บทที่ 10 ใครจะทนวะ
ฉันทิ้งตัวนั่งลงที่เดิมแล้วจับมือข้างที่เขาใช้กุมข้อมือฉันเอาไว้ แววตากังวลของโลกันต์อ่อนแสงลงคงเหลือไว้แค่ความอบอุ่นเฉกเช่นทุกครั้ง ฉันส่งยิ้มน้อย ๆ พลางเอนหน้าซบไหล่กว้างของเขาเบา ๆ
“อย่ากังวลสิกันต์ ฉันไม่ยอมให้หมอนั่นทำอะไรง่าย ๆ หรอกนะ”
“แต่ไอ้เวรนั่น...”
“ไม่เอาน่ากันต์ อย่าคิดมากสิ มันไม่มีอะไรหรอก.. นะ ๆ” ฉันขัดขึ้นพลางเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา ฉันรู้ว่าโลกันต์แพ้ลูกอ้อนของฉัน และครั้งนี้มันก็ได้ผลเหมือนเดิม
“เฮ้อ... เป็นแบบนี้ทุกทีสิน่า ฉันไม่เคยชนะเธอได้เลยใช่ไหมยัยตัวแสบ” เขาบีบจมูกฉันอย่างมันเขี้ยวพลางก้มหน้าลงมาใกล้จนริมฝีปากเกือบชนกัน
เราสองคนสบตากันนิ่ง หัวใจฉันเต้นแรงเหมือนทุกครั้งที่อยู่ใกล้เขา ปลายนิ้วอบอุ่นจับเส้นผมข้างแก้มของฉันขึ้นทัดใบหูแผ่วเบา เขาส่งยิ้มอ่อนโยนแล้วกดริมฝีปากลงบนริมฝีปากฉันช้า ๆ
มันอบอุ่นและอ่อนหวานเหมือนทุกครั้งที่เขาเคยสัมผัส หากทว่าครั้งนี้มันลึกล้ำมากกว่าเดิม เขากดจูบแนบแน่นพลางลากไล้ปลายลิ้นดูดซับความหวานพรากลมหายใจของฉันทีละนิด สองมือกำเสื้อเขาแน่น เผลอเคลิ้มไปกับสัมผัสอ่อนหวานของเขาชั่วครู่ และก่อนที่ฉันจะขาดอากาศหายใจตายเพราะจูบของเขา โลกันต์ก็ยอมละริมฝีปากออกไปในที่สุด
“วันนี้ค้างที่นี่นะ”
“...หะ?” ฉันมองหน้าเขาเหลอหลารู้สึกเหมือนสมองสั่งการช้าลง สติสัมปชัญญะโดนความอ่อนหวานของเขาปั่นป่วนจนร้อนวูบวาบไปหมด โลกันต์ไม่ยอมพูดอะไรต่อเขากลับกระชับกอดฉันแน่นขึ้นแถมยังใช้ฝ่ามือกดใบหน้าฉันให้ซบลงบนแผงอกอบอุ่นของเขาอีกต่างหาก ฉันจึงต้องถามย้ำอีกรอบ “เมื่อกี้...กันต์ว่าอะไรนะ?”
“นอนที่นี่ไง... ห้องฉัน” น้ำเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นเหนือหัว
ให้ตายเหอะ! เขาชวนฉันนอนกับเขาอีกแล้วนะ!
“นี่แน่ะ! คิดไม่ซื่อกับฉันอีกล่ะสิ!” ฉันตีแขนเขาอย่างหมั่นไส้ โลกันต์เบ้หน้าพลางลูบแขนปอย ๆ ก่อนจะอมยิ้มเจ้าเล่ห์
“ใครว่า ก็ไม่มีที่นอนไม่ใช่ไง? นอนห้องฉันก็ได้นิ เดี๋ยวฉันออกมานอนโซฟาเอง”
ฉันหรี่ตามองเขาอย่างจับผิด คนถูกมองทำลอยหน้าลอยตาแถมยังเอื้อมมือมาขยี้ผมฉันจนยุ่งเหยิงไปหมด
“โอ๊ยหยุดนะกันต์! ผมยุ่งหมดแล้วดูสิ!”
“ก็ตอบมาสิจะนอนไม่นอน?”
คราวนี้เขาใช้ฝ่ามือสองข้างแนบข้างแก้มของฉันแล้วล็อกใบหน้าให้ตรงกับใบหน้าหล่อของเขา สายตาอบอุ่นถูกส่งผ่านมาอีกครั้ง
อ่า...หัวใจฉันเต้นตึกตักอีกแล้วล่ะสิ!
“อะ... อื้ม นอนก็ได้!” ฉันตอบแล้วดึงมือโลกันต์ออกจากใบหน้าตัวเอง
เขามันขี้โกงที่สุด! ชอบใช้สายตาแบบนั้นมากดดันให้ฉันใจอ่อนอยู่เรื่อยเลย!!
.
.
.
[บทบรรยาย ฟรานซิส]
“แหวนพลอยล่ะเจ้าฟราน?” น้ำเสียงเคร่งขรึมดังขึ้นจากประมุขของบ้าน ผมชะงักเท้าที่กำลังลงบันไดแล้วหันมองด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์สุด ๆ
“พ่อก็ไปถามลูกสะใภ้สุดที่รักเอาเองสิ”
“แน่ะไอ้นี่! เมียก็มีแล้วทำไมยังไม่เลิกยอกย้อนฉันอีกหะ!” พ่อกอดอกมองผมด้วยสายตาเหนื่อยหน่าย” แล้วนี่กลับมาเอาของหรือไง”
“อืม ผมไปนะ” ผมพยักหน้ารับพลางล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วเดินออกมาจากบ้านโดยมีเสียงทรงอำนาจสั่งกำชับตามหลังมาอีกรอบ
“อย่าลืมพาแหวนพลอยมาเข้าพิธีสถาปนาของเดริตโต้ล่ะ!”
พิธีสถาปนางั้นเหรอ... เหอะ!
.
.
.
T CLUB
“ไง พายุห่าอะไรหอบมึงมาที่คลับกูได้?”
ผมยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มพลางปรายตามองไอ้หัวทองที่เดินเข้ามานั่งฝั่งตรงข้าม มันหันไปทักทายเพื่อนสนิทอีกสองคนของผมที่นั่งอยู่ด้านข้าง ก่อนจะหันกลับมามองผมอีกครั้ง
ไอ้เวรนี่ชื่อนำทัพ มันเป็นเจ้าของคลับที่พวกผมกำลังนั่งดื่มกันอยู่ และเป็นเพื่อนรักของผมอีกคนนอกจากไอ้เวรสองตัวนี้
“พายุหวงเมียน่ะสิ” ไอ้เรดาร์ตอบคำถามแทน มันมองผมยิ้ม ๆ แล้วหันไปชนแก้วกับไอ้นำทัพ
ความจริงพวกผมกับไอ้นำทัพไม่ค่อยได้เจอกันบ่อย ๆ หรอก เพราะปกติเรียนคนละมหาวิทยาลัย จะได้เจอกันบ้างก็ตามสถานที่อโคจร อย่างเช่นสนามแข่งรถหรือคลับของมันนี่ไง
“หุบปากไปเลยไอ้เวร!”
ผมชี้หน้าไอ้ผู้ชายหน้ากะล่อนที่นั่งทำหน้าอ้อนมืออ้อนตีนมาตั้งแต่ตอนเย็นล่ะ ก็ตั้งแต่ยัยตัวดีนั่นกล้าหันหลังให้ผมแล้วเดินไปกับผู้ชายคนอื่นต่อหน้าผมนั่นแหละ!
เหอะ! ผมไม่ได้หึงหวงอะไรนะเว้ย! มันแค่รู้สึกเหมือนโดนหักหน้าว่ะ อย่าลืมสิ ยัยนั่นเพิ่งใช้นามสกุลผมได้แค่วันเดียวเองนะ เสือกไปเดินลอยหน้าลอยตากับผู้ชายคนอื่น! เป็นใครใครจะทนวะ ถาม?
“แล้วมึงจะเอายังไงกับไอ้เวรนั่น?” ไอ้ครอสที่นั่งเงียบมานานถามขึ้นบ้าง มันสูบบุหรี่จนหมดมวนแล้วขยี้ลงบนที่เขี่ยบุหรี่ข้างตัว ผมรู้ว่ามันกำลังถามถึงไอ้เวรตัวไหน
หึ! ก็ไอ้เวรโลกันต์ ศัตรูตัวฉกาจของผมไงล่ะ!
