บทที่ 10 ตอนที่ 10
“คริสไม่ทำงานเหรอ?”
“ทำสิ ไปกินข้าวกันเถอะ” คริสพาเธอมาร้านอาหารประจำที่เคยมาด้วยกันบ่อยๆ เขาอยากจะดึงเข้ามากอดแต่ก็รู้ว่าทำไม่ได้ มีนยังใจแข็งมาก แต่เขาก็ไม่ได้ยอมแพ้ง่ายๆหรอก แค่มันรู้สึกว่าอยู่ไม่ไหวจริงที่ไม่มีเธอในชีวิต ถ้าเขาเผลอใส่อารมณ์ตอนนี้ไปมีนต้องดื้อแล้วไม่พูดคุยดีๆด้วยแน่เลย
อยากจะจูบแค่ไหนก็ทำได้แค่มอง
มีนสั่งอาหารตามปรกติแล้วหันไปยิ้มให้กับเขา เธอก็คิดถึงคริสมากเลยทั้งที่เป็นคนเดินออกมาเองแท้ๆ ทุกคืนเธออยู่ได้ด้วยการไปแอบดูเขาผ่านอินสตาแกรม รูปเธอถ่ายคู่กับเขายังไม่ได้ลบไปเหมือนในอินสตาแกรมของเธอที่มีแต่เขาเต็มไปหมด
“มีนพักบ้างนะคริสเป็นห่วง” เขามองอาหารที่เธอสั่งล้วนเป็นของโปรดเขาทั้งนั้น
“คริสก็ดูแลตัวเองดีๆนะ อย่าเที่ยวเยอะมากละ ดูสิโทรมหมดแล้วเนี่ย” เธอยิ้มออกมาทั้งที่อยากจะร้องไห้ เธออยากจะกอดเขามาก แต่ต้องฝืนทนเอาไว้อย่าให้ใครได้รู้
“คิดถึงมีนนะ” อยากบอกให้รู้ถึงเธอจะไม่อยากฟังก็ตาม
“เดือนหน้าวันที่ 9 เปิดร้านนะ มีนนิมนต์พระมาให้ความสิริมงคลด้วยนะ” เธอหลบตาเขาแล้วหันไปสนใจอาหารตรงหน้าแทน ของที่สั่งมีแต่ของโปรดคริสเลยเพราะมันคงเป็นความเคยชิน ต่อให้เราห่างหายกันนานขนาดไหนก็ยังชินอยู่
คงไม่มีใครรู้สึกแย่ขนาดนี้แล้ว ต้องมานั่งกินข้าวกับคนรักเก่า ต้องคอยห้ามใจไม่แสดงความอ่อนแอให้เขาเห็นเพราะไม่อยากให้เป็นห่วงเกินไป เธอต้องฝืนยิ้มออกมาให้เขาเห็นว่าเธออยู่ไหว ภาพในวันวานไม่เคยลดหายไปจากเธอเลย ยังคงคิดถึงเขาอย่างมากจนรู้สึกทรมานเกินจะทนได้ไหว ความรักและความผูกพันตลอดเจ็ดปีจะให้หายวับไปภายในเดือนกว่าๆคงเป็นไปไม่ได้หรอก เธอก็ไม่รู้ว่าจะเข้มแข็งแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหน
คนบอกเลิกทั้งที่ยังรักนั้นเจ็บกว่าเสมอ
แต่เขาคงไม่เข้าใจ
“ถ้าคริสมามีนจะว่าอะไรไหม?” เขารู้สึกได้เลยว่าเธอเว้นระยะห่างมากจนน่าใจหาย จากที่เคยได้จับมือ เคยได้กอด เคยได้หอมแก้มทุกวัน ในตอนนี้กลับทำได้แค่นั่งมอง เขาต้องท่องในใจเป็นพันครั้งบอกตัวเองให้ใจเย็นๆทั้งที่มันโคตรยาก แล้วทุกคืนเขาบอกตัวเองนับล้านครั้งให้จำไว้ว่ามีนบอกเลิกแล้ว
ถึงเขาไม่ยอมเลิกแต่เธอตั้งใจเลิกให้ได้
แล้วเขาจะทำอะไรได้ละ
วันนี้เขามาเพื่อไขข้อข้องใจของตัวเองเรื่องเราเลิกกัน เขาตามเฝ้ามองเธอมาสามวันเต็มเพื่อจะดูหน้าแฟนใหม่ คนที่มันกล้าแย่งเธอไปจากเขา แต่ก็ไร้เงาใคร มีนยังใช้ชีวิตคนเดียว
“ได้สิ ร้านคริสก็เป็นคนออกแบบนี่”
“มีน…คริสมีเรื่องจะขอได้ไหม?” เขากลั้นใจรอฟังคำตอบ
“อะไรเหรอถ้าทำได้มีนก็จะช่วย”
“คือว่า…” คริสเอื้อมมือไปจับมือเธอไว้แน่รู้สึกกลัวคำตอบอย่างมาก
“คริสปล่อยก่อนนี่มันกลางห้างนะ” เธอใจเต้นแรงเพียงแค่การกระทำของเขา แต่ต้องห้ามใจไม่ให้อ่อนแอ
“อย่าพึ่งรักใครนะ อย่าเอาใครมาแทนที่คริส รอให้คริสทำใจได้สักนิดก่อน” นี่เป็นคำขอที่โง่มากที่สุด แต่ถ้ามันจะช่วยยื้อเธอไว้แล้วเพิ่มเวลาให้เขาง้อได้ถึงดูโง่ก็ยอมหมดทุกอย่าง
“คริสฟังนะ ไม่มีใครแทนที่ใครได้หรอก เรื่องในอนาคตมีนไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ถ้าวันหนึ่งคริสเจอคนที่รักที่เข้ากันได้ คริสรักไปเลยนะ มีนอยู่ได้ มีนไหว” เธอต้องใช้ความเข้มแข็งอย่างมากเลยที่จะพูดคำนี้ออกไป
“มีน!” เขาไม่คิดว่าเธอจะพูดแบบนี้ออกมา แต่ที่มันสะเทือนใจตรงที่เธอยิ้มให้แล้วมีน้ำตาไหลออกมานี่แหละ ทำไมต้องทำให้ตัวเองเจ็บด้วยละ แค่กลับมารักกันเหมือนเดิมทุกอย่างจะดีขึ้น
“มีนหวังดีกับคริสนะ”
“คริสขอโทษที่แสนดีแบบมีนไม่ได้ มีนจะว่าคริสพาลก็ได้นะถ้าเกิดวันไหนคริสทำอะไรขาดสติไป” เขาไม่สามารถทำใจแบบเธอได้เลย ให้ตายเถอะ! ทำไมถึงต้องพูดแบบนี้ด้วย เขารักเธอแล้วจะไม่ยอมเสียเธอให้กับใคร แต่มีนกลับพร้อมจะยินดีเสมอถ้าเขารักกับคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ สิ่งที่เธอพูดและทำมันไปในทิศทางเดียวกันว่าต้องการจบเรื่องของเรา แต่แววตาคู่สวยนี้กลับเศร้ามาแถมยังมีน้ำตาเอ่อคลอเบ้าอีกต่างหาก
เธอทำให้เขามีคำถามหนึ่งเกิดขึ้นในหัว
มีนยังรักคริสอยู่ไหม?
หลังกินอาหารเที่ยงเรียบร้อย มีนแยกตัวกลับไปทำงาน ส่วนคริสยังคงเดินวนเวียนภายในร้านที่กำลังจะเปิดในเวลาอีกแค่สองอาทิตย์กว่าๆ เขามีอยู่แค่คำถามเดียวที่ค้างคาคือถ้ามีนไม่มีใครแล้วทำไมไม่กลับมารักกันเหมือนเดิม
รู้ไหมว่าบนโลกใบนี้มีนคงเหมาะสมกับใครหลายคน
แต่บนโลกนี้มีแค่เธอที่เหมาะสมกับเขา
“เฮ้อ…กูต้องทำอะไรอีกวะ!”
