บทที่ 7 รอได้ก็รอ

ในค่ำคืนที่ ฟ้า..นั้นไม่มีดาว อยู่ตรงนี้ ฉันยังคงก้าวไป... ก้าวไปหาแสงรำไรที่เปิดภายในบาร์ของโรงแรมค่ะ ฮ่า ๆ

ฉันเดินมาด้วยความมั่นกับชุดชิค ๆ ที่โคตรเปรี้ยว เดินมานั่งที่บาร์ท่ามกลางสายตาของคนที่มองอย่างตกตะลึงในความสวยแล้วพูดเสียงเซ็กซี่บอกบาร์เทนเดอร์ว่า...

“น้ำส้มค่ะ” ฮึ ๆ ไม่ได้อยากดื่มเลยจริง ๆ แต่ทำยังไงได้ล่ะคะ เห็นเปรี้ยวมาเที่ยวคนเดียวแต่ก็ห่วงตัวเองนะ เอาเป็นว่านั่งตอแหลจิบน้ำส้มฟังเพลงและส่องผู้ชายก็พอนะจูนสำหรับค่ำคืนนี้

“ดื่มน้ำส้ม?” นั่งดื่มด่ำบรรยากาศมาพักใหญ่ก็มีผู้ชายหล่อเวอร์ เวอร์แบบเวอร์มากบรรยายไม่ได้เดินเข้าทัก

“เฮ้อ! นึกว่าเวลานี้จะอยู่ในวงสวิงกิ้งแล้วนะคะ” ฉันถามกลับด้วยคำพูดที่มีหางเสียง แต่หน้าตาไม่ได้มีมารยาทหรอกนะคะ กรอกตาเอือมระอาใส่เขาตรง ๆ ไปเลยต่างหาก

“เพิ่งสามทุ่มเองจะให้พี่รีบไปไหน ต้องดึก ๆ จ้ะที่รักมันถึงจะคึกคัก” เฮ้อ! สาดน้ำส้มใส่หน้ายังสงสารน้ำส้มอ่ะ มันคงหมดความภูมิใจที่ได้ไปอยู่บนหน้าคนจัญไรมากกว่าได้อยู่ในกระเพาะจูน

“ชิ่ว!”

“ฮึ ๆ ปากดีจนน่าจับมาขยี้” ฉันยอมมีฝีในปากดีกว่าโดนนายขยี้!

“ชิ่ว ๆ”

“อย่าไว้ใจใครล่ะมีอะไรก็โทรหาพี่ ยังไม่ได้ลบเบอร์ใช่ไหม”

“ลบไปแล้ว” ฉันตอบกลับแบบไม่ใส่ใจ นั่งดื่มน้ำส้มมองคนไปเรื่อยอยู่ในโรงแรมมันจะมีใครมาทำอะไรฉันได้

“โคตรต่อต้าน” เขาบ่นเบา ๆ แล้วหยิบกระดาษกับปากกาที่วางอยู่แถวนั้นพอดีมาจดเบอร์โทรยื่นให้ฉัน

“สำรองไว้ พี่ชอบสวิงก็จริงแต่พี่ไม่เคยฝืนใจใคร แล้วก็ไม่อยากเห็นผู้หญิงคนไหนโดนขืนใจด้วย เก็บไว้อย่าดื้อมาคนเดียวพี่เป็นห่วง” พอเห็นฉันไม่มีท่าทีจะรับเขาก็เอากระดาษมาสอดไว้ใต้แก้วแล้วก็พูดเสียงจริงจังก่อนที่จะเดินออกไปเลย ฉันได้แต่มองตามหลังเขาแล้วก็หันกลับมามองกระดาษที่มีเบอร์โทรของเขา

...ทำไมต้องใจสั่นด้วยจูน แค่อีตาสวิงกิ้งทำตัวเป็นคนดีห่วงใยเพื่อนมนุษย์นิดเดียวเองนะ อย่าเคลิ้มถึงเขาหล่อแต่อาจจะมีโรคติดท่องไว้

“ขอนั่งด้วยคนนะครับ” ฉันนั่งจ้องกระดาษที่มีเบอร์โทรของเขาอยู่เงียบ ๆ แต่แล้วก็ดันมีผู้ชายตาน้ำข้าวคนหนึ่งเดินมานั่งข้างฉัน หล่อค่ะ หล่อมาก งานดีและหุ่นแซบน่ากิน เอาล่ะพักเรื่องอีตาสวิงกิ้งแล้วมาฝึกอิงลิ๊ซกับผู้ชายตรงหน้าดีกว่าค่ะจูน

“ตามสบายเลยค่ะ”

“ขอบคุณครับผมเจสันนะ” เขาแนะนำตัวแถมยังส่งรอยยิ้มเทพบุตรกลับมาให้

“จูนค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” เขาหล่อมาก ยิ้มทีโลกเปิดกว้างเลย ใจเย็นไว้นะจูนอย่าแรดท่องไว้ อย่าแรด ๆ

“คุณ...ดื่มน้ำส้มเหรอครับ?” เขาทำหน้าแปลกใจตอนที่มองแก้วน้ำส้มของฉัน ใส ๆ ค่ะจูนใส ๆ

“อ้อ ค่ะคืนนี้ฉันไม่อยากดื่มเท่าไหร่”

“อื้ม ดีแล้วล่ะครับ ผู้หญิงสวย ๆ มานั่งคนเดียวแบบนี้ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์คงไม่ปลอดภัยเท่าไหร่” ดีอ่ะงานดีแล้วยังคิดดี ไม่เหมือนไอ้ที่เพิ่งผ่านไปเมื่อกี้ อันนั้นไม่ไหวจริง ๆ เจอแต่ละครั้งเคยไหมไม่พูดเรื่องสวิงกิ้ง เสียดายงานดีแบบอลังกาลของอีตานั่น ไม่น่าเลยจริง ๆ ไม่น่ามีรสนิยมแบบนั้นเลย เฮ้อ! ช่างเขาเถอะรสนิยมมันเปลี่ยนกันยาก สนใจพี่เจสันตรงหน้าดีกว่า

#JUNE END

#SUN TALK

“อ้าวไอ้ซันครับ กว่าจะเสด็จมาได้นะครับ”

“พูดมาก เอาไป”

“เออขอบใจมาก แหมไวน์แพงซะด้วยกูนึกว่ามึงจะเอากล่องถุงยางมาให้กูเป็นของขวัญซะอีก”

“ไอ้เวร! อย่าพูดมากแม่งเสียเวลากู คราวหลังถ้าทำธุรกิจไกลขนาดนี้ไม่ต้องสะเออะ Grand opening ส้นตีนอะไรทั้งนั้นนะมึง ไกลสัส ๆ ลำบากแขกเดินทางมา มึงมีความเกรงใจใครบ้างไหมไอ้เอส” ไอ้เอสเพื่อนสมัยมัธยมของผมมันมาเปิดรีสอร์ทที่นี่ครับ วันนี้เป็นงานเปิดตัวมันเสือกโทรไปเชิญผมด้วย เชิญแบบโคตรเซ้าซี้ตามจิกทุกวันผมเลยต้องมาด้วยความจำใจ จิกกูยิ่งกว่าคู่ขากูอีก

“ฮ่า ๆ มึงแม่งขี้บ่นเวลาเป็นเงินเป็นทองเหี้ยไรขนาดนั้นวะ ไป ๆ สาวในงานมีแต่เด็ด ๆ ทั้งนั้นไปจัดเลยครับไอ้ซัน”

“ไม่เอากูไม่มีอารมณ์ เพิ่งมาถึงตอนบ่ายนี่เองกูยังไม่ได้พัก กูง่วง”

“มีเด็ด ๆ นะมึง แซนวิสได้ สวิงก็พร้อม”

“ไม่เอากูเหนื่อยว่ะ กูลงเครื่องเสร็จก็ต่อเครื่องมางานเปิดรีสอร์ทของมึงเลยเนี่ยไอ้เหี้ย เสียเวลาชีวิตกูขอให้แม่งเจ๊งไ วๆ” มันก็รู้ว่าวันนี้ผมกลับมาจากต่างประเทศ เพิ่งลงเครื่องตอนสิบเอ็ดโมงเช้ามันก็อุตส่าห์ให้คนจองไฟล์ที่ใกล้กับเวลาที่ผมถึงไทยให้อีก

“ฮ่า ๆ ปากหมาสัส ๆ เข้าไปในงานก่อนเลยมึงมีเพื่อนอยู่หลายตัว เผื่อได้สาวไปนวดผ่อนคลายที่ห้องทั้งคืน~”

“ไม่ก็คือไม่ไงวะไอ้เชี่ยเอส กูไม่ได้หื่นกระหายขนาดนั้น” ผมส่ายหน้าบอกมันด้วยความรำคาญแล้วก็เดินเข้าไปในงานทันที ผมหื่นก็จริงชอบสวิงกิ้งด้วยผมไม่ปฏิเสธ แต่ผมไม่ได้กระหายเซ็กส์จนต้องหาคนมานอนด้วยทุกวัน

“ซัน...”

ในระหว่างที่ผมกำลังยืนคุยกับเพื่อนเก่าสมัยมัธยมมานานเป็นชั่วโมง นานจนเกือบจะเที่ยงคืนอยู่แล้วก็มีเสียงโคตรหวานของผู้หญิงคนหนึ่งเรียกชื่อผมดังขึ้นมา เสียงที่โคตรคุ้นแล้วผมก็ไม่เคยลืม

“...เอแคร์” ทันทีที่ผมหันไปมองหน้าเจ้าของเสียงผมก็ทำได้แค่เรียกชื่อเธอเบา ๆ แล้วก็ยืนนิ่งเหมือนคนเป็นใบ้เท่านั้นแหละครับ ผมทำได้แค่เรียกชื่อเธอสั้น ๆ แล้วก็ยืนตัวแข็งเหมือนวันนั้นไม่มีผิด ไม่น่าล่ะทำไมไอ้เอสถึงโทรจิกผมเหมือนผมเป็นผัวมันขนาดนั้น

“ไม่คิดว่าซันจะมา ดีใจที่เจอซันนะ” แค่เห็นจากระยะเกือบสิบเมตรเมื่อกี้ผมก็ใจสั่นแล้ว แต่พอเธอเดินมาหยุดอยู่ข้างหน้าแล้วยิ้มหวานให้ผมแม่งเหมือนคนจะตายเลยว่ะ

“อื้ม ไม่คิดว่าเธอจะมามากกว่า”

“ต้องมาสิ...อยากเจอใครบางคนจะแย่” เธอพูดพร้อมรอยยิ้มที่หวานไม่มีเปลี่ยน แต่แววตาดูมั่นใจขึ้น คำพูดคำจาดูฉะฉานมากกว่าเมื่อก่อนหลายเท่า

“อื้ม สบายดีนะ” ผมยิ้มให้แล้วก็ชวนเธอคุยต่อด้วยประโยคที่โคตรเบสิก

“สบายดีแคร์เพิ่งเรียนจบเลย ซันล่ะทำงานเป็นยังไงบ้าง” เอแคร์ถามแล้วก็ขยับเข้ามาใกล้ผมนิดหน่อยเพราะเพลงมันเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งใกล้ก็ยิ่งเห็นว่าเธอสวยมาก เมื่อก่อนว่าสวยแล้วตอนนี้โคตรสวย แถมยังมีเสียงและรอยยิ้มที่หวานไม่ต่างจากเมื่อก่อนเลยสักนิด แล้วก็มีอะไรบางอย่างในตัวที่เพิ่มมากขึ้นจนผมไม่อยากคุยท่ามกลางเสียงของคนและดนตรีที่มันโคตรหนวกหูตรงนี้อีกต่อไป

“ออกไปสูดอากาศข้างนอกไหม” ผมเป็นฝ่ายชวนเธอเองเพราะผมเริ่มไม่ได้ยินเสียงใครแล้วนอกจากเสียงเพลง

“อื้อ” เอแคร์ยิ้มและพยักหน้ารับก่อนที่เธอจะเป็นฝ่ายเดินนำผมไป เราสองคนเดินเลี่ยงออกจากงานในมุมที่คนไม่เยอะเท่าไหร่ ผมเดินตามหลังเธอเงียบ ๆ สายตาก็คอยมองไปที่เธอ ผู้หญิงที่ผมคิดมาตลอดว่าผมลืมไปแล้ว

เธอเป็นรักแรก จูบแรก คนแรก เป็นทุก ๆ อย่างของผม เป็นคนที่ผมโคตรรักแต่มีบางอย่างทำให้เราต้องห่างกัน เราห่างกันมาหลายปีมาก มากจนผมคิดว่าผมลืมเธอไปจากใจได้แล้วแต่พอวันนี้แค่เห็นหน้าเธอไม่ถึงนาทีผมก็เพิ่งรู้ตัวว่าผมยังไม่เคยลืมเธอได้เลย

“ตรงนี้ก็ได้เนอะสงบดี อุ้ย!” เอแคร์หยุดและหันมากระทันหันทำให้ผมที่ไม่ได้ตั้งตัวเดินชนเธอเข้า แต่โชคดีที่ผมกอดเธอเอาไว้ได้ทันเธอก็เลยไม่ได้ล้มหงายหลังลงไป

“ระวังหน่อย ทำไมถึงชอบหยุดเดินแล้วหันมาปุบปับแบบนี้ประจำ ชอบรึไงที่ต้องโดนชนจนเจ็บตัว” เธอชอบเป็นแบบนี้เสมอ คิดจะหยุดเดินแล้วหันมาคุยกับคนข้างหลังเมื่อไหร่ก็ทำ เมื่อก่อนเธอก็โดนผมชนแบบนี้อยู่บ่อย ๆ ผมนึกว่าเลิกติดพฤติกรรมแบบนี้แล้วซะอีก พอเห็นเธอยังเป็นอยู่ก็เลยเผลอดุเธออย่างที่เคยทำประจำ

“แหะ ๆ แคร์ขอโทษนะ จริง ๆ ก็เลิกหันปุบปับแบบนี้นานแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมพอรู้ว่าคนข้างหลังเป็นซันมันก็เลย.../ กลับมาเมื่อไหร่” ผมไม่รอให้เธอพูดจบประโยคหรอกครับ เมื่อก่อนเอแคร์เป็นผู้หญิงขี้อายแต่ก็โคตรขี้อ้อนแบบที่เธอไม่รู้ตัว ผมรู้ว่าเธอจะพูดอะไรเลยชิงถามสิ่งที่ผมอยากรู้ก่อนเพราะไม่งั้นผมคงเคลิ้มกับอาการอ้อนไม่รู้ตัวของเธอจนคุยกันไม่รู้เรื่อง

“สองอาทิตย์ก่อน เอ่อ...ซันปล่อยก่อนได้ไหม” เอแคร์ตอบคำถามของผมแล้วก็หน้าแดงหลบสายตาเพราะผมยังโอบเธอเอาไว้เหมือนเดิม

“แล้ว...กลับมากี่คน” ผมไม่ได้สนใจคำขอร้องของเธอ ผมสนใจสิ่งที่ผมอยากรู้ต่างหาก

“คนเดียว แคร์อยู่คนเดียวนะจะให้กลับมากับใครล่ะ” เอแคร์ตอบเสียงอ้อมแอ้มหลบสายตา แววตาสาวนักเรียนนอกที่ดูมีความมั่นใจเมื่อตอนที่เธอเดินเข้ามาทักหายไปหมดแล้วเหลือแค่แววตาขี้อายแบบเดิมที่ผมคุ้นเคย

“แน่ใจ” พอได้ยินคำตอบของเธอมันทำให้ผมรู้สึกหายหงุดหงิดกับการที่ต้องมางาน grand opening ครั้งนี้เลยครับ

“อื้อ แคร์ไปเมืองนอกคนเดียว อยู่คนเดียวนะแคร์ก็ต้องกลับคน อื้อ~” ผมหมดคำถามแล้วครับ พอได้รู้ว่าเธอไม่มีใครผมก็ไม่อยากเสียเวลารออะไรอีกต่อไปแล้ว ไม่อยากฟังอะไรแล้วทั้งนั้นนอกจากชิมรสหวาน ๆ จากปากของเธอเท่านั้น

“...ซัน”

“คิดถึง โคตรคิดถึงเลยแคร์” ผมพูดได้เท่านี้ก็ก้มลงจูบเธออีกครั้ง จูบที่มีความหวานแล้วก็เพิ่มความร้อนแรงขึ้นและไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรืออะไรกันแน่แต่จุดที่เอแคร์มาหยุดเดินกระทันหันตรงนี้มันห่างจากประตูห้องพักที่เป็นวิลล่าของผมแค่สิบเมตรเท่านั้นเอง

“อื้อ~ ซัน อย่า~” ผมช้อนตัวเอแคร์ขึ้นมาอุ้มแล้วก็พาเธอเดินเข้ามาในห้องคนขี้อายในอ้อมกอดของผมก็หน้าตื่น ยิ่งตอนผมวางเธอลงที่เตียงแล้วคร่อมเธอเอาไว้เอแคร์ก็ยิ่งหน้าตื่นเหมือนคนจะร้องไห้

“อย่าหยุดใช่ไหม~” ผมก้มหน้าลงไปคลอเคลียจมูกลงที่แก้มเนียนใสของเธอ ตัวเอแคร์หอมกว่าเมื่อก่อนอีก กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ จากตัวเธอทำให้ผมอยากจะนอนดมทั้งคืน

“ไม่เอาซันอย่างแกล้งแคร์แบบนี้” เอแคร์เอามือสั่นเทาของเธอมาดันอกผมออก แต่แรงเท่ามดสู้แรงผมไม่ได้หรอกเธอรู้ดี

“แกล้งที่ไหน เธอก็รู้ว่าฉันทำแบบนี้ทีไรเราต้อง...” ผมกระซิบบอกเธอแล้วก็หลุบตามองต่ำ มองลงไปที่เนินอกของเธอที่โผล่พ้นชุดออกมา

เพี๊ยะ!

“บ้า! อย่าทะลึ่งนะซัน เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วนะอย่าลืม”

“ฮึ! หนีไปเรียนเมืองนอกตั้งหลายปีจำไม่ได้แล้วเหรอเอแคร์” ผมไม่โกรธหรอกครับกับประโยคที่บอกว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน เธอลืมมันไม่ได้หรอกความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งของเราสองคน

“อะไร จำอะไรไม่ได้”

“ก็จำไม่ได้ว่า...เธอยังไม่เคยบอกเลิกฉันเลยสักคำ~”

“อื้อ~” พอพูดจบผมก็ปิดปากเอแคร์ด้วยปากของผมเอง ส่วนมือก็ทำหน้าที่สัมผัสไปตรงจุดที่สร้างความเสียวซ่านให้กับตัวเธอได้ดีที่สุด ทุกส่วนในร่างกายของเธอผมรู้จักมันหมดนั่นล่ะ

“ซัน~ อื้อ~ ซันอย่าทรมานแคร์” เห็นไหมครับผมบอกแล้วว่าผมรู้จักร่างกายเธอทุกจุด แค่เอามือบีบหน้าอกพร้อมกับคลึงเป้าของผมลงไปหาน้องสาวของเธอไม่ถึงนาทีเอแคร์ก็ไม่มีเรี่ยวแรงต่อต้านผมแล้ว

“ทรมานที่ไหน จะทำให้เธอมีความสุขเหมือนเมื่อก่อนต่างหาก” และเผลอ ๆ อาจจะมากกว่าเมื่อก่อนด้วยซ้ำ พอเอแคร์ไม่ต่อต้านผมก็รีบจัดการกับเสื้อผ้าของเธอและของผมทันทีด้วยความรีบ พอไม่มีเสื้อผ้าปกปิดได้มองเต็มตาเอแคร์ก็ยังสวยเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน สวยมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ

“ซี๊ด~ ซันอย่าค่ะ” ผมคุกเข่าลงไปกลางหว่างขาแล้วจับขาเธอแยกออก \ก่อนที่จะจัดการสวมถุงยางอนามัยที่ไอ้เอสจัดไว้ในห้องให้เป็นสิบกล่อง พอสวมเสร็จก็เอามันมาจ่อที่ปากร่องรักของเอแคร์ทันที

“อ่าส์~ ขอเลยนะแคร์ ฉันคิดถึงเธอจนทนไม่ไหวแล้ว” ผมจับท่อนเอ็นมาจ่อแล้วมองหน้าสวยหวานของเอแคร์ที่นอนหลับตาพริ้มด้วยความเสียวก่อนที่จะค่อย ๆ ดันท่อนเอ็นใหญ่เข้าไป

“ซี๊ด~ ซันขา เข้ามา~” เอแคร์ครางด้วยความขัดใจเพราะผมยังเข้าไปไม่ถึงครึ่งของส่วนหัวผมก็ดึงมันออกมาก่อนเพื่อแกล้งเธอให้อยากจนทรมาน

“ฮึ ๆ อยากเหรอ”

“อื้อ~ ซันอย่าแกล้ง เข้ามาได้ไหม” เสียงเอแคร์ตอนนี้โคตรอ้อนเลยว่ะ

“ครางขอเสียงหวาน ๆ สิเอแคร์ ครางขอร้องฉันแบบเมื่อก่อน”

“อ๊ะ! ซี๊ด~ ซันขา~ ผะ...” / ตื๊ดดดด ตื๊ดดด

“ใครโทรมาวะ!” ผมกำลังรอฟังเสียงร้องขอด้วยความทรมานของเอแคร์แต่โทรศัพท์มันดังขึ้นมาขัดจังหวะซะก่อน ผมตั้งเป็นเสียงดังเพราะเมื่อกี้อยู่ในปาร์ตี้ก็เลยทำให้เอแคร์ตกใจจนชะงักไป

“อื้อ~ รับก่อนไหมคะ” เสียงบอกให้รับสายก่อนโคตรยั่วแบบนี้แล้วผมจะอยากเสียเวลารับเหรอครับ

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูหน้าจอพอเห็นเป็นเบอร์แปลกผมก็ไม่คิดจะรับแล้วล่ะก็เลยกดตัดสายไป

“ไม่ เสียงคนในสายไม่ยั่วเท่าเสียงเธอหรอก” ผมโยนโทรศัพท์ลงไปอีกด้านของเตียงแล้วเอาแขนเกี่ยวขาเอแคร์เอาไว้เวลากระแทกจะได้จัดหนักหน่วงได้เต็มที่

“แต่ ซี๊ด~ เขาอาจจะ อ๊ะ! ซันอย่าเพิ่ง เขาอาจจะมีธุระ”

“เบอร์ใครก็ไม่รู้ ช่างมันเถอะสนุกกันต่อดีกว่า”

“แต่โทรมากลางดึกอาจจะมีธุระ อื้อ~”

“ไม่อยากแล้วเหรอเอแคร์” ผมกดส่วนหัวเข้าไปนิดหน่อยแล้วดึงออก ทำแบบนี้เร็ว ๆ ย้ำ ๆ เพื่อยั่วอารมณ์เธอ

“อยากค่ะที่รัก เข้า...” / ตื๊ดดดด ตื๊ดดด

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งทำให้ผมเริ่มหงุดหงิด กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มใครมันโทรมาไม่รู้เวล่ำเวลาวะ!

“ซันรับก่อนไหม ซี๊ด~” จะรับได้ยังไงวะก็คนตรงหน้าทั้งครางทั้งบีบหน้าอกยั่วขนาดนี้ ปากบอกให้รับสายก่อนแต่การกระทำกำลังตั้งใจทำให้ผมตบะแตกชัด ๆ

“ไม่”

ตื๊ดดดด ตื๊ดดด

“แต่เขาอาจ ซี๊ด~ อาจจะ อ้าส์~ แคร์เสียว~ เขาอาจจะมีธุระนะคะ”

ตื๊ดดดด ตื๊ดดด

ในระหว่างที่เราคุยกันโดยที่ท่อนเอ็นผมยังจ่ออยู่ที่ปากทางเข้าร่องรักของเธอและเธอก็กล่อมให้รับสายแต่ก็พยายามยั่วผมไม่หยุด ไอ้โทรศัพท์มันก็ยังดังไม่มีหยุดเหมือนกัน

ตื๊ดดดด ตื๊ดดด

“ก็ให้ปลายสายมันโทรไป รอได้ก็รอ รอให้ฉัน...เอาเธอให้หายคิดถึงก่อน”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป