บทที่ 1 บทนำ

"ปกติผมทำธุรกิจกับคุณริชาร์ดท่านไม่เรื่องมาก ค้าขายง่าย แต่ผมก็เข้าใจได้นะว่าคุณยังเด็กอาจจะอยากดูให้ละเอียดมากหน่อย ที่ดินแปลงนี้มีนายทุนติดต่อเข้ามาหลายคน ถ้าคุณสนใจจริงๆ ก็ต้องรีบแล้วนะครับ"

"ใช่ครับ ผมยังเด็ก แต่เด็กอย่างผมก็รู้นะว่าที่ดินแปลงนี้เป็นสมบัติของภรรยาคุณที่เสียชีวิตไปเมื่อต้นเดือน ที่คุณต้องการขายออกเร็วๆ ก็เพราะป้องกันไม่ให้พ่อแม่ของภรรยาคุณฟ้องร้องเอาที่ดินคืนใช่ไหมล่ะครับ"

ชายหนุ่มตัวสูงยกยิ้มมุมปากทำเอาผู้ใหญ่รุ่นราวคราวเดียวกับพ่อถึงกับหน้าถอดสี ทุกคำพูดก่อนหน้าเต็มไปด้วยความสุภาพ ทว่าแผงไปด้วยข้อมูลสุดร้ายกาจที่เขาสืบค้นมาเป็นอย่างดี

แม้เรย์อาร์จะยังเรียนยังไม่จบแต่ก็อยู่ปี4แล้ว ชายหนุ่มเรียนวิศกรรมโยธาเพราะเอื้อต่อธุรกิจที่คนเป็นพ่อสร้างมาตั้งแต่เขายังไม่เกิด ตระกูลคาร์เกอร์ผู้มั่งคั่งเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเรย์อาร์ถูกปูพื้นฐานการทำงานมาตั้งแต่เข้าเรียนปี1 ฉะนั้นแล้วเรื่องงานง่ายๆ แค่นี้ทำไมเขาจะตีไม่แตก

"ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม อย่ามาทำเป็นรู้ดีไปหน่อยเลย"

"หึ! ไม่ใช่ผมรู้ดีอยู่คนเดียวนะครับ ลูกปืนของผมมันก็รู้ดีด้วย มันรู้ดีว่าควรกรอกลงปากใคร"

"นี่แก!" ชายวัยกลางคนเจ้าของที่ดินโกรธจนตัวสั่น แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากมองตามแผ่นหลังหนาของคนตัวสูงที่เดินจากไปพร้อมกับรอยยิ้มร้ายกาจ

"ไม่แรงไปหน่อยเหรอครับคุณเรย์อาร์ แบบนั้นเขาจะหาว่าเราขู่ฆ่าไหม"

ศิธาที่เป็นเลขาของริชาร์ดเอ่ยถามด้วยความกังวล ขณะเดินตามลูกเจ้านายมายังรถที่จอดอยู่ใต้ร่มไม้ วันนี้ริชาร์ดไปทำธุระต่างจังหวัดจึงมอบหมายให้เขามาติดตามลูกชายเจ้านายแทน

"ผมไม่ยิงกรอกปากมันจริงๆ ก็บุญแค่ไหนแล้ว แม่งดูถูกกันชัดๆ"

เรย์อาร์เอ่ยเสียงเรียบ มือก็ล้วงเอาบุหรี่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาจุดสูบ ปากหนาสูดเอานิโคตินเข้าปอดไปไม่กี่ทีบุหรี่ก็ถูกเผาจนเกือบหมดมวน บ่งบอกว่าอารมณ์ของเขาตอนนี้กำลังหงุดหงิดมากพอสมควร

"ลดลงหน่อยนะครับ"

"หึ" ร่างสูงขำในลำคอเบาๆเพราะรู้ว่าศิธาหมายถึงอะไร "อาศิธานี่ห่วงผมมากกว่าพ่ออีกนะครับ"

"แล้วฟังไหมครับ"

"ครับ ลดลงมากแล้ว" เรย์อาร์หมายถึงบุหรี่ในมือที่นับวันก็ถอยห่างออกเรื่อยๆ ไม่ใช่เพื่อใครแต่เพื่อสุขภาพของเขาเอง

"ดีมากครับ แต่วันนี้ผมหวังว่าคุณริชาร์ดจะไม่เสียดายที่ดินแปลงนี้นะครับ ที่งามราคาดี"

"แต่เจ้าของขี้โกง เฮ้อ~ ช่วงเศรษฐกิจแบบนี้คนขายที่ดินเยอะแยะ ไหนจะที่หลุดจำนองจากไฟแนนท์เอย ธนาคารเอย ถ้าพ่อมีปัญหาเดี๋ยวผมเคลียร์เอง"

บุหรี่ที่สูบใกล้หมดมวนถูกโยนลงพื้นแล้วใช้เท้าดับเพราะเห็นชื่อที่โทรเข้ามาโชว์หราอยู่หน้าจอโทรศัพท์

-ลีน่า-

"ขา~ตัวเล็ก พี่เสร็จงานพอดีเลยค่ะ" กรอกเสียงหวานลงโทรศัพท์แตกต่างจากที่คุยกับเจ้าของที่ดินก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง

(พี่เรย์ขา~ ลีน่าไม่ได้ไปทานข้าวเที่ยงกับพี่เรย์แล้วนะคะ ลีน่ากำลังพาคุณแม่ไปทำธุระค่ะ)

"ไปไหนกันคะ คุณแม่ไม่เห็นบอกพี่เลยว่ามีธุระ"

วันนี้เขามีนัดทานข้าวเที่ยงกับแม่และน้องสาว ฉลองที่ลีน่าสามารถสอบเข้าเรียนในคณะแพทย์อย่างที่ตั้งใจไว้ได้

(ลีน่าก็ไม่มั่นใจเหมือนกันค่ะ เอาไว้เย็นนี้เราค่อยไปทานข้าวด้วยกันนะคะ คิดว่าคุณพ่อก็จะไปกับพวกเราด้วยค่ะ)

"เอาแบบนั้นก็ได้ค่ะ พี่จะได้เตรียมของขวัญให้คนเก่งของพี่ด้วย"

(รักพี่เรย์อาร์ที่สุดเลย รอน้องนะคะห้ามเข้าไปตรวจงานที่ผับก่อนเจอน้องด้วย)

"ค่ะ คนเก่งของพี่ รีบกลับล่ะ"

ลีน่าเป็นดั่งนางฟ้าตัวน้อยๆ ของเขา เรย์อาร์รักน้องสาวของเขามากเพราะเลี้ยงเธอช่วยคนเป็นแม่ตั้งแต่ลีน่าเกิด แม้อายุจะห่างกันเพียง4ปี ที่สำคัญลีน่าเป็นเด็กดีว่านอนสอนง่าย อยู่ในโอวาทพ่อแม่พี่ชายตลอดเวลา เมื่อวานผลสอบเข้ามหาวิทยาลัยของเด็กสาวเพิ่งประกาศผล ลีน่าดีใจมากที่สามารถสอบเข้าคณะแพทย์ได้อย่างที่เธอใฝ่ฝัน วันนี้จึงเป็นวันสำคัญอีกหนึ่งวันที่ทุกคนในครอบครัวจะมารวมตัวกันเพื่อยินดีกับก้าวแรกของลีน่า

เย็นวันนั้น

ตู๊ด ตู๊ด

"ทำไมไม่ยอมรับสายนะ"

นิ้วชี้เรียวเคาะบนพวงมาลัยรถตามจังหวะของเพลงEDMที่เปิดจสกเครื่องเสียงในรถ ขณะที่จอดรอสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว ใกล้ถึงเวลานัดทานข้าวแล้วทว่าเรย์อาร์กลับติดต่อแม่และน้องสาวไม่ได้เลย ถามเลขาของแม่ก็ไม่รู้เรื่องเพราะไม่ได้ติดตามไปด้วย

ตู๊ด ตู๊ด

เรย์อาร์ยังไม่ละความพยายามและโทรต่อไปเรื่อยๆ สายตาก็เลื่อนขึ้นมองท้องฟ้าไปด้วย ตอนนี้ก้อนเมฆขนาดใหญ่กำลังก่อตัวกันเป็นสีดำทมึน คาดว่าไม่นานฝนห่าใหญ่คงตกลงมาแน่ๆ

(สะ...สวัส ดี ครับ) เสียงปลายสายขาดๆ หายๆ จนเรย์อาร์ขยับนั่งตัวตรง ปลายสายมีคนรับสายจริง ทว่าไม่ใช่เสียงของลีน่า

"นั่นใคร" ขณะที่สัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวและเรย์อาร์กำลังจะเคลื่อนรถตามคันข้างหน้าไป

(เอ่อ ผมเป็นกู้ภัยนะครับ ผมไม่มั่นใจว่าเป็นโทรศัพท์ของผู้ประสบเหตุไหม แต่โทรศัพท์นี้หล่นอยู่ใกล้ๆ กับรถที่เกิดอุบัติเหตุครับ)

"วะ...ว่าอะไรนะ! นี่เป็นโทรศัพท์ของน้องสาวผม มันเกิดอะไรขึ้น!"

(คือรถพลิกคว่ำแล้วไฟไหม้วอดทั้งคันทำให้ไม่หลงเหลือรายละเอียดของรถมากนัก)

"ไม่จริง! มึงเป็นพวกมิจฉาชีพใช่ไหม!"

(ที่เราโทรหาเพราะเบอร์นี้เป็นเบอร์ที่เจ้าของรถโทรหาล่าสุด ถ้าคุณไม่เชื่อให้รีบมาที่ถนนXXX ตอนนี้กู้ภัยดับเพลิงไว้ได้แล้วกำลังเข้าตรวจสอบ)

เอี๊ยด!

หัวใจแกร่งกระตุกสั่นจนเผลอเหยียบเบรกกะทันหัน เสียงบีบแตรดังระงมเมื่อรถที่ขับตามมาเบรกกันจ้าระหวั่นอีกทั้งชนท้ายกันระนาว ทว่าเรย์อาร์ไม่ได้สนใจเสียงจากรอบข้างนอกเสียจากเสียงจากโทรศัพท์ ที่ทำให้เขาถึงกับสติหลุด

(คาดว่าเสียชีวิตแล้วทั้งสองท่าน)

"แม่! ลี่น่า! ไม่ ไม่จริง!"

บทถัดไป