บทที่ 5 มือสมัครเล่น
เป็นเวลากว่าสามชั่วโมงแล้วที่สายตาคู่สวยเอาแต่จับจ้องไปยังหน้าจอโทรศัพท์ หากย้อนดูประวัติการใช้งานทั้งหมดบนโทรศัพท์มือถือของเธอคงไม่พ้นเพจต่าง ๆ มากมายที่สอนวิธียั่วยวนผู้ชาย และการแต่งตัวเพื่อมัดใจผู้ชาย
“โอ๊ย!!! ทำไมมันยากขนาดนี้นะ นี่มันไม่ใช่ตัวฉันสักหน่อย” เธอดิ้นไปมาบนเตียงขนาดเล็ก
ห้องเช่าขนาดเท่ารูหนูที่เธอพอจะหาได้หลังจากถูกส่งตัวมาซึ่งไม่ได้รับการอำนวยความสะดวกใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นห้องเช่าเล็ก ๆ ที่มีแค่เตียงนอนและห้องนั่งเล่นภายในตัว ห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องก็พอให้คนตัวเล็ก ๆ อย่างเธอใช้สอย ทุกอย่างมันพอดีสำหรับคนหนึ่งคนเท่านั้น แต่นั่นก็ไม่ได้สำคัญเพราะเธอใช้มันเป็นที่หลับนอนและเก็บเสื้อผ้าเพียงไม่กี่ชุดเท่านั้น เธอจะเอาปัญญาที่ไหนไปเช่าห้องราคาแพงในเมื่อเงินเก็บเพียงเล็กน้อยที่เธอมีได้จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ไปหมดแล้ว
ด้วยความสงสัยในรูปร่างหน้าตาของตัวเอง เธอลุกขึ้นแล้วเดินไปยังกระจกบานเล็ก หมุนซ้ายหมุนขวาเพื่อสำรวจรูปร่างและใบหน้าของตัวเอง
“ฉันก็ไม่ได้ดูแย่นะ ออกจะสวย หมอนั่นสายตาไม่ดีหรือไง เสนอให้ฟรี ๆ แล้วยังไม่เอาอีก หรือจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ชอบผู้หญิง” แวบหนึ่งที่เธอมีความคิดแปลก ๆ ขึ้นมา “ถ้าความจริงแล้วเขาชอบผู้ชายล่ะ สิ่งที่ฉันพยายามก็เปล่าประโยชน์นะสิ”
“แล้วมันจะมีวิธีมัดใจผู้ชายพวกนี้หรือเปล่านะ โอ๊ย!! ไม่รู้แล้ว ทำไมอุปสรรคเยอะแยะแบบนี้นะ”
หลังบ่นเสร็จเธอก็หยิบผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
กว่าชั่วโมงที่น้ำตาลวุ่นอยู่กับการอาบน้ำแต่งตัว เธอหยิบเสื้อกันหนาวที่มีติดตัวมาเพียงแค่หนึ่งตัวขึ้นมาใส่ วันนี้เธอตั้งใจออกไปสำรวจเส้นทางต่าง ๆ อย่างน้อย ๆ เธอก็จะได้รู้ทางหนีทีไล่ไว้บ้าง
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
น้ำตาลหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในเสื้อกันหนาวของเธอออกมาก่อนจะกดรับสาย
“สวัสดีค่ะ” เธอกล่าวทักทายตามมารยาท ทั้ง ๆ ที่รู้สึกไม่ชอบคนที่โทรมาเลยก็ตาม
‘ฉันส่งเธอไปทำงาน ไม่ใช่ให้ไปเที่ยว’
“คือฉันแค่ออกมาหาอะไรทานแค่นั้น” เธอโกหกออกไป เพราะถ้าเขารู้ว่าวันนี้เธออู้งานเขาอาจจะเล่นงานน้องชายของเธอก็เป็นได้
‘เธอมีแต่เสื้อผ้าแบบนั้นหรือไง แล้วเมื่อไหร่งานจะสำเร็จ’
“หา!!” น้ำตาลหันไปมองโดยรอบ เขารู้ได้ยังไงว่าเธอแต่งตัวแบบไหน “คุณให้คนสะกดรอยตามฉันเหรอ”
‘ฉันมีสิทธิ์ทำแบบนั้น’
“แต่นี่มันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์นะคะ การสะกดรอยตามแบบนี้มันเป็นการละเมิดสิทธิของผู้อื่น”
‘เธอลืมไปหรือเปล่าว่าน้องชายของเธออยู่กับฉัน’
“อย่าทำอะไรเขานะคะ” นี่แหละคือเหตุผลที่เธอต้องทำทุกอย่างตามที่ ๆ คนคนนี้บอก
‘ถ้าเธอทำงานนี้สำเร็จ’
“ฉันจะรีบทำให้สำเร็จค่ะ”
‘อีกสามวันจะมีงานเลี้ยงที่หมอนั่นต้องไปร่วม เธอต้องลงมือวันนั้น แล้วฉันจะส่งโลเคชั่นสถานที่จัดงานไปให้’
“ค่ะ”
หลังน้ำตาลรับคำเขาก็วางสายไป ส่วนเธอก็หันไปมองรอบ ๆ ตัวอีกครั้งเพื่อดูว่าใครกันนะที่กำลังสะกดรอยตามเธออยู่
‘คนนั้นก็ท่าทางแปลก ๆ คนนี้ก็ด้วย’ เธอเริ่มระแวงผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา ‘กี่คนล่ะที่สะกดรอยตามเรา’
น้ำตาลเริ่มขนลุก หรือไม่ใช่แค่คนของเจ้าหนี้ แต่เป็นคนของมาเฟียคนนั้นด้วย
‘ใช่แล้ว ฉันเข้าหาเขาขนาดนั้น แน่นอนว่าเขาต้องสงสัยแน่ ๆ ว่าฉันเป็นใคร เขาต้องสั่งคนสะกดรอยตามฉันด้วยแน่นอน’
‘ไม่ได้การแล้ว ระวังตัวให้มากกว่านี้ดีกว่า’
น้ำตาลรีบเดินไปหยุดหน้าร้านอาหารจีนร้านหนึ่ง เธอเปิดประตูเข้าไปตั้งใจว่าจะซื้อใส่กล่องแล้วกลับไปทานที่ห้อง
[ฮวนอิ๋งหนี่] พนักงานสาวเอ่ยทักทายเป็นภาษาจีน
“เอ่อ...คือฉัน” น้ำตาลเริ่มบทสนทนาเป็นภาษาอังกฤษ “ฉันต้องการพูดเป็นภาษาอังกฤษ”
เมื่อได้ฟังดังนั้นพนักงานสาวก็หันซ้ายหันขวา เพราะเธอเองก็ไม่ค่อยถนัดภาษาอังกฤษเช่นกัน
[มีอะไรหรือเปล่าเหมยลี่] พนักงานหนุ่มที่อยู่ใกล้ ๆ หันมาถามเพื่อนของเขา
[ลูกค้าคนนี้เธอไม่ใช่คนจีน เธอบอกว่าต้องการให้ฉันพูดภาษาอังกฤษ]
[อ๋อ อย่างนี้นี่เอง เธอไปยืนตรงนั้นแทนฉัน เดี๋ยวฉันจะคุยกับลูกค้าเอง]
[ได้ ๆ]
หลังทั้งคู่สลับที่ยืนกัน ชายหนุ่มก็ยิ้มให้น้ำตาล เธอเองก็ยิ้มตอบทันทีเช่นกัน
“สวัสดีครับคุณลูกค้า” พนักงานหนุ่มทักทายน้ำตาลเป็นภาษาอังกฤษ
“สวัสดีค่ะ”
“ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าจะรับเป็นเมนูอะไรดีครับ”
เด็กหนุ่มตรงหน้าพูดจาฉะฉาน น้ำเสียงก็น่าฟัง จนทำให้น้ำตาลเอาแต่จ้องหน้าของเขา ถ้าให้เดาเด็กหนุ่มคนนี้คงจะมีอายุไล่เลี่ยกับน้องชายของเธอ
“คุณลูกค้าครับ”
“อ๋อ...เอ่อ ฉันขอเป็นผัดเต้าหู้เสฉวนพร้อมข้าวค่ะ” เธอไม่รู้หรอกว่ารสชาติของผัดเต้าหู้เป็นยังไง เธอแค่จำชื่อเมนูมาจากเน็ตไอดอลคนหนึ่งที่รีวิวอาหารจีน ยังไงเธอก็หวังว่ามันจะถูกปากของเธอ
“ครับ” ขณะตอบรับนิ้วของเขาก็แตะลงไปบนหน้าจอตรงหน้า เพื่อบันทึกเมนูที่ลูกค้าสั่ง
“ใส่กล่องนะคะ”
“คุณลูกค้าจะรับอะไรเพิ่มอีกมั้ยครับ”
“ไม่มีค่ะ”
“ขอทวนออเดอร์นะครับ” เมื่อเห็นว่าน้ำตาลพยักหน้าเบา ๆ เชาก็พูดต่อ “ผัดเต้าหูปูเสฉวนพร้อมข้าว ใส่กล่องกลับบ้าน แค่นี้ใช่มั้ยครับ”
“ค่ะ”
“งั้นเชิญคุณลูกค้านั่งรอสักครู่นะครับ”
“ค่ะ”
น้ำตาลเดินไปนั่งลงตรงเก้าอี้ที่ถูกเตรียมไว้สำหรับนั่งรออาหาร เธอมองบรรยากาศโดยรอบของร้าน รวมถึงสไตล์การแต่งตัวของลูกค้าที่เข้ามาในร้าน ก่อนจะก้มมองตัวเอง
“เชยจริง ๆ ด้วย” เธอนึกถึงคำพูดของเจ้าหนี้ปากเสียคนนั้น “ให้ซื้อใหม่คงไม่มีปัญญา ส่งเธอมาทำเรื่องบ้า ๆ แบบนี้ ทำไมไม่ให้เงินติดตัวมาด้วยนะ” คิดแล้วเธอก็ยังหงุดหงิดที่โดนทักเรื่องการแต่งตัว “ช่างเถอะไม่ได้คิดจะอยู่ที่นี่สักหน่อย อีกไม่กี่วันก็คงได้กลับแล้ว”
