บทที่ 2 คาสโนว่า
ติ๊ง ๆ... เสียงข้อความดังขึ้น พร้อมกับแสงไฟแวบ
"นอนหรือยัง" แพรวาทักมา
"อาบน้ำเพิ่งเสร็จ กำลังว่าจะทักไป" หลินตอบ พร้อมส่งจูบจุ๊บ ๆ ไปให้แพรวา
"เหลืออีกวิชาเดียวแล้วสิ ถ้าส่งวิทยานิพนธ์ สอบสัมภาษณ์ เธอก็จบเลยใช่ไหม" แพรถาม
"อือ... :( " หลินส่งสติกเกอร์หน้าเศร้าไปด้วย
"อ้าวเธอ ไม่ดีใจรึ" แพรทักกลับ เมื่อเห็นรูปสติกเกอร์ที่เธอส่งมา
"ใจหนึ่งก็ดีใจ แต่เราหนักใจมากเลยนะ เรื่องที่ต้องได้กลับบ้านจริง ๆ เราก็คิดถึงเตี่ยมาก มาอยู่ที่นี่สี่ปี ยังไม่ได้กลับบ้านเลย" T-T
"เออนะ...เราเข้าใจ" แพรวาปลอบ
"เปลี่ยนเรื่องดีกว่านะ นี่หลินฉันซื้อผ้านุ่งพันตัวชายหาดมาฝากเธอด้วย เธอจะเอาสีไหน" แพรวาถามพร้อมส่งรูปถ่ายมาให้ดู
"สวย ๆ ทั้งนั้นเลย แพรก็รู้เราชอบสีชมพู งั้นฉันขอสีชมพูเลยนะ หวานเหมาะกับฉันดี 555++" หลินตอบ
"จ้าแม่คุณ พรุ่งนี้เจอกันนะ ฉันจะไปก่อนสักครึ่งชั่วโมง แล้วเราค่อยเมาท์กัน นอนละนะง่วงจัง" พร้อมส่งสติกเกอร์กู๊ดไนต์
"Good Night" หลินตอบกลับด้วยสติกเกอร์เช่นกัน
หลินหลับไม่ลงคิดถึงคำพูดของเตี่ย ที่ตอกย้ำเสมอมาตั้งแต่โตเป็นสาว
"อาหลินลูกบ่ต้องกึดนะเรื่องฟงเรื่องแฟน เตี่ยได้อู้กับท่านพินิจ* เปิ้นไว้แล้ว ตกปากฮับคำท่านไปว่า จะหื้อหลินลงเอยกับหลานท่านคนหนึ่ง ฮู้ก่อ... ว่าตี่ครอบครัวเฮาอยู่เย็นเป็นสุขมาทุกวันนี้ก็เพราะเปิ้น"
*พินิจ จิรตระการ เจ้าสัวใหญ่ ที่เตี่ยของหลินนับถือ หลินรู้แค่ว่ามีพระคุณ แต่ไม่รู้ว่ามีกิจการอะไรมากมาย ท่านช่วยเหลือเตี่ยทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กไปจนถึงเรื่องใหญ่
"ครั้งที่เฮาโดนฟ้องเรื่องตี่ดินครั้งนู้น ถ้าบ่ได้ท่านช่วยครอบครัวเฮาก็คงแย่เหมือนกัน และตี่ล่าสุดนะ... เตี่ยก็ไปรบกวนเงินท่านมาอีก เอาเป็นว่าเตี่ยขอร้องละนะ ทำเพื่อเตี่ยและครอบครัวเฮาเรื่องนี้เรื่องเดียว"
หลินในตอนนั้นไม่เข้าใจในเรื่องราวทั้งหมด แต่ก็ได้พยักหน้ารับคำเตี่ยไป
เมื่อหลินจบมัธยมศึกษาปีที่หก ทางท่านพินิจก็ได้ทวงถามสัญญามา และส่งสินสอดทองหมั้นมาจำนวนหนึ่ง ตอนนั้นในใจหลินไม่ได้รู้สึกว่าอยากรู้จักมักจี่กับทางฝ่ายหนุ่มคู่หมั้น อีกทั้งยังตัดสินใจเดินทางมากรุงเทพฯ เลย เธอไม่รู้แม้กระทั่งชื่อของคู่หมั้น และไม่คิดจะถามด้วยซ้ำไป
หลินอยู่ได้ด้วยเงินเก็บสะสมมาตั้งแต่เล็ก ๆ เนื่องจากมาจากครอบครัวคนจีน เตี่ยและแม่จะสอนเสมอเรื่องการออมเงินก่อนใช้ ซึ่งตัวเลขในบัญชีของหลินก็มากโขอยู่
แต่หลินมาอยู่ที่กรุงเทพฯ ใช้ชีวิตแบบกระเบียดกระเสียร เพราะมักจะคุยกับตัวเองเสมอว่า เราไม่รู้อนาคตไม่รู้วันพรุ่งนี้ เราต้องประหยัด
ฉะนั้นหลินจึงได้เช่าห้องพักขนาดเล็ก กว้างสองเมตร ยาวสองจุดห้าเมตร บนตึกติวเตอร์แถวหน้ามหาวิทยาลัย เป็นหอพักหญิงห้องน้ำรวม ราคาไม่แพงมากนัก รวมค่าน้ำค่าไฟเรียบร้อย
เด็กบางคนที่มาจากต่างจังหวัดส่วนใหญ่จะพักห้องละสองคน แต่หลินคิดว่าอยู่คนเดียวดีกว่า เพื่อให้มีสมาธิในการอ่านหนังสือ และทำกิจกรรมส่วนตัว หลินขออนุญาตหอพักติดเครื่องปรับอากาศ และขอติดมิเตอร์ไฟฟ้าเพื่อจ่ายเงินค่าไฟฟ้าในการติดแอร์เพิ่ม เธอไม่เคยย้ายหอพักและไม่สะสมสิ่งของใด ๆ เลย ใช้ชีวิตแบบพอเพียงจริง ๆ
‘ไหนแพรวาว่าจะมาก่อนเวลา ชิ...’ หลินนั่งมองนาฬิกา ทำหน้าเง้างึมงำอยู่ในใจ
"แหมมาสายแค่นาทีสองนาที ใจจะขาดหรือไงจ๊ะคนสวย" เสียงแพรวาดังมาแต่ไกล ส่งเสียงเย้าเพื่อนสาว ส่งยิ้มหวานมาพร้อมหิ้วถุงพะรุงพะรัง
หลินรีบวิ่งเข้าไปเพื่อที่จะช่วยแพรวาถือของ แต่ชะงักเล็กน้อย เมื่อเห็นเธอไม่ได้เดินมาคนเดียว เธอเดินมาพร้อมกับกฤษแฟนหนุ่ม และเพื่อนชายอีกสองคน ซึ่งหลินเคยเจอสามสี่หนแล้วที่ร้านแห่งนี้ หลินยกมือไหว้ทั้งสามคนแล้วกล่าวทักทาย
"สวัสดีค่ะ" สามหนุ่มรับไหว้ กฤษยื่นถุงใบหนึ่งให้หลิน
"นี่ของฝากหลินจ้า" หลินยกมือไหว้อีกครั้งพร้อมกล่าว
"ขอบคุณค่ะพี่กฤษ" แล้วส่งยิ้มให้แพรวา
ขณะนั้นมีเด็ก ๆ กลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน หลินจึงหยิบเมนูให้สามหนุ่มแล้วออกตัว
"เดี๋ยวหลินมานะคะ พี่เลือกเมนูไปก่อนค่ะ" เธอเดินไปทักทายเด็กกลุ่มนั้น
"รับอะไรดีคะ"
กฤษ ธรรมรัตน์ สถาปนิกหนุ่มนิสัยดี หน้าตาคมเข้ม ออกสไตล์ชายไทย สูงโปร่ง หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส อัธยาศัยดี ฐานะทางครอบครัวถือว่าดี เพราะมีหอพัก และอะพาร์ตเมนต์ให้เช่าอยู่หลายโครงการ ครอบครัวของเขา คุณพ่อดิเรกและคุณแม่สุพรรษาธรรมะธัมโมทั้งคู่ ทั้งสองเปิดร้านสังฆภัณฑ์ ใต้อะพาร์ตเมนต์ทุกแห่ง และเวลาว่างของทั้งคู่ คือ การไปปฏิบัติธรรมนั่นเอง กฤษเปิดบริษัทรับออกแบบตกแต่งภายใน เพราะเรียนมาด้านนี้โดยตรง และกำลังไปได้ดี เพราะมีเพื่อนดีทั้งพีคและภุชงค์คอยสนับสนุนและแนะนำลูกค้าให้
กฤษกับแพรวาเป็นแฟนกันตั้งแต่แพรวาเข้าปีหนึ่ง กฤษเป็นพี่ในคณะของแพรวา ซึ่งขณะนั้นกฤษเรียนปีสี่แล้ว กฤษเป็นสุภาพบุรุษไม่เคยล่วงเกินแพรวาเลย แค่จับมือและหอมแก้ม เขาบอกกับแพรวาว่า "พี่จะรอจนถึงวันที่เราแต่งงานกัน" ซึ่งฟังเรื่องนี้จากแพรวาทีไร หลินออกอาการฟินทุกที อยากมีความรักแบบนี้บ้าง
เพื่อนสนิทสองคนของกฤษ คือ พีค และ ภุชงค์ สามหนุ่มอายุเท่ากัน คือ ย่างเข้ายี่สิบเจ็ดปี พีค หรือ พีระ สุขประเสริฐ หนุ่มเนื้อหอมหน้าตาดี พูดน้อยแต่ปากหวาน ไม่ต้องส่งตาหวานให้ใคร สาว ๆ ก็วิ่งตามกันตรึม รูปหล่อพ่อรวย
จากที่แพรวาเล่า ครอบครัวพีคเปิดร้านจิวเอลรีมีสาขา ทั้งในกรุงเทพฯ พัทยา เชียงใหม่ และภูเก็ต และยังทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ใหญ่โต และตอนนี้ได้สร้างโรงแรมเสร็จแล้วสองแห่ง ที่กรุงเทพฯ และที่ภูเก็ต ซึ่งที่กรุงเทพฯ จะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้....
