บทที่ 7 ยกให้
“นี่เธอ!!” เขาจับข้อมือเล็กนั้นไว้ แล้วออกแรงบีบจนเกิดรอยแดง
“โอ๊ย!!” น้ำตาลร้องด้วยความเจ็บ เธอใช้มืออีกข้างลูบข้อมือของตัวเองเบา ๆ หลังจากที่เขาปล่อยมือของเธอ
“ฉันไม่ใช่คนที่เธอจะมาตีสนิทด้วย”
“แต่ฉันอยากสนิทกับคุณจริง ๆ นะ” เธอย้อนกลับไปทันควัน “เอ่อ...จริง ๆ วันนี้ฉันยังไม่พร้อม แต่ถ้าคุณต้องการฉันก็ไม่ขัด”
“ต้องการ...?”
“ตัวฉันไงคะ”
“จอดรถ” เขาเหลืออดแล้วจริง ๆ นี่เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่พาผู้หญิงไร้ยางอายคนนี้ขึ้นรถมาด้วย ไม่ได้คำตอบที่อยากรู้แถมยังรู้สึกหงุดหงิดมากกว่าเดิมซะอีก
เอี๊ยด!!
ลูกน้องของไคล์เบรกรถกะทันหัน จนน้ำตาลคะมำไปด้านหน้า ใบหน้าของเธอแบบกับเบาะด้านหน้า
“ลงไป”
“หา...” น้ำตาลหันไปมองเจ้าของรถ “ฉันเหรอ”
“ใช่”
“ค่ะ ๆ” เธอเองก็ไม่ได้ขัด เพราะเธอตั้งใจจะไปหาเขาในอีกสามวันข้างหน้า วันนี้ถือว่าโชคดีที่เขาปล่อยเธอไป เพราะมัวแต่ยืนเหม่อหลังจากที่ลงรถกว่าเธอจะนึกได้ว่าเธอลืมของไว้บนรถของเขา รถก็แล่นออกไปไกลแล้ว “เฮ้ย!! เดี๋ยวสิ...ซวยชะมัดเลย”
ด้านไคล์เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าเธอลืมกล่องอาหารไว้ คงเป็นอาหารจากร้านที่เขาเจอเธอ ด้วยความอยากรู้เขาจึงหยิบกล่องนั้นออกมาแล้วเปิดดูก่อนจะหันไปมองด้านหลัง จึงได้รู้ว่ารถแล่นออกมาไกลแล้ว อาหารกล่องนี้คงต้องทิ้งไป
สามวันต่อมา
เท้าคู่เล็กสองข้างก้าวลงจากรถแท็กซี่ หญิงสาวที่อยู่ในชุดเดรสสีขาว เธอปล่อยผมยาวสลวยไปตามแผ่นหลัง บนศีรษะมีที่คาดผมทำจากมุกเม็ดเล็ก ๆ เธอดูเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์ที่ทำให้นักธุรกิจที่ร่วมงานในค่ำคืนนี้ต่างให้ความสนใจ แต่ทุกคนกลับอยู่นอกสายตาของเธอ ยกเว้นชายหนุ่มร่างสูงที่เป็นเป้าหมายของเธอตั้งแต่แรก
น้ำตาลเดินเข้าไปกอดแขนของเขาโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว ชายหนุ่มตวัดสายตามองหน้าเธอด้วยความไม่ชอบใจที่อยู่ ๆ ก็เสียมารยาทกับเขาแบบนี้
“สวัสดีค่ะคุณไคล์” เธอกล่าวทักทายเขาด้วยน้ำเสียงที่หวานหยดย้อย
“ว้าว” นักธุรกิจหนุ่มผิวสีแทนคนหนึ่งอุทานขึ้น ความงดงามของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าทำให้เขารู้สึกถูกใจตั้งแต่แรกเจอ จนอยากทำความรู้จัก “เอ่อ...สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ” น้ำตาลทักทายกลับพลางส่งยิ้มบาง ๆ ให้ เธอจะทำตัวเฟรนลี่ตามที่เพจแนะนำ เพราะจากผลการสำรวจเขาบอกว่าผู้ชายจะชอบผู้หญิงอารมณ์ดี ยิ้มเก่ง
“เธอมาทำอะไรที่นี่” น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นทำให้คนที่ได้ยินรับรู้ว่าเขาไม่พอใจ
“ทำไมพูดกับเธอแบบนั้นละครับ คุณไม่อยากให้เธอมาเหรอ” นักธุกิจหนุ่มหยั่งเชิงถาม
“ไม่เป็นไรค่ะ เขามักจะหงุดหงิดที่เห็นฉันแต่งตัวแบบนี้” น้ำตาลพูดเข้าข้างตัวเอง
“น่าเสียดายนะครับ ของสวย ๆ งาม ๆ แบบนี้ก็ต้องแบ่งกันชม จะเก็บไว้คนเดียวได้ยังไง”
“งั้นก็เอาไปสิ” เขาผลักเธอเข้าไปหานักธุรกิจคู่ค้าของเขา โชคดีที่ชายหนุ่มอ้าแขนรับไว้ได้ทั้นไม่อย่างนั้นเธอได้ล้มคะมำไปต่อหน้าต่อตาของแขกในงานแน่ ๆ “เธอชอบเงินนะ อย่าลืมติ๊บเธอหนัก ๆ ล่ะ”
พูดจบไคล์ก็หันหลังเดินไปหน้าตาเฉย เขาไม่สนใจว่าเธอจะต้องเจอกับอะไร เขาเพียงต้องการผลักเธอออกไปให้ห่างเขาก็เท่านั้น
น้ำตาลตกใจจนตาโต ไม่คิดว่าเขาจะทำกับเธอแบบนี้ ใบหน้านวลเริ่มซีดเผือดลงทันตาเห็นเมื่อรับรู้ได้ว่าผู้ชายผิวสีแทนคนนี้กำลังโอบเอวเธอไว้แน่น แม้เธอจะดิ้นเขาก็ไม่ยอมปล่อย
“ทำไมคุณถึงทำกับฉันแบบนี้” เธอตะโกนตามหลังของไคล์โดยไม่สนสายตาของแขกที่มองมาก่อนจะหันมาตวาดใส่คนที่โอบเอวเธอไม่ยอมปล่อย “นี่คุณ!! ปล่อยฉันนะ”
“เดี๋ยวสิ เรายังไม่ได้ทำความรู้จักกันเลยนะครับ”
“ฉันไม่อยากรู้จักคุณหรอก”
“จุ๊ ๆ!! อย่าเสียมารยาท” ชายหนุ่มเอานิ้วไปแตะที่ปากของน้ำตาล แต่เธอก็พยายามสะบัดหน้าหนี “คืนนี้ผมจะติ๊บให้คุณหนัก ๆ”
“ไม่นะ ฉันไม่ได้รับงานแบบนั้น”
“แต่เขายกคุณให้ผมแล้วนะ”
“เขาไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้นค่ะ ฉันไม่ใช่ของของ ใคร”
“ในเมื่อเขาผลักคุณให้ผมแล้ว แสดงว่าเขาไม่ต้องการคุณแล้ว คุณก็รีบเกาะผมให้แน่น ๆ สิ” เขากระชับแขนที่โอบเอวเธอไว้ให้แน่นขึ้น
“ไม่ใช่แบบนั้นนะ คุณกำลังเข้าใจผิด เราแค่ทะเลาะกันนิดหน่อย” เธอพยายามแก้ตัว สมองก็เอาแค่ครุ่นคิดหาวิธีเอาตัวรอด
“ถึงจะเป็นแบบนั้นก็เถอะ ถึงจะทะเลาะกันเขาก็ไม่ควรผลักไสคุณแบบนี้ การทำแบบนี้หมายถึงเขาไม่เอาคุณแล้ว”
“คุณปล่อยฉันก่อนเถอะนะ” เธอพูดแกมขอร้อง “ฉันจะไปคุยกับเขาให้รู้เรื่อง”
“ไม่ต้องคุยแล้วครับแค่นี้ก็ชัดเจนแล้ว เราไปกันเถอะ”
“คุณจะพาฉันไปไหน”
“ไปในที่ที่มีแค่เราไง ตรงนี้คนเยอะแยะ หรือคุณชอบความตื่นเต้น”
“ไม่นะ” เธอพยายามปัดมือของเขาที่เริ่มทำรุ่มร่ามกับเธอให้ออกห่างจากตัว ไม่รู้ทำไมเธอรู้สึกว่าสัมผัสจากผู้ชายคนนี้ช่างน่าขยะแขยงสิ้นดี
เธอถูกพาออกมาจากงานท่ามกลางสายตาของผู้คนที่เกิดความสงสัย แต่กลับไม่มีใครกล้าถามหรือยื่นมือเข้าไปช่วยเธอสักคน หญิงสาวเริ่มรู้ชะตากรรมของตัวเอง เธอต้องหนีไม่พ้นแน่ ๆ
ปึก!
