บทที่ 3 บทที่ 2 ความจำเสื่อม

บทที่ 2 ความจำเสื่อม

นายแพทย์หนุ่มเปิดประตูเข้ามาในห้องพักตัวเอง เขาวางกระเป๋าลงบนโซฟาก่อนจะเดินไปหยิบแมคบุ๊กมาเปิดแล้วเสิร์ชหาข้อมูลบางอย่าง โทรศัพท์ที่ปิดเสียงไว้ตลอดทั้งวันสั่นสะเทือนอยู่ในกระเป๋ากางเกง เขาล้วงออกมาพร้อมกดรับสายแล้วยกขึ้นมาแนบหูแต่ยังไม่ได้ทักทายปลายสาย

(เหมือนนายต้องการผู้ช่วยนะ)

“หึ! ก็มาได้ตรงเวลาพอดี”

(สิบนาที) ซินเซียบอกเสียงเรียบจากนั้นพีร์เจก็เริ่มถามและทั้งสองก็ช่วยกันหาข้อมูล (คงไม่ได้เผลอทำใครความจำเสื่อมหรอกใช่ไหม) ซินเซียพูดไปพลางแค่นหัวเราะในลำคอ แต่พีร์เจไม่ได้ตอบเธอ เขายังค้นหาข้อมูลต่อจนซินเซียเป็นฝ่ายวางสายไปเอง

“ความจำเสื่อมงั้นเหรอ…” ชายหนุ่มพึมพำเสียงเบาก่อนจะปิดจอแมคบุ๊ก เขาลูบใบหน้าเบา ๆ ก่อนจะเดินออกไปรับลมที่ระเบียงห้อง

ติ้ง!

เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าแอพพลิเคชันไลน์ดังขึ้นหลังจากเขาเปิดเสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ พีร์เจที่กำลังหมุนตัวจะเดินกลับเข้าไปในห้องพักต้องหยุดชะงักเท้าแล้วล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา

“จุ้น!” เขากดปิดจอโดยไม่สนใจข้อความจากพายอาร์แต่เธอก็ยังไม่หยุดส่งข้อความมาจนคนเป็นพี่รู้สึกรำคาญเลยกดโทร.หาเธอเสียเลย

(พี่พีร์มานี่หน่อย)

“ไม่ว่าง”

(ดะ… เดี๋ยว ๆ อย่าเพิ่งวางสายนะ) พีร์เจเหลือบตามองโทรศัพท์มือถือซึ่งเขากำลังจะกดวางสายพอดี แล้วจึงยกขึ้นมาแนบหูใหม่ (จากที่พายตรวจเธอแล้ว เธอน่าจะความจำเสื่อมชั่วขณะนะคะ ไม่รู้จักชื่อตัวเอง จำอะไรไม่ได้สักอย่างเลยแล้วก็… พายว่าเธอไม่น่าจะใช่ผู้หญิงปกติทั่วไป พายเห็นรอยสักที่เอวเธอด้วย)

“รู้แล้ว”

(ฮะ! รู้แล้วเนี่ยนะ แล้วทำไมไม่พูดให้ฟังบ้าง กลัวดอกพิกุลร่วงเหรอ)

“จบยัง จะพักแล้ว”

(ย่า!!) พายอาร์กรีดร้องด้วยความหงุดหงิด เสียงแหลม ๆ ของน้องสาวทำใบหน้าคมคายเหยเกจนต้องกดวางสายไป

“ฟู่!! เหนื่อยชะมัด” นายแพทย์หนุ่มโยนโทรศัพท์มือถือไปไว้บนโซฟา เขาปลดกระดุมเสื้อออกจากรังทีละเม็ดจนหมดแล้วถอดมันออก เผยให้เห็นกล้ามเนื้อเรียงสวยบ่งบอกถึงการดูแลตัวเองเป็นอย่างดี หมอหนุ่มเดินหายเข้าไปในห้องน้ำนานหลายนาทีก่อนจะเปิดประตูก้าวออกมาด้วยผ้าขนหนูผืนเดียวพันรอบเอวสอบอย่างหมิ่นเหม่ มือทั้งสองข้างจับผ้าขนหนูอีกผืนเช็ดผมเปียกหมาดให้แห้งแล้วเดินไปที่ห้องนั่งเล่น เขาไม่ได้สนใจว่าใครจะโทร.มาหรือไลน์มาถามอะไรเพราะเวลานี้เป็นเวลาพักผ่อน

ครืด~

โทรศัพท์สั่นเบา ๆ หนึ่งครั้งเป็นจังหวะที่พีร์เจเอี้ยวตัวไปหยิบรีโมททีวีพอดี เขาอ่านชื่อคนที่ส่งข้อความมาพร้อมกับเหลือบมองสายที่ไม่ได้รับด้วย “เฮ้อ…” ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกหนัก ๆ ก่อนที่จะตอบกลับข้อความของน้องสาวแล้วเลื่อนจอหน้าออก เขากดเข้าหน้าแช็ตของซินเซียแล้วพิมพ์ข้อความตอบกลับเธอเพียงสั้น ๆ แล้วไปพักผ่อน

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา

พีร์เจนั่งควงปากกาในมืออย่างใช้ความคิด เขาเพ็งสายตาไปที่กรอบรูปครอบครัวอย่างเหม่อลอย

ก๊อก ก๊อก

“หยุดเหม่อตอนไหนก็โทร.มาบอกแล้วกันนะ” ซินเซียเคาะประตูเพื่อเรียกสติเพื่อนสนิทก่อนจะเดินมานั่งลงบนโต๊ะทำงานแล้วหยิบกรอบรูปขึ้นมาดู “เด็กคนนั้นโตมาเป็น… ในวันนี้”

“ว่าง?”

“อืม”

“…” พีร์เจพยักหน้าเข้าใจแล้วต่างฝ่ายต่างเงียบจนซินเซียเอ่ยถามทำลายความเงียบลง

“ที่ถามไปเมื่อหลายวันก่อน ไม่ได้ไปทำใครความจำเสื่อมมาใช่ไหม?” ศัลยแพทย์สาวเลิกคิ้วถามเพื่อนสนิทแต่กว่าพีร์เจจะตอบกลับก็ตอนที่เธอลุกขึ้นยืนพร้อมจะออกไปจากห้องทำงานแล้ว

“มีคนไข้ที่ต้องดูแลคนหนึ่ง” พีร์เจเงยหน้าขึ้นสบตากับซินเซีย “เลยโทร.ไปถาม”

“แค่นั้น?”

“อืม”

“คงเป็นโชคร้ายของคนคนนั้นที่ได้นายเป็นเจ้าของคนไข้” หญิงสาวบิดยิ้มที่มุมปากอย่างร้ายกาจก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำงานของพีร์เจ เขาโยกศีรษะไปมาเบา ๆ ก่อนจะจัดแจงของทุกอย่างบนโต๊ะให้เข้าที่เหมือนเดิมของมัน แล้วหยิบเสื้อกาวน์มาสวมเพื่อไปทำงานต่อ

19:00 น.

ชายหนุ่มเปิดประตูเข้ามาในห้องพักส่วนตัวแต่กลับต้องหยุดชะงักเพราะกลิ่นห้องที่คุ้นเคยมันมีกลิ่นอื่นผสมผสานอยู่ในนี้ด้วย เขามุ่นคิ้วเมื่อเหลือบเห็นแผ่นหลังของใครคนหนึ่งซึ่งเธอนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น และเธอค่อย ๆ หันมามองเขาด้วยรอยยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก

“พีร์~”

“เธอ!” นายแพทย์หนุ่มชะงักเล็กน้อยที่เห็นหญิงสาวนั่งอยู่ในห้องตนเอง และเขาก็ได้รู้ในตอนที่เธอลุกขึ้นยืนเพราะมีกระดาษเอสี่ห้อยอยู่บนคอของเธอ ในกระดาษมีข้อความว่า ‘พายต้องทำงาน ไม่มีเวลาดูแลคนไข้พี่หรอก’ หลังจากอ่านข้อความนั้นจบเขาก็เงยหน้าขึ้นจ้องมองหญิงสาว

“พายบอกว่าพีร์ใจดี”

“ฉันไม่เคยบอกใครว่าใจดี” ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยรอยยิ้มเมื่อครู่นี้กลับมาเรียบนิ่งเหมือนเดิม เธอบีบมือตัวเองแน่นก่อนจะนั่งลงที่เดิม บาดแผลและรอยช้ำบนร่างกายก็ใช่ว่าจะหายดีแต่พายอาร์บอกเธอว่าต้องเปลี่ยนหมอรักษาถึงจะหายเร็วขึ้น “ฉันจะส่งเธอไปอยู่โรงพยาบาล เรื่องค่าใช้จ่ายไม่ต้องห่วง”

“ฉัน… ไม่มีที่ไป” ใบหน้าที่แสดงความเศร้าก้มลงเล็กน้อย “พายบอกว่าพีร์จะดูแลจนหาย”

“อย่าเรียกฉันแบบนั้น” เขาไม่ชอบให้คนที่ไม่สนิทเรียกด้วยชื่อเล่น และไม่ชอบให้คนที่ไม่รู้จักอยู่ในห้อง ด้วยเพราะพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ที่เขาหวง

“ให้เรียกยังไง” เทียน่าเม้มปากแน่นและจ้องมองเขาอย่างรอคำตอบ แต่ทว่าพีร์เจกลับเดินผ่านเธอไปที่ห้องครัวพร้อมกับหยิบขวดน้ำดื่มออกมาเปิดดื่มดับกระหาย

“เธอ… ชื่ออะไร”

“ฉัน? พายเรียกว่าคนสวยน่ะ”

“หึ!” ชายหนุ่มแค่นหัวเราะผ่านลำคอพร้อมกับยกขวดน้ำขึ้นจิบ

“หัวเราะทำไม” เทียน่าเอ่ยถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แต่คนตัวโตก็ยังเงียบจนน่าอึดอัด ใจจริงเธอไม่ได้อยากมาด้วยซ้ำแต่พายอาร์บอกกับเธอว่าทุกอย่างจะดีขึ้นถ้าอยู่กับเขา “คุณหมอจะรักษาฉันหายจริง ๆ ใช่ไหม” เธอเอ่ยถามเสียงพร่า

“ไม่”

“…”!

“เธอคงรู้จากพายแล้วว่าเธอความจำเสื่อมและไม่รู้ว่าความจำจะกลับมาเมื่อไหร่”

“…” เธอพยักหน้าเป็นคำตอบให้เขา “แต่ฉันไม่มีที่ไป” นายแพทย์หนุ่มถอนหายใจอย่างปลงตกแล้วเดินเข้าไปในห้องนอนส่วนตัว ทิ้งเทียน่าไว้ในห้องคนเดียว ส่วนเธอก็นั่งเงียบหันไปมองเขาอย่างเป็นกังวลว่า

(โหล… ว่ายังไงคะพี่ชาย) พายอาร์ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน เธอรู้อยู่แล้วว่าพี่ชายต้องโทร.มาหาแน่นอนและก็จริง เขาโทร.มาหาเธอ

“ร้ายนักนะ”

(ร้ายตรงไหน พี่พีร์ก็รับช่วงต่ออะถูกแล้ว แค่นี้นะคะพายมีงานต้องทำ) พายอาร์วางสายผู้เป็นพี่ ภายในห้องปกคลุมด้วยความเงียบแต่ภายในใจเขาตอนนี้เหมือนไฟกำลังลุกโชน พีร์เจถอนหายใจหนัก ๆ แล้วเดินออกมาก็เห็นว่าเทียน่านั่งอยู่ที่เดิม

“พีร์~”

“อย่าเรียกฉันแบบนั้น”

“…” เธอปิดปากเงียบ

“ต่อไปนี้ฉันจะเรียกเธอ… เพี้ยน งั้นเอาชื่อนี้ไปก่อนแล้วกัน จำชื่อตัวเองได้เมื่อไหร่ค่อยเปลี่ยน” เทียน่าทำหน้าฉงนใจเล็กน้อยแต่เธอไม่อยากเซ้าซี้ แค่เขาไม่ไล่ให้ไปอยู่ที่อื่นก็เป็นบุญแล้ว ใบหน้าที่เริ่มมีเลือดฝาด เมื่อเห็นว่าเขาไม่พูดอะไรอีกจึงคลี่ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยแล้วทวนคำพูดเขา

“เพี้ยน…”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป