บทที่ 7 ทำไมต้องดุด้วย

เกวลินตื่นแต่เช้าตั้งใจว่าจะไปหาแม่ของสิงห์ แต่ในใจลึกๆ เธออยากไปหาพี่สิงห์ของเธอนั่นแหละ หลังจากเลือกชุดอยู่นานแต่งตัวเสร็จก็เดินลงมาข้างล่าง เห็นแม่เธอกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โถงรับแขก

“คุณแม่หนูไปบ้านน้าศศินะคะ”

“ไปแค่นี้ แต่งตัวอะไรของแก”

แม่ของเกวลินมองลูกสาวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า วันนี้เธอแต่งตัวด้วยมินิเดรสสีชมพู เข้ากับสมาร์ทวอทช์สีชมพูที่สิงห์เพิ่งซื้อให้เธอ ปกติเกวลินอยู่บ้านจะใส่แค่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นเท่านั้น แต่ครั้งนี้ดูแปลกไปจนแม่ของเธอยังเอ่ยทัก

คนตัวเล็กยกมือเกาต้นคออมยิ้มเขิน “หนูโตแล้วก็เปลี่ยนสไตล์บ้างไม่เห็นแปลกตรงไหนเลย ไม่คุยกับคุณแม่แล้ว” พูดจบเธอก็วิ่งอารมณ์ดี ข้ามมาบ้านของสิงห์

“คุณน้าสวัสดีค่ะ”

แม่ของสิงห์กำลังนั่งดูโทรทัศน์พอเห็นว่าเกวลินมาหาก็ยิ้มกว้าง “ลมอะไรหอบยัยหนูเกลคนสวยของน้ามา หืม..”

เกวลินส่งยิ้มให้แม่ของสิงห์ พลางกวาดสายตามองหาพี่สิงห์ของเธอ ตอนเดินเข้ามามองเห็นรถคิดว่าเขาอยู่บ้าน แต่ไม่เห็นตัวคนอยู่ในบ้าน

“เห็นว่าคุณน้าไปดูงานที่ต่างจังหวัดมาสนุกไหมคะ?” คนตัวเล็กเดินไปนั่งข้างแม่ของสิงห์ทำตัวเล็กตัวน้อยอ้อนตามเคย

“เด็กขี้อ้อน” แม่ของสิงห์จับแก้มของเธอด้วยความเอ็นดู “สนุกที่ไหนกันเหนื่อยนะสิ”

สิงห์เดินลงมาจากด้านบน มองมาเห็นยัยเด็กข้างบ้านกำลังอ้อนแม่ของเขาอยู่ก็หรี่ตามองครู่หนึ่ง

เกวลินได้ยินเสียงคนเดินลงมาคิดว่าเป็นพี่สิงห์ของเธอแน่นอนจึงหันไปส่งยิ้มกว้างให้เขา ก่อนจะหันมาคุยกับแม่ของสิงห์ต่อ

“ช่วงนี้เกลปิดเทอมเบื่อมากเลยค่ะ อยากหาอะไรทำ”

“ตาสิงห์ช่วงนี้น้องปิดเทอม พาน้องไปทำงานด้วยสิ เผื่อจะได้ช่วยอะไรแกได้บ้าง”

เข้าแผนเกวลินพอดี เธอรู้ว่าแม่ของสิงห์จะต้องคิดแบบนี้แน่นอน เพราะเอ็นดูเธอมาก

“ช่วงนี้บริษัทผมยุ่ง กลัวจะไม่มีเวลาสอนงานเกลสิครับแม่”

เกวลินไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดมือ “แต่เกลอยากไปลองดูจริงๆ นะคะ เกลทำได้ทุกอย่างเลย อยู่บ้านเบื่อจะแย่”

สิงห์มองคนตัวเล็กที่ตอนนี้แววตาเป็นประกาย ผ่อนลมหายใจออกมา เขาไม่อยากพูดให้มากความ “ก็ลองไปดู แต่อย่ามาบ่นว่าเหนื่อยแล้วกัน”

เกวลินหันไปยิ้มกับแม่ของสิงห์ ก่อนจะหันมาตอบสิงห์ใบหน้าจริงจัง “ไม่บ่นแน่นอนค่ะ”

วันนี้เป็นวันแรกที่สิงห์พาเกวลินมาทำงานที่บริษัทด้วย เธอเดินยกมือสวัสดีทุกคนตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าประตูบริษัทมาจนถึงห้องทำงานของสิงห์

“เอ้า!! น้องเกล” ฉัตรผู้ช่วยสิงห์เดินมาทักสีหน้ายิ้มแย้มเป็นกันเอง

“สวัสดีค่ะพี่ฉัตร” เกวลินเอ่ยทักส่งยิ้มบางตามมารยาท

“ฉัตรเดี๋ยวเกลจะมาทำงานด้วยนะ ช่วงนี้ปิดเทอม ยังไงฝากดูด้วย”

เกวลินได้ยินที่สิงห์บอกกับฉัตร เธอหันขวับไปมองสิงห์ทันที คิดว่าเขาจะสอนเธอเอง ทำไมกลายเป็นให้คนชื่อฉัตรอะไรนี่มาคอยดูเธอล่ะ

ฉัตรใบหน้ายังคงประดับยิ้ม “แล้วจะให้น้องนั่งตรงไหนดี”

สิงห์ปรายตามามองคนตัวเล็ก ก่อนจะหันไปตอบผู้ช่วยสาว “นั่งในห้องทำงานผมก็ได้ รบกวนจัดโต๊ะมาให้ชุดนึงแล้วกัน”

“น้องเกลจะเอาอะไรเพิ่มไหมจ๊ะ” ฉัตรหันมาถามเกวลินที่กำลังก้มหน้าคิดอะไรอยู่

“ห๊ะ!! ไม่แล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ” เกวลินส่งยิ้มบางให้ผู้ช่วยของสิงห์ก่อนจะเดินตามเขาเข้ามาในห้องทำงาน

“โต๊ะทำงานของพี่ฉัตรอยู่ไหนคะ?” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย

สิงห์ขมวดคิ้วมองหน้าคนตัวเล็ก แต่เขาไม่ได้ตอบอะไร

เมื่อถามแล้วเขาไม่ตอบ เธอก็ไม่อยากถามย้ำ เพียงทำหน้ามุ่ยเดินไปนั่งที่โซฟา

“มาทำงานก็เป็นเหมือนพนักงานของที่นี่คนหนึ่ง อย่าสร้างเรื่องเด็ดขาด”

คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมามองสิงห์ “ไม่ใช่เด็กแล้วนะ”

สิงห์ยกยิ้มส่ายหัว “แล้วทำอะไรเป็นบ้าง”

“ทำได้หมดเลย แต่เกลอยากทำงานกับพี่ไม่อยากทำงานกับคนอื่น”

คนตัวเล็กเท้าคางยกยิ้มมองไปที่พี่สิงห์ของเธอ

สิงห์นึกไม่ออกว่าจะให้เกวลินทำอะไร เพียงให้เธอนั่งเล่น เดินสำรวจห้องทำงานอยู่แบบนั้น คนตัวเล็กไม่รู้จะทำอะไร จึงได้แต่ลุกชงกาแฟ เอาน้ำให้เขา เดินเล่นลุกบิดขี้เกียจ แล้วก็นั่งมองสิงห์ทำงาน

สิงห์เงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนตัวเล็กที่กำลังมองเขาอยู่

“มองอะไร?” เขาเอ่ยถามเสียงเรียบ

“ทำไมพี่หล่อจัง” เธอยิ้มกริ่มเอ่ยถามขณะที่สายตายังคงมองที่สิงห์อยู่

“สงสัยจะว่างเกินไป” สิงห์ลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอกหายไปพักใหญ่ก่อนจะเดินเข้ามา

“พี่สิงห์ไปไหนมาคะ?”

“หางานให้ทำ”

“ไหนคะ?” คนตัวเล็กยิ้มถามเธอเองก็เบื่อแล้ว อยากทำอะไรสนุกๆ

“เดินตามมา”

สิงห์พาคนตัวเล็กเดินไปด้านนอก โดยมีสายตาของพนักงานหลายคู่มองอยู่ เกวลินเดินตามสิงห์เห็นใครก็ยิ้มให้เขาหมด ทีมวิศวะไอทีมายืนเกาะกระจกมุงดูความน่ารักที่พนักงานแผนกอื่นต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน พอได้เห็นก็ใจเหลวไปตามๆ กัน

เกวลินเดินตามมาจนเห็นกองกระดาษที่อยู่ตรงหน้า เธอเอียงหน้ามองด้วยความสงสัย

“พี่สิงห์ไหนว่าจะให้เกลมาทำงานคะ”

“นี่ไง ค่อยๆ นั่งย่อยเอกสารไปเรื่อยๆ จะได้ไม่ว่าง”

เธอเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม ส่งสายตาค้อนให้เขา “พี่สิงห์กำลังแกล้งเกลเหรอ?”

“พี่จะแกล้งได้ยังไง นี่ก็เรียกว่างานเหมือนกัน อยากทำงานก็ต้องหัดให้เป็นทุกอย่างจะได้มีความอดทน”

“ค่ะ...ก็แค่ย่อยเอกสาร ทำไมจะทำไม่ได้”

เธอมองที่กองเอกสารกองใหญ่ผ่อนลมหายใจออกมา ‘กองใหญ่ขนาดนี้ กี่วันจะเสร็จ’ หญิงสาวบ่นอยู่ในใจก่อนจะปั้นหน้าส่งยิ้มประชดไปที่ชายหนุ่ม

“ทำให้เรียบร้อยล่ะ” สิงห์พูดจบก็หันหลังเดินกลับห้องทำงานไป

“เยอะขนาดนี้ชาติไหนจะเสร็จ แกล้งกันชัดๆ” หญิงสาวบ่นพึมพำ มือก็จับแยกกระดาษที่มีลวดเย็บ กับไม่มีลวดเย็บแยกออกเตรียมย่อย

ถึงเวลาพักกลางวัน สิงห์ก็ให้ผู้ช่วยเดินมาเรียกเธอให้ไปกินข้าวพร้อมเขา เกวลินไม่พูดกับสิงห์แม้แต่คำเดียว เธองอนที่เขาแกล้งเธอแบบนี้ พอกินเสร็จก็กลับไปทำงานต่อ ในเมื่อเขาแกล้งอยากให้เธอถอดใจ แต่เธอไม่ถอดใจหรอก ใครจะไปยอมแพ้ง่ายๆ ไม่มีทาง

“เกลเห็นว่ามาทำงานช่วงปิดเทอมเหรอ?” เป็นชิณเดินเข้ามาทักเธอ เกวลินเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มบางให้เป็นมารยาท

“พี่ชิณ”

“ใครให้มาทำเนี่ย หน้าที่แม่บ้านไม่ใช่เหรอ”

เธอยิ่งได้ยินแบบนี้ ก็ยิ่งคิดแค้นสิงห์ ได้แต่กัดฟันแค่นยิ้ม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาตอบชิณ “ไม่เป็นไรค่ะ งานแค่นี้เอง เกลไม่รู้ว่าจะช่วยทำอะไร”

“เกล...คือวันนั้นพี่ขอโทษนะ พี่เมาขาดสติน่ะ”

เกวลินส่ายหัวยิ้มให้ชิณ “ไม่เป็นไรค่ะ พี่ชิณไม่ได้ทำอะไรเกลสักหน่อย แค่วันนั้นเกลตกใจไปนิดนึงเอง”

“ยังไงพี่ก็ต้องขอโทษเกลอีกครั้ง พี่ไม่อยากให้เกลเข้าใจผิด แล้วกินข้าวหรือยัง?”

“กินแล้วค่ะ”

ชิณทำท่าจะนั่งคุยกับเกลต่อ แต่สิงห์โทรมาให้ไปหาที่ห้องทำงานเสียก่อน

“งั้นพี่เข้าไปคุยงานกับไอ้สิงห์ก่อนนะ”

“ค่ะ”

คนตัวเล็กยังคงนั่งแกะลวดเย็บออกจากเอกสาร เธอเริ่มรู้สึกง่วงสัปหงกอยู่หลายครั้ง บิดขี้เกียจก็แล้ว เดินไปดื่มน้ำก็แล้ว เผลอแป๊บเดียวก็เท้าคางหลับคากองเอกสารไปเสียแล้ว คนที่เดินผ่านมาต่างยิ้มให้กับความน่ารักของเธอ พนักงานหนุ่มเพิ่งจบใหม่บางคนถึงกับแอบถ่ายรูปสาวน้อยไว้ สิงห์เดินออกมาเห็นคนตัวเล็กเผลอหลับ มีพนักงานหนุ่มยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองอยู่ ก็ขมวดคิ้วก้าวเท้ายาวเดินมาทางคนตัวเล็กทันที

“เกล!!”

คนตัวเล็กได้ยินเสียงเรียกของสิงห์ ก็สะดุ้งลืมตาขึ้น

“พี่สิงห์”

เธอเรียกชื่อเขาพลางยกมือขยี้ตาปรับแสง ก่อนจะบิดขี้เกียจไม่แคร์สายตาดุของชายหนุ่มแม้แต่น้อย

“ง่วงมากไหม? ง่วงก็ไม่ต้องมาทำแล้วงาน” สิงห์เอ่ยถามเสียงเข้ม

คนตัวเล็กเงยหน้ามองสิงห์น้ำตาคลอ “ทำไมต้องเสียงดังด้วย”

สิงห์ส่งสายตาเย็นมองไปที่เกวลิน เขาหมดคำจะพูดกับเธอแล้ว

เกวลินรู้ตัวแล้วว่าเขากำลังไม่พอใจ ค่อยๆ ก้มหน้าลง “ขอโทษค่ะ ครั้งหน้าจะไม่ทำแล้ว”

สิงห์ไม่พูดอะไร เดินเบี่ยงออกไปทันที วันนี้เขามีนัดกับลูกค้าด้านนอก

พอสิงห์ออกไป พนักงานหนุ่มๆ ก็พากันมาลุมถามชื่อเธอ บ้างก็มาช่วยแกะลวดเย็บกระดาษ

“น้องเกลมีแฟนยังครับ?”

เธอส่ายหัวยิ้มตอบ “ไม่มีค่ะ”

“เรียนอยู่เหรอครับ ใกล้จบยัง?” พนักงานหนุ่มยิ้มถาม

“ค่ะ เหลืออีก 1 ปีค่ะ พวกพี่ไม่ทำงานกันเหรอคะ?เดี๋ยวโดนพี่สิงห์ดุเอานะ”

“เจ้านายออกไปคุยงานกับลูกค้า น่าจะกลับมาเย็นๆ นู้น เราพักก่อนก็ได้นะ”

โอ๊ย!!! เกวลินแกะลวดเย็บกระดาษพลาด จึงโดนบาดที่นิ้ว

“เลือดไหลเยอะเลย!!” พนักงานหนุ่มที่มาชวนคนตัวเล็กคุย พอเห็นเลือดต่างก็ทำอะไรกันไม่ถูก ชิณนั่งทำงานอยู่ในห้อง พอรู้เรื่องก็วิ่งออกมาดูทันที

“เกลเลือดไหลเยอะเหมือนแผลจะลึกเลยไปหาหมอดีกว่า”

คนตัวเล็กตกใจที่เลือดไหลเยอะ ร้องไห้ไม่หยุด ชิณค่อยๆ ประคองเธอมาขึ้นรถขับไปโรงพยาบาล

“เจ็บมากไหม? ทนหน่อยนะใกล้ถึงแล้ว” ชินหันมาปลอบเธอเป็นระยะ

คนตัวเล็กกำแผลไว้แน่นเธอรู้สึกเจ็บและปวดบริเวณแผลมาก ผ้าที่ใช้พันแผลมาเหมือนจะชุ่มไปด้วยเลือด

มาถึงโรงพยาบาลหมอก็เข็นเธอไปห้องทำแผล ชิณรออยู่ด้านนอก รีบโทรศัพท์หาสิงห์ทันที

สิงห์คุยงานกับลูกค้าจึงกดตัดสายทิ้ง ชิณโทรไปอีกครั้ง สิงห์ก็กดตัดสายทิ้งอีก เป็นที่รู้กันว่าตอนนี้สิงห์ยังไม่สะดวกรับสายจึงไม่โทรไปอีก

เมื่อสิงห์คุยงานกับลูกค้าเสร็จก็กดโทรออกหาชิณทันที

“โทรมามีอะไร?”

“มึง...เกลอยู่โรงพยาบาล”

“เกิดอะไรขึ้น!?”

“น้องแกะลวดเย็บกระดาษพลาดเลยโดนบาดมือ ตอนนี้หมอทำแผลอยู่  กูรออยู่ด้านนอก”

“อืม เดี๋ยวรีบไป”

มาถึงโรงพยาบาลสิงห์ก็ปรี่เข้ามาหาชิณที่นั่งรออยู่สีหน้าไม่ดีนัก

“ยังไม่ออกมาอีกเหรอว่ะ เห็นแผลไหม?”

“เลือดเยอะอ่ะ ไม่รู้ว่าลึกมากไหม”

สิงห์ถอนหายใจเฮือกใหญ่มองไปที่ประตูห้องทำแผล ไม่นานประตูห้องทำแผลก็เปิดออก บุรุษพยาบาลเข็นคนตัวเล็กออกมา ใบหน้าของเธอยังคงเปื้อนน้ำตาเหมือนน้ำตายังซึมอยู่ตลอด

“คุณหมอน้องผมเป็นยังไงบ้างครับ” สิงห์เอ่ยถามหมอที่เดินออกมาพอดี

“แผลค่อนข้างลึกนะครับ กรีดเป็นทางยาว แต่ไม่ถึงกับต้องเย็บอย่าพึ่งให้แผลโดนน้ำช่วงนี้ทำแผลทุกวันนะครับ”

“ขอบคุณมากครับ”

สิงห์ปรี่เข้าไปหาเกวลินทรุดตัวนั่งชันเข่าข้างเธอ

“เป็นไงบ้าง เจ็บไหม?”

พอเห็นหน้าสิงห์เกวลินก็เบะปากร้องไห้ออกมาอีกครั้ง

“ไม่ร้องแล้วนะ...พี่ขอโทษ” สิงห์น้ำเสียงอ่อนลง ยกมือเช็ดน้ำตาให้คนตัวเล็ก

ชิณยืนมองอยู่ข้างๆ เขาเองก็ทำอะไรไม่ถูก เวลาที่คนตัวเล็กร้องไห้ใครเห็นก็ปวดใจทั้งนั้น

“กูพาเกลกลับไปพักก่อน ขอบใจมาก” สิงห์ตบไหล่เพื่อนสนิท ก่อนจะเข็นรถเข็นพาคนตัวเล็กมาที่รถ เขาทำท่าจะประคองเธอให้ยืนขึ้น

“เกลเดินไม่ไหว” เธอเอ่ยน้ำเสียงอู้อี้ เนื่องจากเพิ่งผ่านการร้องไห้มา

สิงห์ยกคิ้วมองคนตัวเล็กที่กำลังนั่งทำหน้าตาน่าสงสารอยู่บนรถเข็น

“ขาก็เจ็บด้วยเหรอ?”

“ค่ะ เจ็บไปทั้งตัว พี่ต้องอุ้มเกลแล้วแหละ”

“งั้นพี่ทิ้งเราไว้นี่แล้วกัน ถ้าเดินขึ้นรถไม่ไหว ตัวหนักอุ้มไม่ไหวหรอก”

“พี่สิงห์!!” เธอค้อนสายตาใส่เบะปากทำท่าจะร้องไห้อีกครั้ง

“ทำตัวเป็นเด็กไปได้ กลับบ้านกันเถอะลุกเร็ว ขึ้นรถ”

เกวลินทำหน้าละห้อย “ไม่อุ้มจริงๆ เหรอ?”

“ไม่”

“ชิ...อ้อนหน่อยก็ไม่ได้” ดูท่าเขาคงไม่อุ้มเธอแน่ๆ ทำได้เพียงดันตัวลุกขึ้นเดินไปขึ้นรถแต่โดยดี

“ก็เดินได้นิ่” สิงห์อมยิ้มมองคนตัวเล็กที่กอดอกหน้ามุ่ยหันหน้าหนีไปทางอื่นเสียแล้ว

บทก่อนหน้า
บทถัดไป