ ขี้เกียจปฐมพยาบาล”

“พวกมึง!”

“อย่าเสียเวลาน่า ไปได้แล้ว” เสียงเข้มของคนหนึ่งดังขึ้น ขณะที่ชายคนที่กำลังจะพุ่งตัวมาทำร้ายพีร์เจกำหมัดแน่น แต่พอชายคนนั้นพูดขึ้นเขาก็โอนอ่อนอย่างว่าง่ายแล้วเดินจากไป

“อย่าซ่าเลยคุณหนู เดี๋ยวป๋าจัดหนัก" พีร์เจเชิดหน้าให้เพื่อนเล็กน้อย

“หึหึ” ซินเซียแค่นหัวเราะในลำคอแล้วทั้งสองก็แยกกันไปขึ้นรถกลับบ้าน พอมาถึงห้องพีร์เจก็ทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยล้า เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าการเดินซื้อของในห้างมันจะเหนื่อยขนาดนี้ ทำงานยังไม่เหนื่อยเท่าการซื้อของ

“เซอร์ไพรส์” พายอาร์เปิดประตูห้องนอนจูงมือเทียน่าเดินมานั่งลงบนโซฟา “เอ้าไม่ดีใจเหรอที่น้องว่างมาหาอะ” เธอออดอ้อนพี่ชายด้วยการเขยิบไปนั่งข้าง ๆ แล้วเกยคางกับหน้าอกแกร่ง

“ออกไปให้ห่าง” ผู้เป็นพี่ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบทั้งที่ยังหลับตาอยู่ แต่เมื่อพายอาร์ไม่ยอมผละตัวออกไปง่ายเขาจึงผลักศีรษะน้องหนึ่งทีเบา ๆ แต่ด้วยความเล่นใหญ่เธอก็ร้องโอดโอยเสียงดังเหมือนเจ็บหนักหนา “อย่าเว่อร์”

“แหม…  ก็คนมันคิดถึงพี่ชายนี่คะ ไม่ได้เจอหน้ากันตั้งหลายวันอะ เออมีอะไรจะบอกด้วยนะคะ” เธอยิ้มหวานและดูปฏิกิริยาพี่ชายว่าอยากรู้เรื่องที่เธอจะบอกมากน้อยแค่ไหน แต่พีร์เจกลับไม่สนใจที่จะฟังแถมยังลุกขึ้นหมายจะเดินหนีอีก พายอาร์รั้งแขนผู้เป็นพี่ไว้แน่น “เดี๋ยวสิคะ ไม่อยากฟังจริงดิ” พายอาร์ยิ้มมุมปาก

“ไร้สาระ”

“อีกละ ว่าพายอีกแล้ว… แต่ถ้าบอกว่าเป็นเรื่องของคนสวยจะสนใจไหม” คราวนี้หมอสาวถึงกับเบิกตากว้างเมื่อพี่ชายยอมหันมามองเธอกับเทียน่า “อะไรเนี่ย เรื่องน้องไม่สนใจแต่สนใจเรื่องผู้หญิงคนนี้เนี่ยนะ เว่อร์มาก” พีร์เจถอนหายใจใส่เธอแล้วเดินออกมาแต่พายอาร์รั้งไว้ด้วยคำพูดหนึ่ง “เพี้ยนของพี่จำชื่อตัวเองได้แล้วนะคะ”

“…” พีร์เจหยุดฝีเท้ารอฟัง

“อยากรู้ใช่ไหม”

“…” เขาไม่ตอบ

“งั้นให้คนสวยบอกเองดีกว่า” พีร์เจหันกลับมามองจ้องหน้าเทียน่าเงียบ ๆ

“เทียร์…”

“…” อีกฝ่ายเงียบรอฟังโดยไม่แสดงความรู้สึกออกทางสีหน้าและยังมองเธอด้วยสายตาเย็นชาสุด ๆ

“ฉันชื่อ ‘เทียน่า’”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป