บทที่ 12 เดินทาง
Rrr…
เสียงเรียกเข้าดังขึ้นในตอนสายของวัน ความจริงวันนี้ผมมีเรียนบ่ายนะ แต่ตั้งใจว่าจะโดด ประเด็นคืออยากนอนไง นอนแม่งทั้งวันเนี่ยแหละ แล้วดึก ๆ ค่อยออกไปกินเหล้ากับไอ้พวกเพื่อนเวรต่อ
“ไง”
ผมคาบบุหรี่ไว้มุมปากพลางเปิดขวดน้ำในมือ แล้วเดินข้ามกองเสื้อผ้าบนพื้นห้องออกมายืนนอกระเบียงด้วยบ๊อกเซอร์เพียงตัวเดียว ผมไม่ได้หน้าด้านเดินถอดเสื้อโชว์ใครนะ แต่ห้องผมอยู่ตั้งชั้นยี่สิบห้า...คิดว่าจะมีใครมองเห็นเปล่าวะ
[เฮียอยู่ไหนวะ?] น้ำเสียงหงุดหงิดจากปลายสายเดาได้ไม่ยากเลยว่ามันจะต้องโทรมาโวยวายผมอีกแน่ ๆ
“กูอยู่คอนโด ทำไม?”
[อยู่คอนโด? เออดี! ลืมอะไรปะวะ?]
“มึงจะพูดอะไรก็พูดมา ลีลามากเดี๋ยวเจอถีบ” ผมขมวดคิ้วอย่างนึกรำคาญไอ้เวรนี่เหลือเกิน
[ทริปฮันนีมูนไง! อะไรวะ! พ่อให้โทรมาตามเนี่ย ให้ไวเลยนะเฮีย กูขี้เกียจรอ เข้าใจ?]
“...” ผมขยี้บุหรี่ทิ้งแล้วหันกลับไปมองบนเตียง ร่างเปลือยเปล่ายังคงหลับใหลใต้ผ้าห่มผืนหนา ผมถอนหายใจหนัก ๆ แล้วกลับมาสนใจคนปลายสายต่อ "ฮันนีมูนแล้วไงวะ มึงจะรอกูเพื่อ? หรือจะไป?”
[ก็เออน่ะสิ! ก็เมียใครละวะ! เล่นตัวฉิบหายเลย!]
“หมายความว่าไงวะไอ้ซาน” ผมขมวดคิ้วถาม ยังไม่เข้าใจความหมายที่ไอ้น้องชายกำลังจะสื่อ คือฮันนีมูนกูไง? แล้วมึงจะมารอกูทำไม?
[ก็ยัยนั่นไม่ยอมไปกับเฮียสองคนน่ะสิ! เลยคิดจะลากแหวนเพชรไปด้วย หึ! กูคงปล่อยให้แฟนกูไปเที่ยวคนเดียวไกลหูไกลตาหรอกนะครับแหม่]
“อ้อ...กูเข้าใจละ”
[...]
“หึ! ชักสนุกแล้วสิ~”
.
.
.
[บทบรรยาย แหวนพลอย]
จะมีอะไรเลวร้ายไปมากกว่านี้อีกไหม...
“เตรียมของเสร็จหรือยังพี่พลอย?” เสียงเล็ก ๆ ถามขึ้นจากหน้าประตูห้อง ตอนนี้ฉันนั่งอยู่ในห้องนอนของตัวเองภายในบ้านที่ฉันเกิดและเติบโตมา แม้ข้าวของเครื่องใช้รวมถึงเสื้อผ้าของฉันจะถูกส่งไปไว้ที่ห้องของฟรานซิสบ้างแล้ว หากทว่าก็ยังพอมีหลงเหลือไว้ให้ใช้ยามมาค้างที่นี่อยู่บ้าง “จัดเสร็จแล้วใช่ไหม? งั้นเพชรปิดกระเป๋าให้นะ”
แหวนเพชรทิ้งตัวลงข้างกระเป๋าเสื้อผ้าพลางใช้มือจัดแจงให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะรูดซิปปิดกระเป๋าใบขนาดกลางของฉัน มันยกกระเป๋าใบนั้นลงไปวางบนพื้นแล้วหันกลับมามองหน้าฉันด้วยสีหน้าเห็นใจ
“เอาน่าพี่พลอย... พี่ไม่ได้ไปกับเฮียฟรานสองคนสักหน่อย ยังมีเพชรกับซานไปเป็นก้างขวางคอให้ด้วย” น้องสาวคนสวยพยายามพูดปลอบใจฉัน
“เหอะ! เพราะมีแฟนตัวร้ายของเธอไปด้วยไงล่ะ! พี่ถึงได้กังวล” ฉันบ่นด้วยความขัดใจ
ให้มันได้อย่างนี้สิ! พวกผู้ใหญ่บังคับให้ฉันกับฟรานซิสไปฮันนีมูนกันที่ภูเก็ตเป็นเวลาสามวันสองคืนโดยไม่คิดจะถามความสมัครใจของฉันสักนิด พอฉันออกปากปฏิเสธ พวกท่านก็ทำเป็นเมินเฉยราวกับคำคัดค้านของฉันเป็นอากาศธาตุ ฉันจึงตัดสินใจชวนแหวนเพชรไปเป็นเพื่อนด้วย อย่างน้อย ๆ ถ้ามียัยนี่อยู่ หมอนั่นคงไม่กล้าทำอะไรบ้า ๆ กับฉันหรอก
แต่! แต่มันกลับผิดแผนน่ะสิ! เมื่อจู่ ๆ แหวนเพชรเข้ามาบอกฉันว่าทางฟรานซิสเองก็จะพาซานฟรานน้องชายของเขาไปด้วยเช่นกัน
เหอะ! ฉันว่าหมอนั่นไม่ได้คิดจะไปเป็นเพื่อนพี่ชายหรอก แต่จะตามไปคุมแฟนสุดที่รักของตัวเองน่ะสิ!
“โธ่... พี่พลอยก็พูดไป ซานไม่ทำอะไรแผลง ๆ หรอกน่า”
“ไว้ใจได้เหรอ? อย่าลืมสิ! สองคนนั้นเป็นพี่น้องกันนะ! แถมนิสัยนี่ถอดแบบกันออกมาเลยเหอะ!” ฉันเถียงกลับ แหวนเพชรจึงงับปากตัวเองเมื่อจนคำพูดที่จะแก้ต่างให้แฟนแสนร้ายกาจของตัวเอง
Rrr…
เสียงโทรศัพท์แหวนเพชรดังขัดจังหวะขึ้น ยัยนั่นรีบหยิบขึ้นมาดูหน้าจอก่อนจะกดรับสายด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
“ถึงแล้วเหรอ... อ่าหะ... เข้าใจแล้ว อื้อ...แค่นี้นะ” แหวนเพชรคุยกับปลายสายได้ไม่ถึงนาทีก็กดวางไป ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองฉันที่จ้องมันอยู่ก่อนแล้ว “สองคนนั้นมาถึงแล้ว พวกเรารีบลงไปกันเถอะ...”
“...”
.
.
.
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
“เดินทางดี ๆ กันนะลูก ขับรถดี ๆ นะตาฟราน” แม่ของฉันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงห่วงใย แถมยังหันไปกำชับกับฟรานซิสที่รับหน้าที่ขับรถ “แม่ไม่เข้าใจจริง ๆ ทำไมพวกลูกต้องขับรถไปกันเองด้วยนะ นั่งเครื่องไปปลอดภัยกว่ากันเยอะเลยแถมยังไม่เสียเวลาอีกต่างหาก”
ฉันเหลือบตามองใบหน้านิ่งเรียบของผู้ชายข้างกายซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับเขากำลังมองฉันพอดี ฉันจึงรีบเบือนหน้ากลับมาหาแม่ตัวเอง ไม่อยากจะบอกเลยว่าฉันเป็นคนต้นคิดเองแหละ ไอ้เรื่องขับรถไปภูเก็ตเนี่ย... ทำไมน่ะเหรอ... เพราะจะได้ลดเวลาในการอยู่ที่นั่นลงไปอีกน่ะสิ!
“โธ่แม่... อย่าบ่นสิคะ ขับรถไปเองก็ดีนะ จะได้แวะเที่ยวตามทางด้วย”
“ใช่ครับ... คุณอาไม่ต้องเป็นห่วง เฮียฟรานน่ะมืออันดับหนึ่งเรื่องขับรถอยู่แล้วครับ”
ฉันเบ้ปากอย่างหมั่นไส้เมื่อซานฟรานสนับสนุนคำพูดของแหวนเพชรด้วยการอวดสรรพคุณของพี่ชายตัวเอง เสียงหัวเราะหึในลำคอดังขึ้นจากคนข้างกายฉันจึงเหลือบตาขึ้นมอง หมอนี่คงเห็นฉันเบะปากใส่สินะ...
“อืมก็จริง... งั้นรีบไปกันเถอะจ้ะเด็ก ๆ ถึงแล้วอย่าลืมโทรบอกแม่นะ”
พวกเราทั้งสี่คนยกมือไหว้ลาคุณหญิงประจำบ้าน ก่อนแยกย้ายกันเดินขึ้นไปนั่งบนรถคันหรู โดยมีฟรานซิสเป็นคนขับ ซานฟรานนั่งด้านข้างคนขับ ส่วนฉันและแหวนเพชรนั่งเบาะหลัง และก่อนจะปิดประตูรถ แม่ก็เดินเข้ามาดึงประตูฝั่งฉันซึ่งเป็นฝั่งเดียวกับซานฟรานเอาไว้
“ทำตัวดี ๆ นะพลอย อย่าก่อเรื่องให้ตาฟรานต้องเหนื่อยใจนะลูก” แม่ส่งสายตาปรามมาให้ฉันแถมยังเหลือบมองไปทางฟรานซิสอีกต่างหาก
“ค่ะแม่...” ฉันรับคำพลางถอนหายใจหนัก ๆ ก่อนจะปิดประตูแล้วหันกลับมา พอเงยหน้าขึ้นมองกระจกส่องหลังก็สะท้อนดวงตาคมเข้มของคนขับที่มองมาด้วยแววตาไม่น่าไว้ใจ
หมอนี่คิดจะทำอะไรไม่ดีอีกแล้วใช่ไหม!
