บทที่ 16 พี่น้องตัวร้าย

“ถึงแล้วเว้ยยยย! เลิกแหกปากใส่กันสักทีเหอะ! กูนี่อยากจะขับรถประสานงานกับสิบล้อจริง ๆ!!”

เสียงระฆังหมดยกของซานฟรานตะโกนขัดขึ้นมา เป็นจังหวะที่รถจอดสนิท แหวนเพชรรีบเปิดประตูลงจากรถแล้ววิ่งมาเปิดประตูฝั่งฉันก่อนจะเข้ามาดึงตัวฉันให้ออกห่างจากฟรานซิสอย่างรวดเร็ว ฉันจิกตาใส่เขาด้วยความไม่พอใจอย่างสุด ๆ อยากจะตบหน้าหล่อ ๆ ของเขาสักที

“โอ๊ยพี่พลอยใจเย็น ตาย ๆ เพชรละอยากจะบ้าตายวันละหลายร้อยรอบ” แหวนเพชรที่ดึงฉันลงมาจากรถสำเร็จยกมือขึ้นตีหน้าผากตัวเองแรง ๆ ซานฟรานเดินควงกุญแจรถเข้ามาหาพวกเราด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายไม่แพ้กัน

“พยศ ๆ แบบนี้ เจอไอ้เฮียมันซั่มสักทีสองทีก็หายแล้วเพชร..”

อะ...ไอ้!

“พูดบ้าอะไรน่ะซาน! นี่พี่สาวฉันนะ!”

แหวนเพชรรีบหันไปขึ้นเสียงใส่แฟนตัวเองอย่างไม่พอใจก่อนที่ฉันจะอ้าปากด่าไอ้ผู้ชายปากเสียตรงหน้า หมอนั่นชักสีหน้าหงุดหงิดใส่ก่อนจะกระตุกยิ้มชั่วร้ายเหมือนเพิ่งนึกอะไรได้

“ไม่เอาน่าที่รัก อย่าอารมณ์เสียสิ ฉันว่าเราขึ้นไปอาบน้ำบนห้องของเราดีกว่านะ” ซานฟรานใช้แขนคล้องคอแหวนเพชรพลางส่งยิ้มชั่วร้ายนั่นมาให้ฉัน

“หมายความว่าไง” ฉันกดเสียงต่ำถาม รู้สึกเกลียดสองพี่น้องนิสัยเสียคู่นี้ชะมัด ความชั่วร้ายนี่ไม่ทิ้งกันเลยใช่ไหม!

“อ้าว ฉันก็จะนอนกับแฟนฉันน่ะสิ ส่วนเธอก็ต้องนอนกับสามีของเธอ เข้าใจหรือยังคุณพี่สะใภ้”

“ไม่นะ! ฉันไม่นอนกับนายนะซาน!” แหวนเพชรดึงแขนซานฟรานออกก่อนจะวิ่งเข้ามาเกาะแขนฉันแน่น มันทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เต็มแก่ “ฮืออ ไม่เอานะพี่พลอย...เพชรจะนอนกับพี่”

ฉันพยักหน้ารับพลางปรายตามองร่างสูงที่กำลังยืนสูบบุหรี่พิงกระโปรงรถอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไรสักนิดก่อนจะละสายตากลับมามองแฟนตัวร้ายของน้องสาว

“นายก็นอนกับพี่ชายนายไปแล้วกัน ส่วนฉันก็จะนอนกับน้องสาวของฉัน”

“หึ... เห็นทีจะไม่ได้ ทริปนี้มันฮันนีมูนนะครับแหม่ จะให้สามีภรรยาแยกห้องกันนอนได้ยังไงละครับ”

ฉันเม้มริมฝีปากพลางจ้องหน้าซานฟรานนิ่ง คิดไว้ไม่มีผิดว่าหมอนี่จะต้องมาสร้างปัญหาให้กับฉันแน่ ๆ!

“อืม... งั้นก็ได้”

“พี่พลอย...” แหวนเพชรกระตุกแขนฉันแรง ๆ รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของสองพี่น้องตัวร้าย เหอะ! ถ้าคิดว่าฉันจะยอมง่าย ๆ ละก็…พวกนายคิดผิดแล้ว!

“ไปแหวนเพชร...พวกเรานั่งเครื่องกลับกันตอนนี้เลย” ฉันว่าพลางดึงแขนแหวนเพชรที่ทำหน้าเหลอหลามองซ้ายทีขวาที

เรื่องอะไรจะอยู่ต่อละ! ถ้าจะให้ฉันนอนร่วมห้องกับผู้ชายนิสัยเสียแถมยังเอาแต่ใจเป็นที่หนึ่งอย่างฟรานซิสล่ะก็ สู้กลับไปฟังเสียงแม่บ่นยังจะดีซะกว่าเลย!

หมับ!

“อย่ามาตลก...”

ฉันตวัดสายตากลับมามองเจ้าของฝ่ามือหนาที่คว้าต้นแขนฉันเอาไว้ ฟรานซิสทิ้งบุหรี่ในมือลงบนพื้นก่อนใช้ปลายเท้าบดขยี้มัน แล้วเงยหน้าขึ้นมองกันด้วยสายตานิ่งเรียบไร้ซึ่งอารมณ์ใดใด...

เชื่อเลย...หมอนี่มันหลายอารมณ์จริง ๆ!

“ฉันไม่ได้ใช้เวลาขับรถมาเป็นวัน ๆ เพื่อให้เธอหนีกลับหรอกนะ! อย่าได้คิด!”

“มานี่เลยยัยตัวแสบ”

“อ๊ะ! ปล่อยนะ!” มือบางของแหวนเพชรผละออกจากแขนฉันเมื่อซานฟรานเดินเข้ามากระชากร่างบางออกไป “พี่พลอย... โอ๊ยอย่าดึงสิซาน!”

“ยัยเพชร!” ฉันก้าวขาไปข้างหน้าเพื่อหวังจะตามแหวนเพชรที่ถูกซานฟรานลากเข้าไปด้านในบ้านพักตากอากาศหลังหนึ่งที่ฉันเพิ่งจะสังเกตเห็น หากทว่าฝ่ามือหนาของฟรานซิสกลับเลื่อนจากต้นแขนลงมาที่ฝ่ามือของฉัน เขาประสานมันไว้แน่นจนฉันต้องหันกลับไปมอง “ทำบ้าอะไร! ปล่อย!”

ฉันพยายามสะบัดมือแล้วใช้มืออีกข้างแกะมือหนาของเขาออก ฟรานซิสแค่นหัวเราะคล้ายกำลังสนุกก่อนจะจับมือข้างนั้นของฉันแล้วออกแรงกระชากเข้าหาตัวเขา ร่างกายของเราแนบชิดกันจนน่าใจหาย ใบหน้าอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ เขาจงใจก้มหน้าลงมาใกล้ฉันมากขึ้น แถมยังกระตุกยิ้มร้าย หมอนี่มัน...อันตรายเกินไปแล้ว!

“ไง... ดิ้นต่อสิ แลกกัน เธอดิ้น... ฉันจูบ”

“...” ฉันเม้มปากแน่นพลางด่าทอเขาทางสายตาแทน สารภาพตามตรงเลยว่าตามอารมณ์หมอนี่ไม่ทัน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย โอ๊ยยย! เขามันเป็นผู้ชายที่น่าโมโหที่สุดเลยยย!!

ฉันเบิกตากว้างขึ้นมาทันทีเมื่อรู้สึกถึงระยะห่างที่เริ่มลดลงเรื่อย ๆ ฟรานซิสกระตุกยิ้มร้ายกาจ แววตาเขาเต็มไปด้วยความสนุกที่ได้แกล้งกัน แต่ฉันไม่ได้สนุกไปกับเขาเลยสักนิด จะขัดขืนก็ไม่ได้ จะผลักไสก็ไม่มีแรงไปเสียดื้อ ๆ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเพราะอะไร เพียงแค่สัมผัสอบอุ่นจากฝ่ามือของเขาที่วางอยู่บนเอวคอดของฉัน หรือแม้แต่ลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดผิวแก้มในระยะประชิด มันปั่นป่วนความรู้สึกจนสมองฉันพร่าเบลอไปหมด และทันทีที่ริมฝีปากของเขาสัมผัสลงมาแผ่วเบา...

Rrr…

ฉันสะดุ้งตกใจเมื่อจู่ ๆ เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นก่อนจะรีบผลักใบหน้าเขาออกสุดแรง ฟรานซิสสบถเบา ๆ พลางชักสีหน้าหงุดหงิด เขาล้วงมือข้างหนึ่งเข้ากระเป๋าเพื่อหยิบโทรศัพท์แล้วค่อย ๆ คลายอ้อมกอดจากเอวของฉันจนเป็นอิสระในที่สุด ฉันจึงสบโอกาสรีบเดินหนีเข้าไปด้านในอีกรอบด้วยใบหน้าที่ร้อนฉ่าและเสียงหัวใจที่เต้นผิดจังหวะ แต่ผู้ชายนิสัยเสียกลับคว้าข้อมือฉันเอาไว้อีกครั้ง ฉันไม่กล้าแม้แต่จะหันหน้ากลับไปมองเขาด้วยซ้ำ ทำได้แค่ยืนกัดริมฝีปากตัวเองแรง ๆ และปล่อยให้เขาจับมืออยู่อย่างนั้น

“เออ! โทรมาได้จังหวะจริงนะไอ้น้องเวร!”

ฟรานซิสกดรับสายด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ฟังจากคำพูดของเขาก็เดาได้ไม่ยากว่าปรายสายคงจะเป็นซานฟรานที่ตอนนี้อยู่ในบ้านพักเรียบร้อยแล้ว และพอฉันเบนสายตาไปมองทางชานระเบียบของบ้านพักตากอากาศหลังนั้นก็พบกับสายตาเจ้าเล่ห์ที่มาพร้อมกับรอยยิ้มร้ายกาจของคนที่โทรเข้ามา

ให้ตายสิ! พี่น้องสองคนนี้ร้ายกาจไม่แพ้กันเลยสักนิด! ถามตัวเองรอบที่พัน! ทำไมฉันกับแหวนเพชรต้องมาพัวพันกับผู้ชายตัวร้ายตระกูลนี้ด้วย!

บทก่อนหน้า
บทถัดไป