บทที่ 4 เป็นผู้หญิงแบบไหน

ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก เธอก็โดนเขาเหวี่ยงเข้าไปด้านใน แต่ก็ไม่ได้แรงจนทำให้เธอกระแทกเข้ากับอะไร ส่วนเขาก็เดินตามเข้าไปแล้วรอให้มันปิดลง ตอนนี้ภายในลิฟต์มีเพียงแค่ไคล์และน้ำตาลเท่านั้น

“คุณจะพาฉันไปไหนคะ” น้ำตาลยังคงเก็บอาการประหม่าของตัวเองได้ดี

“...” ผู้บริหารหนุ่มไม่ตอบแต่เขากลับหันไปบีบต้นแขนของเธอแน่นขึ้นจนเกิดรอยแดง

“โอ๊ย!!” เธอส่งเสียงร้องออกมาเบา ๆ

มือหนาคลายลงเล็กน้อย แม้เขาจะโกรธแต่ก็ไม่ได้เลวพอที่จะทำร้ายร่างกายผู้หญิงได้

“เธอต้องการอะไรจากฉันกันแน่...หา!!” เขากัดฟันพูด ด้วยเหตุการณ์หลาย ๆ อย่าง เขาเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าหญิงสาวตรงหน้าต้องการอะไร เช็กที่วางไว้ให้เธอในวันนั้นเธอก็ไม่ได้หยิบไป

“ฉันชอบคุณมาก ๆ เลยนะ จะเป็นอะไรมั้ยถ้าเราจะมีโอกาสทำเรื่องนั้นด้วยกันสักครั้ง”

“หน้าไม่อาย สติของเธอยังดีอยู่หรือเปล่า”

“ก็คุณมันหล่อเกินห้ามใจนี่คะ” ไม่พูดเปล่าเธอยังเอื้อมมือขึ้นไปเพื่อจะสัมผัสใบหน้าของเขา

เพี๊ยะ!!

“อย่ามาแตะต้องฉัน” เขาปัดมือของเธอออก

“เล่นตัวไปได้ นอนกับฉันสักครั้งมันจะตายมั้ยคะ”

ฮะ!! เขาได้แต่ตั้งคำถาม คำถามที่ไม่มีคำตอบ ไม่ใช่เขาจะไม่เคยเจอผู้หญิงแบบนี้ แต่เธอคนนี้ตามมาถึงที่ทำงานเพื่อชวนเขาไปนอนด้วย มันดูจะแปลกเกินไป

“ฉันไม่ได้มีรสนิยมแบบนี้” เขามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า

“ฉันคิดว่าไม่เกี่ยวกับรสนิยมเลยสักนิด แค่เปลื้องผ้าก็มีรสนิยมเดียวกันหมด”

น้ำตาลไม่รู้ตัวเลยว่าขณะที่เธอพูดเรื่องแบบนี้ ใบหูของเธอนั้นแดงจนคนที่อยู่ตรงหน้าจับสังเกตได้ว่าเธออายมากแค่ไหน

“เธอมันหายางอายบนหน้าไม่ได้เลยจริง ๆ” แม้จะสังเกตเห็นว่าเธอเขินอายในขณะที่กำลังพูด แต่เขาก็เลือกที่จะพูดคำนั้นออกไปเพราะตอนนี้เขาเหลืออดกับเธอแล้วจริง ๆ

‘เป็นผู้หญิงแบบไหน ถึงได้ตามเสนอตัวให้ผู้ชายแบบนี้’

“ทำไมคะ ไม่ลองไม่รู้นะ สดใหม่แบบฉันคุณคงจะหาที่ไหนไม่ได้อีก” เธอพยายามนำเสนอตัวเอง

“เป็นประเภทหลงตัวเองเหมือนกันนะ”

“อยากให้คุณหลงบ้างจัง”

ไคล์กัดฟันกรอด ๆ เขาเริ่มทนไม่ไหว ตอนนี้รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ไม่มีใครเคยทำให้เขารู้สึกแบบนี้มาก่อน

เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก ไคล์จึงผลักน้ำตาลจนเซไปด้านหน้าสองก้าว จนทำให้ตอนนี้ตัวเธอยืนอยู่นอกลิฟต์ ส่วนเขายังอยู่ในลิฟต์ตามเดิม

“เราจะไปไหนกันคะ”

“ไม่ใช่เรา แต่เป็นเธอคนเดียว” เขาเอามือกอดอกแล้วมองหน้าเธอ

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นครับบอส” พนักงานรักษาความปลอดภัยที่อยู่บริเวณนั้นรีบเดินเข้ามาถาม

“เอาผู้หญิงคนนี้ออกไปจากที่นี่ อย่าให้ฉันเห็นหน้าอีก ไม่งั้นพวกแกโดน” ไคล์ยื่นคำขาด

“ครับบอส”

“เดี๋ยวสิคุณ” น้ำตาลร้องเรียก แต่ไคล์กลับไม่สนใจเสียงเรียกของเธอเลยแม้แต่น้อย เขากดลิฟต์ให้ปิดลง ทิ้งให้เธอยืนหน้าเหวออยู่ตรงนั้น

น้ำตาลเดินออกมารอรถริมฟุตบาท เธอแหงนมองขึ้นไปด้านบนอีกครั้ง แผนแรกใช้ไม่ได้ผล ทฤษฎีอะไรกันนะที่บอกให้สร้างภาพจำ ทำตัวสุดเหวี่ยงเข้าไว้แล้วเขาจะจดจำเราได้ไม่ลืม กลับไปเธอจะเลิกติดตามเพจนั้นทันที

‘น่าอายชะมัดที่ต้องมาฝืนทำอะไรแบบนี้’

น้อยมากที่เธอจะเข้าใกล้ผู้ชายถ้าไม่นับน้องชายกับคนไข้ แต่ตอนนี้เธอกลับต้องมาพูดจาเชิญชวนให้เขาไปนอนกับเธอเนี่ยนะ มันคงดูแปลกไปจริง ๆ เลยทำให้เขามองเธอเหมือนเป็นเชื้อโรคยังไงยังงั้น

หญิงสาวขึ้นรถกลับไปแล้ว แต่ใครบางคนยังคงยืนมองเธออยู่ตรงชั้นบนสุดของบริษัท ใบหน้าหล่อเหลาที่แสดงออกมานั้นราวกับถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็ง เขาดูเป็นคนเยือกเย็นและสุขุม ไม่ค่อยแสดงอารมณ์หรือความรู้สึกให้ใครได้เห็น จัดว่าเป็นคนควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ดี

ไคล์เป็นมาเฟียหนุ่มที่จำใจรับช่วงต่อจากพ่อของเขา แม้จะโตเป็นผู้ใหญ่และมีลูกน้องมากมายแต่ภายในใจกลับมีปมเรื่องครอบครัว เขาโดนพ่อของตัวเองจับตัวมาตั้งแต่ยังเล็กทำให้ต้องแยกกับน้องชายฝาแฝด ความรักคือสิ่งที่เขาโหยหา แต่แล้วก็มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกอยากใช้ชีวิตด้วยกันกับเธอ เขารักเธอมาก เธอถูกครอบครัวส่งไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ เขาจึงทำได้แค่รอเธอเรียนจบเท่านั้น

“เรียกผมมามีอะไรครับ” บอดี้การ์ดคนสนิทเอ่ยถามหลังจากที่เจ้านายเรียกหา

“ไปสืบว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร” เขาต้องรู้ที่มาที่ไปของเธอให้ได้

“คนไหนครับ” เขาไม่รู้ว่าเจ้านายของเขาหมายถึงใคร

“คนที่มาหาฉันเมื่อกี้”

“อ๋อ ได้ครับ” เขายังจำผู้หญิงชุดน้ำเงินนั้นได้ติดตา วันนี้เธอโดดเด่นขนาดนั้น คงไม่ได้มีแค่เขาที่จำเธอได้

หลังรับคำสั่งจากไคล์บอดี้การ์ดก็ขอตัวออกไป เหลือไว้เพียงเจ้าของห้องที่ยังคิดไม่ตกสักที ที่น่าแปลกใจยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนเธอคนนั้นจะศึกษาข้อมูลของเขามาเป็นอย่างดี ถึงได้รู้ว่าเขาอยู่ที่นี่...

บทก่อนหน้า
บทถัดไป