บทที่ 10 ยกนี้ผมชนะ
“ว้าย! ฉันขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ มาค่ะๆ ฉันช่วยเช็ดให้” หญิงสาวกุลีกุจอหาผ้ามาช่วยเช็ดโต๊ะให้เขาอย่างรีบร้อน แต่เหตุการณ์กลับเลวร้ายขึ้นไปอีกเมื่อมือของหล่อนปัดไปโดนแจกันดอกไม้ล้มระเนระนาดจนน้ำในแจกันไหลไปผสมกับกาแฟเจิ่งนองเต็มโต๊ะ ระพีวิชญ์ ขบกรามแน่นกับภาพที่เห็นตรงหน้า
“ขะ...ขะ...ขอโทษค่ะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะคะ ได้ยินไหมคะ ว่าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ” หญิงสาวละล่ำละลักบอกเสียงสั่นๆ
“ผมบอกให้คุณออกไป” เขาบอกเสียงเย็น เมื่อเห็นหล่อนนิ่งไม่ยอมขยับเขยื้อน ชายหนุ่มจึงหันไปคว้าโทรศัพท์
“ฮัลโหล คุณทับทิมครับ ขึ้นมาพบผมที่ห้องหน่อย”
ขวัญฟ้าขมวดคิ้วแปลกใจ ปรับตัวไม่ทัน เขาช่างเปลี่ยนท่าทีได้รวดเร็วนัก ‘คุณทับทิม’ ไม่น่าจะใช่ชื่อของรปภ.หรอกมั้ง
“นี่พูดดีๆ ก็ได้ ที่จริงคุณนั่นแหละที่ผิด ก็คุณเอาแฟ้มมาทับ...โอ้ย!” หญิงสาวร้องลั่นเมื่อชายหนุ่มเดินมาฉุดต้นแขนหล่อนแล้วทำท่าจะลากให้เดินออกไป หากขวัญฟ้าขืนตัวไว้สุดฤทธิ์
“ผมบอกให้ออกไป...เดี๋ยวนี้!” เสียงเข้มนั่นทำให้เลือดในตัวเย็นเฉียบ
“โอ้ย! เจ็บนะ...ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้...คนบ้าบอกให้ปล่อย...หูแตกหรือไง...ปล่อย...ช่วยดะ...อุ้บ...”
ฉับพลัน! เสียงร้องของหล่อนถูกกลืนลงไปในคอทันทีเมื่อริมฝีปากงามถูกปิดด้วยจูบอันเร่าร้อนของเขาที่แผดเผาหล่อนด้วยไฟโทสะ รสจูบของเขาทำเอาหล่อนหัวหมุนคว้าง มึนงงไปกับรสสัมผัสที่ไม่เคยพบมาก่อน ก่อนเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนนุ่มนวลลง เรียวขาถูกแยกออกโดยต้นขาแข็งแรงที่แทรกเข้าล็อกตรึงร่างบางไว้ไม่ให้ดิ้นหนีได้
นี่คือการลงโทษเหรอ!
นายปีศาจร้ายพาหล่อนลอยล่องไปกับรสสิเน่หาอย่างคนที่ช่ำชอง มีลีลาและชั้นเชิงอันพราวแพรวล่อหลอกให้คนไม่ประสาต่อรสสวาทต้องเคลิบเคลิ้มเผลอจูบตอบอย่างเงอะงะ เมื่อถูกเรียวลิ้นร้ายเกี่ยวกระหวัดดื่มความหวานชื่นไปจนหล่อนแทบหมดเรี่ยวแรงเข่าอ่อนทรุดลง ขวัญฟ้าใช้มือข้างที่เป็นอิสระเปลี่ยนจากผลักไสเป็นโอบกอดรอบต้นคอหนาของชายหนุ่มไว้ เขาช่างสูงเหลือเกิน แม้ตัวหล่อนเองก็ไม่ได้เตี้ยอะไรแต่ตอนนี้กลับต้องเขย่งปลายเท้าเพื่อโอบรอบคอของเขาไว้ แว่วได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ที่ข้างหู
แล้วจู่ๆ...ชายหนุ่มก็หยุดการกระทำทั้งหมดลงฉับพลัน โดยที่หล่อนไม่ทันตั้งตัว เขาแกะมือที่โอบรอบคอออก ทำให้ขวัญฟ้าเซไปข้างหน้า ใบหน้างามตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงจัดด้วยความโกรธที่ถูกเขาแกล้ง
“เสียใจด้วยนะ คุณไม่ใช่สเปกผม” ปีศาจร้ายกระซิบเย้ยเบาๆ ปลายจมูกโด่งคลอเคลียที่แก้มนวลอย่างถือสิทธิ์
“นาย...นายแกล้ง...ฉัน” เสียงแหบโหยผ่านลำคอระหงอย่างยากเย็น
“เหรอ แต่ดูเหมือนคุณจะชอบโดนแกล้งแบบนี้นะ กอดผมแน่นเลยนี่”
“นะ...นาย อี๋” หญิงสาวเข่นเขี้ยว พลางถูริมฝีปากตัวเองอย่างขยะแขยง บ้าไปแล้วขวัญฟ้า อับอายขายหน้าจนอยากจะแทรกดินหนี ดูนั่นสิดู อีตาบ้านั่นกำลังยิ้มเยาะเย้ยหล่อน มันน่านัก...ริ้วโทสะวิ่งขึ้นหน้าจนมองเห็นช้างตัวเท่าปลวก
“โอ๊ะ...เฮ้ย!” ชายหนุ่มร้องเสียงหลง
“โอ๊ะ...เฮ้ย!” ชายหนุ่มร้องเสียงหลง เมื่อจู่ๆ แม่สาวตัวร้ายเตะหน้าแข้งเขาเข้าอย่างจัง ก่อนจับร่างสูงพลิกตัวจะทุ่มลงพื้นด้วยท่ายูโดที่ถนัด แต่ทว่าด้วยขนาดตัวคู่ต่อสู้ต่างกันมาก จึงกลับกลายเป็นว่าคนทุ่มถูกร่างหนาหนักล้มทับลงมาไม่เป็นท่า
“ว้าย!” ดีที่พื้นเป็นพรมร่างบางจึงไม่บาดเจ็บ แต่ก็ขยับเขยื้อนไม่ได้เพราะถูกตรึงไว้ด้วยร่างสูงใหญ่ บ้าชะมัด มันกลายเป็นแบบนี้ได้ไง ร่างสูงกว่า 180 เซนติเมตรเป็นอย่างต่ำไม่ต่างอะไรกับท่อนซุงหนักๆ ที่ทับร่างอรชรไว้ จะลุกหนีไปไหนก็ไม่ได้
ระพีวิชญ์ก้มมองใบหน้าที่เป็นสีเข้มด้วยแรงอารมณ์ของเจ้าหล่อน ก่อนกดยิ้มมุมปากอย่างขบขัน ยัยตัวแสบเอ้ย จะจับเขาทุ่มดันโดนทับเสียเอง“หัวเราะอะไร” คนหน้าหวานโกรธจนหน้าเขียว “รีบลุกไปสิ ตาบ้า หนักจะตายอยู่แล้ว...”
“ลุกไม่ไหว” คนตอบทิ้งน้ำหนักลงมาราวกับแกล้ง “คุณทำผมเจ็บ”
“ก็นายมาจูบฉันก่อนทำไม ไม่อยากตายก็ลุกไปเดี๋ยวนี้เลย อุ้บ!” เสียงแจ้วๆ ถูกกลืนลงคอไปอีกครั้ง แถมท่วงท่าช่างเอื้ออำนวยกว่าครั้งก่อนเสียด้วย ระพีวิชญ์จูบไล้ลึกล้ำกว่าครั้งแรก มือหนาประคองดวงหน้าหวานไม่ให้ดิ้นหนี ก่อนปล้นความหวานล้ำจากปากร้ายๆ นั่นอีกครั้งจนพอใจ ที่จริงเขายังไม่อยากหยุดลิ้มรสความหวานจากริมฝีปากงามที่ช่างพูดนั้นแม้แต่วินาทีเดียว หากไม่เป็นเพราะเขาต้องการที่จะสั่งสอนให้หล่อนรู้จักความพ่ายแพ้เสียบ้าง และตอนนี้หล่อนกำลังพ่ายแพ้ต่อหัวใจตัวเองอย่างแรงด้วยฝีมือของอสูรร้ายอย่าง ระพีวิชญ์ ...
‘บางทีลองรับหล่อนไว้ทำงานก็คงไม่เลวร้ายกระไรมากนักหรอกมั้ง...ยังไม่รู้ก็คงต้องลองดูซักกันตั้ง...’
“ยกนี้ผมชนะ”
