บทที่ 4 บทที่ 3 อยู่เป็น
บทที่ 3 อยู่เป็น
เทียน่านั่งเงียบอยู่กับที่ เธอแอบมองเขาเดินผ่านไปผ่านมาเป็นระยะจนกระทั่งพีร์เจเดินมานั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับเธอ
“หันหลัง”
“หะ… หันหลัง” เธอทวนคำสั่งผ่านสายตาเย็นชาของชายหนุ่มแล้วหันหลังให้เขา ครู่หนึ่งเธอรับสัมผัสจากฝ่ามือหนาที่รวบผมเบี่ยงไปทางขวา จากนั้นความเย็นฉ่ำของแอลกอฮอล์ก็ปาดลงบริเวณบาดแผลถึงได้รู้ว่าเขากำลังล้างแผลให้เธออยู่
หลายนาทีที่เทียน่านั่งเป็นหุ่นเชิดให้พีร์เจจับหันไปทางซ้ายทีทางขวาทีจนในที่สุดก็ล้างแผลสำเร็จ
“อย่าให้แผลโดนน้ำ” เขาถอดถุงมือยางออกพร้อมกับออกคำสั่งเสียงเรียบ หญิงสาวเม้มปากและพยักหน้ารับ “ทำไมไม่พูด”
“ก็กลัวทำให้… คุณหมอไม่พอใจ”
“ถามก็ตอบ แต่ถ้าไม่ได้ถามก็…” พีร์เจทำท่ารูดซิปปากก่อนจะเอากล่องพยาบาลไปเก็บที่ตู้ยาเหมือนเดิมแล้วเดินหายเข้าไปในห้องนอนส่วนตัว นานหลายนาทีที่เขาปล่อยให้เธออยู่ในห้องนั่งเล่น
“หายไปไหน…” เทียน่าชะเง้อมองประตูห้องนอนที่ยังปิดสนิทและไม่รู้ว่าคนข้างในนั้นจะออกมาตอนไหน “ไม่ให้เรียกพีร์แล้วให้เรียกอะไรนะ” เธอพึมพำเสียงพร่าแล้วก้มมองรอยช้ำที่แขนทั้งสองข้างซึ่งมันเริ่มจางลงมากแล้ว
‘เกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่นะ แล้วเขามาเกี่ยวข้องได้ยังไงกัน และใครพาฉันไปรักษากับหมอพายคนสวย…’
แม้จะไม่ได้พูดออกมาแต่โครงคิ้วสวยก็ขมวดยุ่งเป็นปมด้วยเพราะเธอกำลังคิดในใจ อาการเหม่อลอยของเทียน่าทำให้เธอไม่รับรู้การมาของพีร์เจที่เดินมาหยุดยืนอยู่ด้านหลังได้นานแล้ว
พรึบ!
“อ๊ะ!” ร่างเล็กสะดุ้งตกใจกับกองผ้านวมและหมอนที่วางลงตรงหน้า เธอเอนหลังไปพิงพนักโซฟาแล้วแหงนหน้ามองคนตัวโตตาปริบ ๆ
“ห้องเธอ” เขาชี้ไปที่ห้องนอนรับรองซึ่งอยู่คนละฝั่งกับห้องนอนเขา
“ให้อยู่ตรงนั้นเหรอ”
“อืม” เธอพยายามไม่ใส่ใจกับความเย็นชาของเขาและหอบเอาผ้านวมที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ เดินหายเข้าไปในห้องนอนรับรอง “เฮ้อ…” นายแพทย์หนุ่มพ่นลมหายใจออกอย่างเหนื่อยหน่าย แต่จังหวะที่เขากำลังจะหันหลังเดินกลับเข้าห้องนอนเทียน่าก็เปิดประตูออกมาถาม
“แล้ว…” เธอเสสายตามองไปที่ระเบียงอย่างเขินอายที่ถูกชายหนุ่มจ้องนาน ๆ แม้ไม่ได้บอกสิ่งที่ต้องการเขาก็พอเดาออกว่าเทียน่าอยากได้อะไรจึงเดินไปหยิบเสื้อเชิ้ตที่ตนเองไม่ค่อยได้ใส่ไปพาดไว้พนักโซฟา
“อย่าเดินไปทั่ว เพราะฉันไม่ชอบ”
“อืม…” เธอก้มมองขาตัวเองแล้วทอดถอนใจหนัก ๆ นี่เขาคงไม่รู้ว่าขนาดเดินเองเธอยังต้องก้าวไปทีละก้าว จะให้เดินเหินเหมือนคนปกติคงลำบาก
“ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่ายังไง” พีร์เจเลิกคิ้วถามคนที่กำลังเบะปากและมุ่นคิ้วคล้ายว่าไม่พอใจกับสิ่งที่เขาบอก
“เปล่า”
“…” พีร์เจส่ายหน้าอย่างเอือมระอาแล้วหมุนตัวกลับไปมองห้องครัว จะว่าไปเขาก็นึกอะไรบางอย่างออก เลยเดินไปที่ห้องครัวเพื่อหยิบน้ำดื่ม ร่างสูงใหญ่ยืนนิ่งอยู่หน้าตู้เย็น เขาจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้เป็นอย่างดีและก็เห็นว่าหญิงสาวใช้มีดพกอย่างคล่องแคล่ว ไม่ว่าจะท่าจับหรือตอนที่ตวัดปลายมีดมาจี้คอเขา “คิดอะไรบ้า ๆ แบบนั้นได้ยังไงวะ” เขาส่ายหน้าไปมาเพื่อไล่ความคิดบ้า ๆ ออกจากหัวแล้วเดินออกมาพร้อมกับน้ำดื่มหนึ่งขวด แต่ต้องหยุดฝีเท้ากะทันหันเพราะคนตัวเล็กยืนอยู่ตรงหน้าและดีที่เขาหยุดทันไม่งั้นเธอคงได้เจ็บตัวอีกรอบ
“หิว… น้ำ” เทียน่าเว้นวรรคแล้วหลุบตามองขวดน้ำดื่มในมือคนตรงหน้า
“อยากกินก็ไปหยิบ แต่เธอห้ามกินน้ำเย็น” หญิงสาวพยักหน้ารับแล้วหลีกทางให้ชายหนุ่ม พอพีร์เจเดินผ่านไปแล้วเธอก็เดินกระเผลก ๆ เข้ามาในห้องครัวซึ่งเป็นแบบบาร์เปิด สามารถมองเห็นคนด้านนอกได้ พอได้สิ่งที่ต้องการแล้วจึงกลับไปที่โซฟาตัวเดิมและนั่งดื่มน้ำดับกระหายโดยไม่ทันสังเกตว่าถูกอีกฝ่ายจ้องมองอยู่ห่าง ๆ
นายแพทย์หนุ่มขมวดคิ้วแน่นอย่างใช้ความคิด แต่เมื่อเทียน่ากลับเข้าห้องนอนตัวเองแล้วเขาจึงปิดประตูห้องนอน
วันต่อมา
“ทำหน้าเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ” ซินเซียยกยิ้มให้เพื่อนสนิทที่นั่งเงียบอยู่หน้าห้องตรวจ พีร์เจเงยหน้ามองเธอเสี้ยววินาทีหนึ่งแล้วเอนหลังด้วยท่าทางสบาย ๆ
“ก็พอมี”
“เรื่อง?”
“ระบุไม่ได้แน่ชัดว่าเรื่องอะไร”
“อืม” ซินเซียพยักหน้าเข้าใจแล้วไม่ถามเซ้าซี้อีก “พายบอกว่านายพาผู้หญิงที่มีบาดแผลจากการถูกยิงมารักษา” ศัลยแพทย์สาวเปรยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง พีร์เจหันมองเพียงนิดก่อนจะตอบรับในลำคออย่างจำนนกับหลักฐาาน ซินเซียเหลือบตามอง มุมปากบางบิดยิ้มผิวเผินแล้วเธอจึงเอ่ยถามเขาอีก “แน่ใจใช่ไหมว่ารับมือกับผลที่จะตามมาไหว”
“ก็คิดว่าไหว” พีร์เจตอบกลับด้วยท่าทางสบาย ๆ ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ซินเซียแสยะยิ้มแล้วมองหน้าเพื่อนสนิทอีกครั้ง
“ฉันอยู่ตรงนี้ตลอด เผื่อนายอยากได้ความช่วยเหลือ"
“คิดว่าไม่จำเป็น” เขาตอบกลับเพื่อนอย่างไร้เยื่อใยก่อนที่ซินเซียจะลุกขึ้น เธอวางมือลงบนศีรษะพีร์เจซึ่งมีเพียงเธอกับพายอาร์เท่านั้นที่ทำแบบนี้ได้
“อย่าดื้อละ เข้าใจไหม” ก่อนจะเดินออกไปก็ไม่ลืมลูบผมพีร์เจเบา ๆ อย่างนึกเอ็นดูเพื่อนแล้วหมุนตัวเดินกลับไปทำงานต่อ พีร์เจทำได้เพียงปรายตามองตามหลังเธอ
“ใครกันแน่ที่ดื้อ” เขาส่ายหน้าไปมาเบา ๆ แล้วกลับไปที่ห้องพักแพทย์ เตรียมตัวลงเวร
20:00 น.
นายแพทย์หนุ่มเปิดประตูเข้ามาในห้องพักส่วนตัว ภายในห้องปกคลุมด้วยความเงียบแต่ทว่าเครื่องปรับอากาศกำลังทำงานอยู่ เขาวางกระเป๋าเป้ลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่นแล้วกวาดสายตามองหาร่างเล็กของเทียน่า ความเงียบที่ก่อตัวทำเขาขนลุกอย่างน่าประหลาด
“มาแล้วเหรอ” เสียงหวานดังขึ้นจากทางด้านหลัง เขาจึงหันหลังกลับไปมองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังที่ไม่รู้ว่าไปอยู่ตรงนั้นตอนไหน
“เมื่อกี้อยู่ไหน"
“…” เธอชี้นิ้วไปที่ข้างโต๊ะโทรทัศน์แทนการตอบคำถามเขา พีร์เจส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่ายแล้วเดินเข้าไปในห้องนอนส่วนตัว เทียน่าที่ตั้งท่าจะเดินตามต้องหยุดฝีเท้ากะทันหัน
“หน้าเกือบโดนประตูแล้วไหม” หญิงสาวพึมพำเสียงอ่อยก่อนที่เธอจะกลับไปนั่งบนโซฟา แต่ตอนที่นั่งลงกลับนั่งทับกระเป๋าเป้ที่พีร์เจเพิ่งสะพายกลับมาจากทำงาน มุมปากบางคลี่ยิ้มอย่างซุกซน ปลายนิ้งชี้เรียวยาวจะคลี่ดูเพราะเขารูดซิปไม่สนิทเท่าไหร่
“ทำอะไร!” เสียงเข้มตะโกนถามแต่ไกลก่อนที่ร่างหนาจะพุ่งมาหาเธอ คนที่ไม่ทันตั้งตัวเบิกตากว้างในตอนที่หันไปเห็นพีร์เจวิ่งมาหา เธอหลับตาแน่นเตรียมตัวรับแรงกระแทกอย่างเต็มที่แต่ทว่าชายหนุ่มกลับถลาตัวล้มข้ามโซฟาตกลงบนเบาะพอดี เทียน่ากะพริบตามองอย่างเหลือเชื่อ “ห้ามยุ่งกับของของฉัน ถ้าไม่ทำตามก็ออกไปจากห้อง”
“เปล่า แค่จะรูดซิปให้” เธอปฏิเสธเขาพร้อมกับชี้นิ้วไปที่กระเป๋าเป้ซึ่งตอนนี้อยู่ในมือพีร์เจเรียบร้อยแล้ว เขาหันหลังเดินเข้าห้องไป ทิ้งไว้เพียงสายตาคาดโทษเทียน่า
“หึหึ…” หญิงสาวป้องปากหัวเราะอย่างขบขัน ท่าทางรีบร้อนของเขาเมื่อครู่นี้ช่างน่าขันจนเธอกลั้นไม่ไหว แต่เธอจะรู้ไหมว่านี่เป็นเสียงหัวเราะแรกในรอบหลายปีของเธอ...
