บทที่ 9 อารมณ์น้อยใจ (2)
ด้านเกวลินเพิ่งกลับมาถึงบริษัท ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่มครึ่งแล้ว คนตัวเล็กเผลอหลับมาตลอดทาง ชิณปลุกอย่างไรก็ไม่ยอมตื่น เขาจึงไม่กล้าลงจากรถ เพียงสั่งให้ลูกทีมลงไปก่อน
สิงห์เห็นลูกทีมของชิณเดินมาแตะบัตรเลิกงานจึงเดินไปถามว่าชิณ กับเกวลินไปไหน ได้คำตอบว่าเกวลินหลับอยู่ในรถแล้วชิณปลุกไม่ตื่นเลยไม่กล้าทิ้งให้เธอนอนในรถคนเดียว
เมื่อรู้...สิงห์ก็รีบก้าวเท้ายาวเดินตรงไปที่รถของชิณ เขาเห็นชิณกำลังช้อนตัวอุ้มคนตัวเล็กที่กำลังหลับสนิทออกจากรถ ใบหน้าของเกวลินซบอยู่ที่อกของชิณ เธอเป็นคนขี้เซาหากหลับแล้วจะหลับลึก ข้อนี้สิงห์เองก็รู้ เขาชะงักเท้ามองครู่หนึ่งก่อนจะเดินไปหาเพื่อนสนิท
“เดี๋ยวมึงส่งเกลมาให้กู กูจะพาเธอกลับบ้านเลย”
ชิณก้มมองใบหน้าคนตัวเล็กที่หลับตาพริ้มซบอกเขาอยู่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปยิ้มกับสิงห์ “ขี้เซาจังวะ...ปลุกยังไงก็ไม่ตื่นน่ารักฉิบหายเลย”
สิงห์ยังคงหน้านิ่ง เดินไปรับคนตัวเล็กมาอุ้มไว้แทน “กูกลับก่อน กลับดีๆ”
“ไอ้สิงห์!!” ชิณเอ่ยเรียกสิงห์ น้ำเสียงจริงจังขึ้นไม่น้อย
สิงห์หันมามองชิณพลางขมวดคิ้ว “ว่า?”
“กูชอบเกลว่ะ กูอยากดูแลน้องมันจริงๆ แบบไม่ใช่เล่นๆ เหมือนผู้หญิงคนอื่น”
สิงห์ยังคงหน้านิ่ง ทว่าสายตาที่มองชิณเย็นเยียบอย่างบอกไม่ถูก
“กูเคยบอกมึงไปแล้ว มึงจะยุ่งกับใครกูไม่สน แต่ต้องไม่ใช่เด็กคนนี้ เกลไม่ทันมึงหรอก”
สิงห์ไม่รอให้ชิณพูดต่อ เขาหันหลังสาวเท้าเดินพาคนตัวเล็กไปขึ้นรถขับออกไปทันที
ใช้เวลาไม่นาน รถยนต์ของสิงห์ก็ขับมาจอดในโรงจอดรถ คนตัวเล็กที่หลับอยู่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะตื่น เขาค่อยๆ เขย่าแขนปลุกเธอ “เกลถึงบ้านแล้ว” ปลุกอยู่พักใหญ่กว่าจะทำให้เธอรู้สึกตัว
“อื้ม~~” เกวลินเพียงส่งเสียงอู้อี้ในลำคอ แต่ไม่ยอมลืมตา ก่อนจะพลิกตัวหันไปอีกทาง
“เกล..ดึกมากแล้ว ตื่นได้แล้ว จะได้เข้าบ้านไปนอนดีๆ เกล..” สิงห์โน้มตัวไปเขย่าตัวของคนตัวเล็ก ยกมือตีใบหน้าของเธอเบาๆ “เกล...ตื่น”
หัวคิ้วเกวลินขมวดเล็กน้อย เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้น ใบหน้าของชายหนุ่มอยู่ใกล้กับใบหน้าของเธอไม่ถึงคืบ คนตัวเล็กกะพริบตาถี่ สายตาของคนทั้งคู่สบเข้าหากัน “พี่สิงห์จะขโมยจูบเกลเหรอคะ?”
เมื่อได้ยินคนตัวเล็กถาม สิงห์ก็ยกนิ้วดีดไปที่หน้าผากของเธอ ก่อนจะผละตัวออก “ในสมองของเธอมันมีอะไรอยู่บ้าง”
“เกลเจ็บนะ” คนตัวเล็กค้อนสายตามองไปที่ชายหนุ่มตรงหน้า
“ก็ทำให้เจ็บ”
เกวลินยกแขนขึ้นกอดอก ทำหน้างอน “ใช่สิ ใครจะไปเหมือนผู้ช่วยพี่ล่ะ”
“เพ้อเจ้ออะไรไม่เข้าเรื่อง”
“ก็มันเรื่องจริง” เธอพึมพำเสียงเบา ทำท่าจะเปิดประตูรถก้าวลงจากรถ
“มาคุยกันก่อน” สิงห์กดเสียงต่ำ ยกมือดึงชายเสื้อของคนตัวเล็กไว้
เกวลินชะงักมือหันกลับมาหาคนที่ดึงชายเสื้อเธออยู่ “คุยอะไรคะ?”
“วันนี้ทำไมเอาแต่ใจแบบนี้ พี่อนุญาตให้เราไปแล้วเหรอ?”
เธอถอนหายใจให้กับน้ำเสียงคล้ายสั่งสอนของเขา
“เกลก็แค่อยากรู้ว่าทำงานข้างนอกสนุกไหม”
“ทำตัวเป็นเด็ก”
อีกแล้ว ‘เด็ก’ อีกแล้ว พอได้ยินประโยคนี้เกวลินก็โมโหขึ้นมา เธอแค่นยิ้มไม่พอใจมองไปที่สิงห์ “คำก็เด็ก สองคำก็เด็ก แล้วคนโตเขาทำยังไงกันคะ เขาต้องทำตัวให้เหมือนผู้ช่วยคนสวยของพี่หรือยังไงคะ ถึงเรียกว่าโต หรือเกลต้องมีแฟนควงมาให้พี่ดู พี่จะได้รู้ว่าเกลไม่ใช่เด็กแล้ว”
“เกล!!!” สิงห์ข่มอารมณ์ไว้ไม่อยู่ จึงขึ้นเสียงใส่เธอโดยไม่ตั้งใจ
“พี่จะเสียงดังทำไม!!!” คนตัวเล็กก็ไม่ยอมเช่นกัน เธอแผดเสียงถามเขากลับไป
“เลิกงี่เง่าสักที”
“ใช่สิ!! เกลมันงี่เง่า แต่เกลชอบพี่ จะให้เกลทำยังไง เกลไม่ชอบให้คนที่ชื่อฉัตรมองพี่แบบนั้น หรือพี่ไม่รู้ว่าเธอคิดยังไง” คนตัวเล็กเสียงสั่นน้ำตาคลอ พูดระบายความรู้สึกอึดอัดที่อยู่ในใจของเธอออกมาต่อหน้าเขา
สิงห์พยายามใจเย็น “ดึกแล้วไปพักผ่อนเถอะ วันนี้คุยกันไม่รู้เรื่องหรอก พี่เหนื่อยแล้ว”
เกวลินอยากจะเคลียร์ให้จบ เธอก็ไม่อยากรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน เธอไม่ชอบเวลาตัวเองเป็นแบบนี้ แต่ไม่สามารถห้ามความรู้สึกและความคิดตัวเองได้
“พี่คิดว่าเกลไม่เหนื่อยเหรอ พี่คิดว่าที่เกลวิ่งตามพี่อยู่ตอนนี้เกลสนุกมากนักเหรอ พี่มาทำดีกลับเกลทำไม มาให้ความหวังเกลทำไม? เกลชอบพี่ไปแล้วไง พี่จะรับผิดชอบยังไง เลิกผลักไสเกลด้วยคำว่ายังเด็กสักที เกลโตแล้ว... ถ้าเปลี่ยนใจไปชอบคนอื่นได้ เกลคงเลิกชอบพี่ไปนานแล้ว ไม่ต้องคอยมาวิ่งตามให้เหนื่อยหรอก ฮึก..ฮื้อ” เกวลินระบายความรู้สึกออกมาทั้งดวงตาที่คลอหน่วยไปด้วยน้ำตา ที่จริงเธอก็เหนื่อยที่ต้องคอยวิ่งตามอยู่ข้างหลังเขาแล้ว
สิงห์หลับตาข่มอารมณ์ เขาไม่อยากพูดอะไรตอนนี้ ยิ่งพูดสถานการณ์ยิ่งดูแย่ ดูเหมือนคนตัวเล็กจะไม่ยอมฟังอะไรทั้งนั้น
“เลิกร้องได้แล้ว ดึกแล้วกลับบ้านไปพักเถอะ”
“ทำไมพี่สิงห์ถึงเย็นชาขนาดนี้ พี่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ยังไง ทั้งๆ ที่ตอนนี้เกลกำลังบอกว่าเกลชอบพี่อยู่”
“เธอเข้าใจคำว่าชอบแค่ไหน อะไรคือชอบ?” สิงห์พยายามจะคุยด้วยเหตุผล
“ชอบก็คือชอบไง จะต้องให้อธิบายอะไร แล้วพี่บอกได้ไหมอะไรที่พี่คิดว่าเกลยังเด็ก ตอบได้ไหมล่ะ”
“เกล..” สิงห์กดเสียงต่ำเรียกชื่อคนตัวเล็ก ต้องการเรียกสติให้เธอใจเย็นลง
“เกลไม่เชื่อหรอกว่าผู้ชายอย่างพี่มันจะไม่มีหัวใจ” เกวลินโถมตัวเข้าหาสิงห์ ใช้มือสองข้างประคองใบหน้าของเขา ดึงเข้ามาประกบจูบ ริมฝีปากเล็กขบเม้มริมฝีปากหนาทั้งใบหน้าเปื้อนน้ำตา สิงห์ไม่ได้ผละริมฝีปากออก กับปล่อยให้เธอจูบ ก่อนจะยกมือประคองท้ายทอยของคนตัวเล็กกดจูบตอบอย่างดูดดื่ม
เกวลินเหมือนจะได้สติขึ้นมา เธอถูกลิ้นร้อนล่วงล้ำเข้าไปพัวพันกับเรียวลิ้นเรียวเล็ก หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ เธอไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนพยายามจะผละริมฝีปากออก แต่ก็สู้มือหนาของเขาไม่ได้
“พี่เตือนแล้วใช่ไหม?” สิงห์หอบหายใจเอ่ยถามเสียงแหบพร่า ก่อนจะโน้มตัวมางับริมฝีปากเล็กอีกครั้ง
คนตัวเล็กเบือนหน้าหนี ยกมือดันอกของสิงห์ไว้ “เกลจะกลับบ้านแล้ว” เธอออกแรงผลักชายหนุ่ม ก่อนจะหันไปเปิดประตูลงจากรถ
สิงห์เปิดประตูรถเดินก้าวเท้าไปหาคนตัวเล็ก ไม่ทันให้เธอตั้งตัว เขาช้อนตัวของเธอลอยขึ้นจากพื้น
“พี่สิงห์จะทำอะไร!!”
สิงห์ไม่ได้เอ่ยตอบ ทำเพียงกระชับร่างของเกวลินให้แน่นขึ้นก่อนจะก้าวเดินเข้ามาในบ้านใช้เท้าปิดประตูจับเธอวางลงที่โต๊ะรับแขกกลางห้องโถง
“พี่สิงห์จะทำอะไรเดี๋ยวคุณน้ามาเห็น”
“คุณแม่ไม่อยู่” สิงห์โน้มจะมาประกบจูบเธออีกครั้ง ถูกมือเล็กดันหน้าอกผละออก
“ทำไม...กลัวแล้วหรือไง เมื่อกี้ยังจูบพี่อยู่เลย” สิงห์ยิ้มถาม
“เกลชอบพี่ ไม่ได้หมายความว่าเกลอยากทำอะไรแบบนี้นิ่คะ” คนตัวเล็กเอ่ยเสียงเบา
สิงห์ยิ้มก่อนจะหัวเราะออกมา ยกมือกระชับท้ายทอยของคนตัวเล็กไว้ ตอนนี้เธอขยับใบหน้าหนีเขาไม่ได้แล้ว
“พี่จะทำอะไร?”
“เกลชอบพี่ไม่ใช่เหรอ ผู้หญิงบอกชอบผู้ชายมันหมายความว่าเธอยอมเป็นของเขาด้วยนะ เกลยอมเป็นของพี่ใช่ไหม เกลโตแล้วไม่ใช่เหรอ เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องปกติของผู้หญิงกับผู้ชาย รู้หรือเปล่า?” สิงห์โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้คนตัวเล็กก่อนจะเลื่อนไปจูบที่ต้นคอของเธอ ใช้ปลายจมูกลากคลอเคลีย ลมหายใจอุ่นแผ่ซ่านบริเวณรอบต้นคอ คนตัวเล็กทำอะไรไม่ถูก ทำได้แค่กำมือแน่น เธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน หัวใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาอยู่ข้างนอกอยู่แล้ว
“พี่สิงห์...เกลกลัว” เกวลินเอ่ยเสียงสั่น
สิงห์เลื่อนริมฝีปากไปใกล้ใบหูของเธอกระซิบแผ่วเบา “ทีนี้รู้จักผู้ชายดีหรือยัง รู้หรือยังว่าทำแบบนี้จะต้องเจอกับอะไร เธอเชื่อพี่หรือยังว่าเธอยังเป็นเด็กอยู่ ทีหลังอย่ายั่วโมโหผู้ชายอีก ผู้ชายทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะเขาชอบเธอหรอกนะ ใครเสนอให้ เขาก็เอาทั้งนั้น เด็กน้อย...กลับไปนอนซะ ต่อไปไม่ต้องไปทำงานที่บริษัทพี่แล้ว อีกอาทิตย์เดียวก็เปิดเทอมแล้ว ตั้งใจเรียนซะ เลิกคิดฟุ้งซ่านได้แล้ว”
เกวลินหลับตากำมือแน่น เธอทั้งกลัว และเสียใจกับสิ่งที่สิงห์ทำกับเธอ
สิงห์ยกมือเกลี่ยเม็ดน้ำตาที่เปื้อนแก้มให้เกวลิน ท่าทีคล้ายอ่อนโยน คล้ายทะนุถนอม แต่ครั้งนี้เธอกับปัดมือของเขาทิ้ง
“ถ้าไม่รู้สึกก็ไม่ต้องมาทำดีแบบนี้อีก เกลก็ไม่ได้อยากไปบริษัทของพี่แล้วเหมือนกัน” เธอมองหน้าเขาน้ำตาคลอ
“ไว้ใจเย็นกว่านี้เราค่อยมาคุยกัน” สิงห์ยังคงมีท่าทีใจเย็น
เกวลินพยายามเก็บกลั้นน้ำตา จ้องมองใบหน้าของชายหนุ่มนิ่ง เหมือนในใจมีคำถามมากมาย ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “เกลถามจริงๆ เถอะ พี่รู้สึกอะไรกลับเกลบ้างไหม?”
สิงห์มองหญิงสาวที่ตรงหน้าเขานิ่งไปจังหวะหนึ่ง ก่อนจะเบือนหน้าผ่อนลมหายใจแสนเหนื่อยล้าออกมา
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เรามาคุยเรื่องพวกนี้กัน สิ่งที่เธอต้องทำตอนนี้คือตั้งใจเรียนซะ อย่ามัวแต่คิดอะไรไม่เข้าเรื่อง วันนี้พี่จะพูดเรื่องนี้กับเธอเป็นครั้งสุดท้ายไปนอนได้แล้ว” น้ำเสียงแสนเย็นชาออกมาจากปากคนที่เธอแอบชอบ หัวใจของคนตัวเล็กเหมือนจะได้คำตอบแล้ว เธอยกมือปาดน้ำตา พยายามเม้มปากเก็บกั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา รู้สึกหน่วงที่หัวใจอย่างบอกไม่ถูก นี่คงจะเป็นความรู้สึกที่เขาเรียกว่าเจ็บปวดจากความรักที่เธอเคยอ่านเจอในนิยายสินะ เธอไม่คิดว่ามันจะเจ็บขนาดนี้ แต่พอเจอเข้ากับตัวจริงๆ มันทั้งเจ็บ ทั้งจุกในอกข้างซ้ายเหมือนมีอะไรมาทิ่มแทงอยู่ตลอดเวลา
เธอเกลียดความเย็นชา ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นของเขามาก จ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าน้ำตาคลออยู่แบบนั้น ก่อนจะยกมือผลักไปที่อกของสิงห์จนตัวเขาเซถอยหลังไป
“เกลเหมือนจะเริ่มเกลียดผู้ชายเย็นชาอย่างพี่แล้ว” คนตัวเล็กแผดเสียงใส่หน้าของสิงห์ ก่อนจะวิ่งออกไปจากบ้านของเขา
“เกล!!”
เธอไม่ได้หันกลับมาตามเสียงเรียกของเขาอีก พอถึงห้องนอนก็ทิ้งตัวร้องไห้โฮออกมา ความรู้สึกของเธอมันสับสนไปหมด สิ่งที่เขาทำกับเธอวันนี้ คำพูดของเขา การกระทำของเขา มันหมายความว่าเขาไม่มีวันชอบเด็กอย่างเธอใช่ไหม วันนี้เขาขู่ให้เธอกลัวใช่ไหม “ฮึก...เกลจะไม่ชอบพี่แล้ว เกลจะเลิกชอบคนใจร้ายอย่างพี่แล้ว”










































































