บทที่ 6 ลองดูสักตั้ง

บรรยากาศยามเช้าหลังฝนตก เกวลินยังคงนอนซุกผ้าห่มอยู่บนเตียงนุ่ม อารมณ์ของเธอไม่ดีนัก เธอไม่ได้เจอหน้าสิงห์มาหลายวันแล้ว ไม่รู้ว่าเขาหลบหน้าเธอหรือช่วงนี้เขางานเยอะกันแน่ แต่ก็อดน้อยใจไม่ได้

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น คนตัวเล็กไม่มีอารมณ์รับสาย เธอปล่อยให้มันดังอยู่แบบนั้น แล้วก็เงียบไป ไม่นานก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง

“ใคร!!...โทรมาทำไม่นักหนา” เธอยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง ยกมือปิดหูทั้งสองข้าง ไม่ยอมรับสาย ไม่วายเสียงเงียบไป ก็ดังขึ้นมาอีกเป็นครั้งที่สาม

“ขอร้องเถอะพระเจ้า...ปล่อยฉันไปเถอะ” เกวลินดิ้นไปมาอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนที่จะยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์มากดรับทั้งที่ไม่ได้ดูชื่อว่าใครโทรเข้ามา

“ใคร!?”

ปลายสายตกใจน้ำเสียงของผู้ที่เพิ่งกดรับสาย “ดูทำเสียงเข้า”

เกวลินได้ยินเสียงคนที่โทรเข้ามาก็จำได้ทันทีว่าคือ 'จีน่า'

“มีอะไร?”

“ฉันจะชวนไปซื้อของ ปิดเทอมไม่มีอะไรทำเหงามาก”

“ไม่ไป”

คนตัวเล็กไม่อยากขยับตัวทำอะไรทั้งนั้น เธอห่อเหี่ยวมาก หัวสมองคิดแต่เรื่องของสิงห์

“ใช่สิ...ฉันมันไม่มีเพื่อน ไม่มีใครอยากคบกับฉันหรอก” จีน่าทำเสียงงอน

เกวลินแพ้ให้กับลูกไม้นี้ของจีน่าเสมอ “อืม...ไปๆ เดี๋ยวเจอกัน ฉันอาบน้ำแต่งตัวก่อน”

“ก็แค่นี้แหละ เล่นตัวนัก เจอกันนะจ๊ะที่รัก จุ๊บๆ” จีน่าเปลี่ยนเสียงทันที เธอรู้อยู่แล้วว่า เธอทำแบบนี้ยังไงเกวลินจะต้องรับปากแน่

เกวลินลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็กดเรียกรถให้ไปส่งที่จุดหมาย มาถึงหน้าห้าง เธอยกหูโทรศัพท์หาเพื่อนสนิท จีน่านั่งรออยู่ที่โซนร้านอาหาร พอเกวลินมาถึงก็ชวนกันไปดูเสื้อผ้า

“แล้วตกลงวันนั้นเป็นไงบ้าง แกบอกจะเล่าให้ฟังแล้วก็หายไปเลย” จีน่าถามเพื่อนสนิท แววตาอยากรู้อยากเห็น

คนตัวเล็กหน้าสลดลง “ฉันบอกเขาไปแล้ว”

“แล้ว? ..”

“ก็เหมือนเดิม เขาบอกว่าฉันเป็นเด็กแยกแยะไม่ได้หรอกว่าชอบคืออะไร” เกวลินพูดน้ำเสียงเศร้า

“ได้ไง...แล้วแกบอกเขาไหมว่าแกชอบเขามาตั้งแต่อายุสิบห้าอ่ะ ชอบมานานขนาดนี้ยังแยกแยะไม่ออกอีกเหรอ แกอายุยี่สิบสองแล้วนะเว้ย”

คนตัวเล็กถอนหายใจออกมา ส่ายหัวใบหน้าไม่มีรอยยิ้มหลงเหลืออยู่แล้ว “ไม่...ฉันบอกแค่ว่าชอบมานานแล้ว เลิกชอบไม่ได้ แต่นี่อาทิตย์นึงแล้ว ฉันไม่เจอเขาอีกเลย ไม่รู้เขาหลบหน้าฉันหรือเปล่า”

“โถ เพื่อนฉันน่าสงสาร” จีน่าดึงแก้มเพื่อนสนิทที่ตอนนี้สีหน้าไม่ดีนัก

ด้านสิงห์วันนี้เขามีคุยงานโปรเจกต์ใหม่ เหลือเวลาอยู่ครึ่งชั่วโมงจึงมาเดินเลือกซื้อของขวัญให้ลูกค้า

“สิงห์ฉัตรว่าอันนี้ก็ดีนะ ใช้ได้หลายโอกาส”

ชายหนุ่มใบหน้าเรียบนิ่งมองมาที่ของในมือผู้ช่วยสาว “อืม..อันนี้ก็ได้”

ฉัตรเป็นผู้ช่วยของสิงห์ ที่จริงแล้วก็เป็นเพื่อนในกลุ่มของสิงห์ด้วย เธอเป็นผู้หญิงเก่ง บุคลิกดี และรู้จักสิงห์เป็นอย่างดีว่าเป็นคนยังไง เป็นผู้ช่วยที่สิงห์ค่อนข้างไว้ใจ

“เหลืออีกตั้งยี่สิบนาที สิงห์จะซื้ออะไรเพิ่มไหม?” ฉัตรยิ้มถาม

“ไม่ล่ะ...เราไปรอลูกค้าเถอะ ปล่อยให้ลูกค้ามาก่อนไม่ค่อยดี”

ทั้งคู่จึงเดินไปทางด้านโซนร้านอาหารที่จองไว้

จีน่าเห็นสิงห์เดินมาแต่ไกล เธอรีบสะกิดเกวลิน

“ยัยเกลพี่สิงห์ของเธอเดินคู่มากับสาวใช่ไหม ดูสิ”

คนตัวเล็กมองไปตามที่เพื่อนชี้ หัวใจกระตุกวูบ ผู้หญิงคนนี้เธอไม่เคยเห็นมาก่อน หน้าตาสวย บุคลิกดีมาก เธอนิ่งค้างไปชั่วขณะหนึ่งก่อนจะหันหลังทำท่าจะเดินหนี

ยังไม่ทันได้ก้าวเดินก็โดนเพื่อนสนิทดึงไว้ “จะไปไหน ไม่อยากรู้เหรอว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”

“ไม่” คนตัวเล็กตอบเพียงสั้นๆ

“แต่ฉันอยากรู้” จีน่าดึงเกวลินเดินมาหาสิงห์

คนตัวเล็กไม่เต็มใจ แต่ในใจก็อยากรู้เหมือนกันว่าตกลงผู้หญิงที่อยู่ข้างสิงห์เป็นใคร

สิงห์เห็นแล้วว่าเกวลินกำลังเดินมาทางตน เขายังคงมีใบหน้าเรียบนิ่งไม่แสดงอารมณ์เช่นเดิม

“พี่สิงห์” เกวลินเรียกชื่อคนตรงหน้าไม่เต็มเสียงนัก ก่อนจะหันไปส่งยิ้มจางๆ ให้ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างเขา

“อืม” สิงห์เพียงตอบอืมอยู่ในลำคอ ทว่าสายตายังคงจับจ้องอยู่ที่เธอ

“สิงห์ใครเหรอ น้องสาวสิงห์เหรอ หน้าตาน่ารักเชียว” ผู้หญิงข้างสิงห์ยิ้มกว้างมองมาที่เกวลิน

“อืม”

เกวลินมองทั้งคู่สลับกัน ใบหน้ายังคงประดับยิ้มเล็กๆ ก่อนจะเอ่ยถามอ้อมๆ “พวกพี่มาเดินเล่นกันเหรอคะ?”

สิงห์ไม่ได้ตอบอะไร ก่อนจะยกนาฬิกาข้อมือดูเวลา

“พวกพี่มีนัดกับลูกค้าน่ะ” ฉัตรผู้ช่วยของสิงห์เอ่ยตอบ

เกวลินยิ้มมองผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างผู้ชายที่เธอชอบ ใบหน้าสวย แต่งกายดี บุคลิกท่าทางดูเป็นผู้ใหญ่ ในใจอดคิดน้อยใจขึ้นมาไม่ได้ เธอไม่มีอะไรสู้ผู้หญิงคนนั้นได้เลยสักนิด ในสายตาของสิงห์มองว่าเธอเป็นเด็กอยู่เสมอ

“อ้อค่ะ...งั้นพวกเราขอตัวนะคะ” เกวลินส่งยิ้มให้ทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร ทว่าหัวใจเธอชาไปหมดแล้ว

“อย่ากลับดึกนัก” สิงห์เอ่ยเสียงเข้มมองมาที่คนตัวเล็ก ก่อนจะเดินไป

“สิงห์ก็ทำเสียงดุไปได้ แต่น้องสาวสิงห์น่ารักนะ หน้าไม่เห็นเหมือนกันเลย”

“เด็กข้างบ้าน”

เกวลินได้ยินที่สิงห์พูดกับผู้หญิงคนนั้น ในสายตาเขาเธอก็เป็นได้แค่เด็กข้างบ้านสินะ

“เฮ้ย!! ทำไมหงอยแบบนั้น เขาก็บอกแล้วว่ามาทำงาน” จีน่าเห็นสีหน้าของเพื่อนไม่ดี เลยเดินเข้ามากอดคอปลอบ

“อืม”

“แต่ฉันว่าพี่สิงห์ของแกถึงจะหล่อมาก แต่ก็เย็นชาโคตร เขายิ้มเป็นไหมอะ แกชอบไปได้ไง”

“ก็ชอบไปแล้ว” เกวลินเอ่ยเสียงเบา

“พี่เขาห่างกับแกห้าปีเลยนะเกล แกทำใจไว้บ้างก็ดีนะ”

เกวลินมองหน้าเพื่อนสนิท เธอยังคงนึกถึงใบหน้าของสิงห์เมื่อครู่ ดูเหมือนว่าเขานิ่งและเฉยชากับเธอมาก ยิ่งคิดเธอยิ่งน้อยใจ

“จีน่า ฉันไม่อยากดูหนังแล้ว”

“ทำไม อีกนิดก็จะถึงโรงหนังอยู่แล้ว เธอจะเปลี่ยนใจง่ายๆ แบบนี้อะนะ”

หญิงสาวยื่นถังป๊อปคอร์น และแก้วน้ำให้เพื่อนก่อนจะหันหลังเดินหน้ามุ่ยออกไป

เพื่อนสนิทอ้าปากค้าง จีน่ารู้ว่าเพื่อนไม่โอเคจึงไม่ได้ตามไปกวน ปล่อยให้เกวลินได้ใช้ความคิดคนเดียวก่อน

ตื่นเช้ามาเกวลินก็รีบวิ่งไปเปิดม่านดูที่หน้าต่างเหมือนทุกวัน วันนี้เธอเห็นรถของสิงห์จอดอยู่ที่บ้าน จึงแปลกใจเล็กน้อย หลายวันที่ผ่านมาเธอมักจะแอบมองเขาทุกเช้า แต่ไม่ค่อยเห็นรถเขาจอดอยู่

“ใครสนกัน อยู่ก็อยู่สิ ไม่อยากเห็นหน้า” เธอบ่นพึมพำเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ

“แม่คะ วันนี้มีอะไรกินบ้าง?” ลงมาจากห้องนอนก็เดินมาอ้อนแม่ของเธอเหมือนทุกวัน

“ลูกคนนี้... ของโปรดแกไงล่ะ เห็นบ่นว่าอยากกินแกงกะหรี่ญี่ปุ่น แม่ทำเผื่อบ้านของน้าศศิด้วย อิ่มแล้วอย่าลืมยกไปให้ล่ะ เดี๋ยวแม่จะออกไปสระผม”

“หอมจัง...” เกวลินทำเป็นไม่ได้ยินที่แม่สั่ง เธอเดินไปหยิบจานมาตักแกงร้อนๆ ราดลงบนข้าวถือมานั่งทานที่โต๊ะอาหาร

“ยัยเกล แม่พูดได้ยินไหม?”

“หนูได้ยินแล้ว หนูยังไม่อิ่มนิ่คะ แม่รีบก็เดินไปให้เองเลย”

“เดี๋ยวเถอะนะ ต่อปากต่อคำจริงๆ”

เกลหันไปยิ้มให้ผู้เป็นแม่ที่อยู่ในครัว ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทานด้วยความหิว เธอไม่ได้กินข้าวตั้งแต่บ่ายเมื่อวาน พอทานเสร็จก็นั่งชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง เธออยากไปเจอสิงห์ แต่อีกใจก็ไม่อยากไปเจอให้เขาอึดอัดใจ แต่ก็ตัดสินใจลุกไปหยิบกล่องอาหารที่แม่เตรียมไว้เดินออกจากบ้าน มุ่งหน้าไปที่บ้านของสิงห์

เธอเดินเข้ามาเห็นสิงห์กำลังนั่งทำงานอยู่ที่โถงรับแขก กวาดสายตามองไปรอบๆ ไม่เห็นแม่ของเขาก็ยืนนิ่งอยู่แบบนั้น ไม่กล้าเอ่ยทัก

สิงห์เงยหน้าขึ้นมามองพอดี เขาขมวดคิ้วถอดแว่นวางไว้ข้างๆ “มีอะไรหรือเปล่า ทำไมไม่เข้ามา”

“คุณน้าอยู่ไหมคะ?”

“คุณแม่ไปข้างนอก”

“ออ...คุณแม่ให้เอาแกงกะหรี่มาให้ค่ะ” เธอยกกล่องอาหารขึ้นมาอยู่ในระดับสายตาให้เขาเห็น

“อืม..ฝากขอบคุณคุณน้าด้วย เอาไปไว้ในครัวให้ที”

คนตัวเล็กถอนหายใจ บ่นพึมพำอยู่ในใจ ‘ไม่สนใจกันแล้วยังมาใช้อีก ไม่เอาไปเก็บเองล่ะ’ ค้อนตาลับหลังเขา เธอก็เดินหน้ามุ่ยเข้าไปในครัว

เดินออกมาก็เห็นสิงห์ยังคงนั่งทำงานอยู่ ด้วยความน้อยใจที่เขาเมินเธอมาตลอดหลายวัน จึงไม่ได้พูดอะไรอีกเพียงเดินเบี่ยงไปอีกทางเพื่อกลับบ้าน

“เกล”

คนตัวเล็กชะงักเท้า หันกลับมาหาสิงห์ “คะ?”

“มานี่หน่อย”

ชายหนุ่มก้มหยิบของในกระเป๋าออกมายื่นให้เธอ

คนตัวเล็กมองกล่องที่มือของสิงห์ครู่หนึ่ง ไม่ได้รับมาโดยทันที

“อะไรคะ?” เธอเอ่ยถามสีหน้าสงสัย

“รับไปสิ...วันนั้นบอกว่าสอบเสร็จขอของขวัญไม่ใช่เหรอ”

“ออ” คนตัวเล็กยื่นมือไปรับในใจรู้สึกดีใจมาก แต่เธอยังคงเก็บอาการทำหน้านิ่ง “ขอบคุณนะคะ”

“อืม”

เธอมองเขาอย่างชั่งใจ ก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเบา “นึกว่าพี่จะลืมไปแล้ว”

สิงห์ไม่ได้พูดอะไรเพียงช้อนสายตามองคนตัวเล็กนิ่ง

“เกลนึกว่าพี่จะไม่สนใจเกลแล้ว นึกว่าพี่จะโกรธที่เกลรู้สึกแบบนั้นกับพี่”

“ในหัวของเธอมีแต่อะไร เอาเวลาไปคิดเรื่องเรียนให้มันเยอะๆ”

คนตัวเล็กยิ้มเจื่อน เธอโดนเขาสอนอีกจนได้ “ค่ะ แต่พี่เลิกพูดว่าเกลเด็กสักทีได้ไหม เกลไม่ชอบ”

“ไม่ได้”

เกวลินถอนหายใจเสียงดังตั้งใจให้สิงห์ได้ยิน “งั้นก็แล้วแต่พี่เถอะ”

สิงห์ยกยิ้มเหมือนจะแกล้งคนตัวเล็กได้สำเร็จ

เกวลินยืนมองชายหนุ่มตรงหน้า มือกระชับกล่องของขวัญแน่นท่าทางใช้ความคิด ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยถามออกมา “ผู้หญิงที่เจอที่ห้างวันนั้น แฟนพี่สิงห์เหรอคะ?”

สิงห์ชะงักมือที่กำลังจะพิมพ์อีเมลตอบลูกค้า ขมวดคิ้วเงยหน้าขึ้นมามองคนตัวเล็กสายตาของทั้งคู่สบกันพอดี

“ไม่ใช่เรื่องของเด็กกลับไปได้แล้ว พี่ไม่มีสมาธิทำงาน”

เกวลินก้มหน้าเม้มปากน้อยใจ อะไรๆ ก็ว่าเธอเด็ก “วันไหนเกลเลิกชอบพี่ได้คงดี” เธอตั้งใจพูดให้สิงห์ได้ยิน พูดจบก็เดินออกไปทันที สิงห์มองตามหลังคนตัวเล็กจนเธอเดินไปสุดสายตา พลางส่ายหัวก่อนจะก้มหน้าทำงานต่อ

เกวลินเดินกลับมาถึงบ้านก็เดินหน้ามุ่ยขึ้นห้องไป เธอยังคงอารมณ์ไม่ดี มองกล่องของขวัญที่อยู่ในมือก่อนจะโยนไปที่เตียง ท่าทางไม่สบอารมณ์

“ใครอยากได้กันล่ะ ไม่รู้สึกแล้วมาทำดีด้วยทำไม พี่มันคนใจร้าย”

เธอยืนจ้องของขวัญที่ถูกโยนไปเมื่อครู่ ก่อนจะเดินอ้อมไปหยิบมาค่อยๆ นั่งแกะอย่างระมัดระวัง เปิดออกมาเป็นสมาร์ทวอทช์รุ่นล่าสุดที่เธออยากได้อยู่พอดี จึงอดอมยิ้มออกมาไม่ได้ “น่ารักจัง สายสีชมพูด้วย”

คนตัวเล็กนั่งจ้องของขวัญที่สิงห์ให้ยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่อยู่แบบนั้น อารมณ์น้อยใจหายไปเสียแล้ว

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เกวลินเห็นที่หน้าจอสมาร์ทวอทช์ขึ้นโชว์ชื่อ 'จีน่า' โทรเข้ามาจึงเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะมากดรับสาย

“ว่าไงจ๊ะ?”

จีน่าโทรหาเพื่อนสนิทเพราะนึกเป็นห่วง ไม่คิดว่าน้ำเสียงเพื่อนจะดูมีความสุขขนาดนี้

“ไปกินอะไรผิดมาหรือเปล่าฮะ?”

“คนกำลังมีความสุข” คนตัวเล็กคุยกับเพื่อนไป พลางมองข้อมือยิ้มมีความสุขไป

“ฉันอยากให้เธอดูหน้าตัวเองเมื่อวันก่อนจริงๆ ทำไมพี่เขาขอเธอเป็นแฟนแล้วเหรอ?”

เกวลินหุบยิ้มลงทันทีที่ได้ยินเพื่อนสนิทเอ่ยแซว “เปล่าหรอก พี่สิงห์ให้ของขวัญฉัน”

“ห๊ะ!! ยังไม่ถึงวันเกิดเธอนิ่ เนื่องในโอกาสอะไรอะ พี่สิงห์เขาชอบเธอปะเนี่ย อยู่ๆ ก็ซื้อของขวัญให้เหรอ?” จีน่าเสียงแหลมถามด้วยความตื่นเต้น

“หูฉันจะแตก ฉันเคยแกล้งพูดว่าสอบเสร็จจะขอของขวัญจากเขา คิดว่าเขาลืมแล้ว แต่เขาเพิ่งให้ฉันเมื่อวาน”

“ไม่ถูกต้อง... เขาดูใส่ใจแก ดูให้ความหวัง มาถึงขนาดนี้แล้วบุกเลยเชื่อฉัน”

เกวลินใจลอยคิดตามที่เพื่อนสนิทพูด “แล้วถ้าผลออกมาว่าเขาไม่ได้ชอบฉันล่ะ เสียใจนะ”

“ทุกวันนี้ แกไม่เสียใจอยู่เหรอคะสาว ฉันให้แกรุกใส่เขา ถ้าเขาชอบแกกลับก็ถือว่าแกกำไรนะ จะได้ไม่ต้องมานั่งมโนคิดเองเออเอง แต่ถ้าพี่เขาไม่ชอบแกจริงๆ แกก็จะได้ไม่เสียใจมากไปกว่านี้ ยังไงแกก็พยายามแล้วจริงไหมล่ะ”

“อืม...มันก็จริง” คนตัวเล็กเอ่ยเสียงเบา สีหน้าแววตาแสดงออกว่าคิดหนัก ลังเลใจว่าควรจะทำตามที่เพื่อนแนะนำดีไหม

“เชื่อฉันเถอะ แกจะได้มูฟออนสักที อยู่แบบนี้ก็ไม่มีอะไรชัดเจน”

“รู้แล้วๆ แค่นี้แหละ” เกวลินกดวางสายใส่เพื่อนสนิท ทิ้งตัวนอนแผ่อยู่บนเตียง แต่สิ่งที่จีน่าพูดมันก็ถูก เธอเสียเวลามาเจ็ดปีแล้ว บางทีเธออาจโตพอที่จะยอมรับความเจ็บปวดได้แล้ว

“เอาว่ะ!! ลองดูสักตั้ง เกลจะทำให้พี่สิงห์ชอบเกลให้ได้”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป