บทที่ 8 บทที่ 7 เพื่อน(ไม่)สนิท

บทที่ 7 เพื่อน(ไม่)สนิท

หลายนาทีต่อมา

เทียน่าลืมตาขึ้นมาพร้อมกับความปวดหนึบที่ขมับและแผลที่ฝ่ามือ เธอรู้ว่าตัวเองมีไข้อ่อน ๆ จึงดันตัวลุกขึ้นมานั่ง

“อะ… อะไรเหรอ” แก้วน้ำและแผงยาลดไข้ยื่นมาตรงหน้าเธอ พีร์เจไม่ได้พูดอะไรก่อนจะหันหลังเดินกลับไปนั่งลงที่เดิมหลังจากเทียน่ารับแก้วน้ำกับแผงยาไปแล้ว

“กินซะ” เขาออกคำสั่งหญิงสาวเสียงเข้มแล้วกดพิมพ์ข้อความส่งหาพายอาร์ให้เธอมาอยู่เป็นเพื่อนเทียน่าแต่น้องสาวกลับปฏิเสธเพราะมีงานต้องทำต่อ “เธอ… ห้ามไปนั่งที่แบบนั้นอีก หากฉันมาไม่ทันแล้วเป็นลมไปอีกเธออาจจะไม่ได้มานั่งมองหน้าฉันแบบนี้” เขาพูดเสียงลอดไรฟันก่อนจะลุกขึ้นยืน ในตอนที่ก้าวเท้าไปหนึ่งก้าวเสียงท้องร้องโครมครามก็ดังขึ้น เขาชะงักเท้ากะทันหันแล้วเอี้ยวหน้ามามองเทียน่า

“ยังไม่ได้กินข้าวเลย…” เธอบอกเขาเสียงพร่าแล้วหลุบตามองพื้นเพื่อหลบสายตาเขา

“…” พีร์เจขมวดคิ้วแน่นก่อนที่จะเดินไปห้องครัว เขาเปิดตู้เย็นดูอาหารแต่ก็พบเพียงขวดน้ำกับเบียร์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างอื่น “ไม่ได้… ขืนพาไปป๊ากับม้าต้องถามซักไซ้แน่”

“ไปไหนเหรอ”

“จุ้น!”

“หิว~” เทียน่ามองหน้าพีร์เจก่อนที่จะคลี่ยิ้มบาง ๆ ให้ แต่อีกฝ่ายกลับมองหน้าเธอนิ่ง ๆ แล้วเดินออกมาจากห้องครัว

พรึบ!

“อ๊ะ! นี่อะไร” เทียน่ามองเสื้อผ้าที่ชายหนุ่มเอามากองไว้บนโซฟาอย่างไม่เข้าใจ รอเขาขยายความอยู่แต่ก็ไร้ซึ่งคำพูดใด ๆ เธอจึงคลี่เสื้อผ้าพวกนั้นออกมาดูทีละตัว “เสื้อผ้าผู้หญิงเหรอ”

“อืม”

“ให้ใส่?”

“อืม” เมื่อรู้เหตุผลแล้วเธอจึงเลือกชุดที่พอจะสวมใส่ได้แล้วเดินเข้าไปเปลี่ยน จากนั้นก็เดินออกมาหาพีร์เจด้านนอก นายแพทย์หนุ่มเหลือบตามองเพียงนิดก่อนที่จะชี้ไปที่รองเท้าที่เขาเอามาวางไว้สองคู่ คู่แรกเป็นรองเท้าแตะสีชมพูส่วนคู่ที่สองรองเท้าผ้าใบสีขาว เทียน่าเลือกรองเท้าแตะแล้วเขยิบเข้าไปใกล้ ๆ พีร์เจเพื่อให้เขาดูใกล้ ๆ ว่าที่เธอแต่งตัวแบบนี้ดีหรือยัง “เข้ามาใกล้ฉันทำไม”

“ไม่ดูเหรอ… แต่งตัวสวยแล้วหรือยัง"

“อืม” เขาตอบแล้วถอนหายใจยาว ๆ พีร์เจลุกขึ้นไปหยิบกุญแจรถยนต์

“จะพาไปไหนเหรอ”

“เดี๋ยวก็รู้เอง” เทียน่าทำหน้าฉงนแล้วเดินตามหลังชายหนุ่มมาเงียบ ๆ จนมาถึงรถยนต์ที่จะนั่งไปข้างนอกวันนี้ เทียน่าก้าวเข้ามานั่งในรถอย่างสงบเสงี่ยมแต่กลับถูกอีกฝ่ายจ้องหน้าจนรู้สึกเสียววาบที่สันหลัง “เฮ้อ…” พีร์เจเอี้ยวตัวมาแล้วดึงเข็มขัดมาคาดให้เธอ

“ขอบคุณนะ” รอยยิ้มบาง ๆ ที่มุมปากพลันหายไปเมื่อหันมาเจออีกฝ่ายทำหน้านิ่งใส่ รถยนต์เคลื่อนตัวออกมาจากลานจอดรถในคอนโดหรู การจราจรแน่นขนัด ท้องเธอก็ร้องโครมครามน่าอายชะมัด “เบาะมัน…” เทียน่ามองหาที่ปรับเบาะรถและเธอเจอปุ๋มหนึ่งจึงกดมัน

“เฮ้ยลูกพี่ เหมือนผมเห็นนังนั่นเลย”

“ไหนวะ รถออกจะเยอะแยะมึงมองเห็นได้ไง”

“นั่นไงพี่ รถบีเอ็มคันสีดำป้ายแดงนั่นไง” ผู้เป็นลูกพี่พยายามมองตามที่ลูกน้องบอกแต่ด้วยระยะที่ไกลกันพอสมควรเขามองไม่ออกว่าใช่เธอคนนั้นไหม

“ขับรถเข้าไปใกล้มันสิวะ ไกลขนาดนี้กูมองไม่ออกหรอกนะ” เสียงบีบแตรจากรถคันข้างหลังดังขึ้นเมื่อเขาเปลี่ยนเลนกะทันหัน พอขับมาใกล้พวกเขาที่นั่งอยู่ในรถทั้งสามคนจึงช่วยกันมองเข้าไปด้านในรถแต่กลับมีเพียงผู้ชายคนเดียว

“ไอ้สัตว์เอ๊ย! เสียเวลากูฉิบหาย” ผู้เป็นลูกพี่ตบศรีษะลูกน้องด้วยความหงุดหงิดก่อนที่จะเร่งเครื่องขับแซงรถบีเอ็มไป

ภายในรถของพีร์เจถูกปกคลุมด้วยไอความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ เทียน่าที่กดถูกปุ๋มปรับเบาะให้นอนลงยังอยู่สภาพเดิม เธอเลิ่กลักกลัวเขาดุแต่พีร์เจกลับทำเพียงเหลือบตามองแล้วขับรถต่อจนมาถึงบ้านหลังหนึ่ง

“เฮ้อ” ด้วยความเวทนาเขาจึงกดปรับเบาะให้เทียน่าขึ้นมานั่งอีกครั้งแล้วตัวเองก็เปิดประตูก้าวลงจากรถ เขาเดินไปที่ประตูบ้านและหยุดยืนเพราะไม่เห็นหญิงสาวออกมาจากรถสักที “เย็นไว้…” นายแพทย์หนุ่มกำหมัดแน่นแล้วย้อนกลับไปเปิดประตูให้อีกฝ่ายที่ยังไม่แม้แต่จะปลดเข็มขัดออก “รอให้คนมาตัดริบบิ้นเชิญลงจากรถเหรอ”

“อ้าว…” เธอคิดว่าเขาจะให้นั่งรออยู่ในรถเสียอีกจึงไม่ได้ลงไป พอพีร์เจพูดแบบนั้นแล้วเธอจึงปลดเข็มขัดแล้วก้าวลงจากรถ เดินตามหลังเข้ามาติด ๆ

“มาแล้วเหรอ” เสียงหวานของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น จังหวะที่กราฟกำลังจะสวมกอดลูกชายเธอก็ต้องหยุดชะงักเพราะหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มเอียงหน้าออกมาจากด้านหลังลูกชายยิ้มทักทายเธอ “เอ๋… สาวสวยคนนี้เป็นใครนะ” ผู้เป็นแม่ยิ้มมุมปากและดึงแขนเทียน่าออกจากด้านหลังพีร์เจ เธอมองดวงหน้าหญิงสาวแล้วอมยิ้ม เพราะเสื้อผ้าที่คนตรงหน้าสวมใส่มาล้วนเป็นเสื้อผ้าลูกสาวของเธอทั้งนั้น กราฟมองลูกชายอย่างเป็นคำถาม

“เพื่อน… ครับ”

“เอ๋ หม่าม้าไม่ยักรู้ว่าลูกชายมีเพื่อนใหม่ด้วย” เพราะเท่าที่รู้มาก็เห็นจะมีแต่ซินเซียและพายอาร์เท่านั้นที่พีร์เจยอมคุยด้วย “หนูชื่ออะไรลูก”

“อ๋อ ชื่อพะ…” ฝ่ามือหนาจับฝ่ามือเธอหมับจนเทียน่าอ้าปากค้างเติ้ง เธอกลืนคำพูดพวกนั้นลงคอก่อนที่พีร์เจจะเปลี่ยนประเด็นแล้วพาเดินไปที่โต๊ะอาหาร

“อ้าว” เสียงทักท้วงของคนมาใหม่ทำให้พีร์เจกับเทียน่าหันมองพร้อมกัน “ไม่เห็นบอกว่าลูกพาแขกมาด้วย” ผู้เป็นพ่อยิ้มทักทายทั้งสองก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ข้างภรรยาคนสวย เขาเริ่มสานบทสนทนาต่อจากภรรยา

“อ๋อ พอดีมีธุระทำด้วยกันครับ” พีร์เจโกหกพ่อคำโตแต่คนสายตาเฉียบคมอย่างพีทเขารู้ว่าลูกชายกำลังโกหกแต่ก็ไม่ได้ถามซักไซ้จนทำให้ลูกรู้สึกกดดัน ภายในโต๊ะอาหารถูกปกคลุมด้วยความเงียบ เทียน่าเพลิดเพลินกับอาหารรสชาติถูกปากและเธอกินปูนึ่งคนเดียวถึงสามตัวแม้จะถูกคนข้างกายห้ามปรามอยู่บ่อยครั้งแต่นั่นไม่ได้ทำให้เธอหยุดกินได้ พอทุกคนในโต๊ะอาหารกินอิ่มแม่บ้านก็นำลูกตาลลอยแก้วมาเสิร์ฟต่อ

“อร่อยมากค่ะ”

“งั้นแม่ห่อกลับบ้านให้ด้วยดีกว่า แช่เย็น ๆ อร่อยมาก”

“ค่ะ” พีร์เจมองคนที่ยิ้มจนแก้มแทบปริเชิงดุ ๆ แต่เทียน่าก็ไม่สนใจ ทุกคนพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่งพีร์เจก็พาเทียน่ากลับคอนโด ระหว่างทางเธอนั่งเงียบมาตลอดทางและขยับตัวยุกยิกไปมาอยู่บนเบาะที่นั่ง

“เป็นอะไรของเธอ”

“คันปาก คัน… ทั้งตัว” พีร์เจยกมือขึ้นเปิดไฟในรถแล้วมองใบหน้าคนตัวเล็ก

“Fuck!” นายแพทย์หนุ่มอุทานคำหยาบออกมาพร้อมกับตีไฟเลี้ยวเลี้ยวรถมาจอดริมฟุตพาท เขาประคองใบหน้าแดงซ่านไว้หลวม ๆ “เธอแพ้อาหารทะเล?” ทั้งเปลือกตาและริมฝีปากเทียน่ามันกำลังบวมเจ่อ ตามแขนและฝ่ามือกำลังขึ้นผื่นแดง

“ไม่รู้…” หญิงสาวส่ายหน้าไปมาและขืนตัวออกจากพันธนาการ เริ่มคันยุบยิบตามแขนและใบหน้า

“อย่าเกา” เขาห้ามปรามแต่มันเป็นเรื่องยากสำหรับเธอมาก เทียน่าเกาแขนเกาใบหน้าจนเกิดรอยแดงเป็นทางยาวทั่วตัว พีร์เจรีบเร่งเครื่องจนมาถึงคอนโด เขาโทรศัพท์หาซินเซียเพื่อขอความช่วยเหลือจากเธอทันที

รอไม่นานซินเซียก็นำยามาฉีดให้เทียน่า พอได้ยาไปเธอก็หลับไปเพราะอาการเพลียจากพิษไข้ร่วมด้วย

“เพื่อน?” ซินเซียเลิกคิ้วถาม

“ไม่สนิท”

“อ๋อ…”

“ขอบคุณ” พีร์เจมองหน้าเพื่อนสนิทแล้วเดินมาส่งซินเซียหน้าห้อง

“ก็พยายามช่วย… เพราะนาน ๆ ทีเพื่อนจะขอให้ช่วยแบบนี้”

“อืม”

“แต่ว่า… เพื่อนไม่สนิทเขาอยู่ห้องเดียวกัน…”

ปึง!

พีร์เจปิดประตูใส่อย่างเสียมารยาท

“เหรอ…” ซินเซียแสยะยิ้มมุมปากแล้วเดินออกมาจากตรงนั้น

บทก่อนหน้า
บทถัดไป