บทที่ 8 ฝากไว้ก่อนเหอะ...นายปีศาจร้าย…ทีใครทีมัน

‘ถ้าวันนี้มีใครมาสมัครงาน โทรมาแจ้งผมด้วยนะครับ’

แต่คำตอบกลับมาของท่านประธาน  ทำให้หล่อนถึงกับอึ้งกิมกี่

“พาเธอขึ้นมาที่ห้องผมได้เลย ผมจะสัมภาษณ์เธอเอง”

ท่านประธานรู้ได้ยังไง?...ว่าจะมีคนมาสมัครงาน แถมยังรู้ซะด้วยว่าคนสมัครเป็นผู้หญิง?

แต่คุณจีราพรก็ไม่ได้ถามอะไร คำสั่งก็คือคำสั่ง  และบัดนี้หล่อนได้ทำตามคำสั่งนั้นแล้ว  ถือว่าหน้าที่ของหล่อนเสร็จสมบูรณ์ ที่เหลือคือหน้าที่ของหญิงสาวตรงหน้าต้องรับมือเอง...

“ก๊อกๆ”

“เชิญครับ” เมื่อประตูเปิด ภาพที่ปรากฏตรงหน้าขวัญฟ้า คือ...

ห้องทำงานสีฟ้าอ่อนๆจนเกือบเป็นสีขาว ผนังด้านหนึ่งติดกระจกบานใหญ่  ส่วนอีกด้านมีชุดโซฟาไว้สำหรับรับรองแขก พื้นบุด้วยพรมอย่างดีเลิศ  สีเข้มลวดลายหรูหรา ทำให้ห้องดูกว้างขวาง โอ่อ่าสมกับฐานะของ ท่านเจ้าของห้อง  เฟอร์นิเจอร์เครื่องตกแต่งทุกชิ้นดูดี มีราคาอย่างที่น่าจะ...แพงระยับ...  ซึ่งของบางชิ้นหล่อนพอจะดูออกว่าเป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ไม่มีขายในเมืองไทย  แต่ที่น่าสังเกตคือของทุกชิ้นมีโทนสีร้อนแรงที่ตัดกับสีของผนังห้องอย่างน่ากลัว   ทว่าคนออกแบบกลับทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดูกลมกลืนลงตัวกับห้องแห่งนี้ได้อย่างน่าทึ่ง บ่งบอกถึงความมีรสนิยมสูงของเจ้าของห้อง

นี่เป็นห้องทำงานที่ดูเรียบง่าย  หากก็หรูหราเกินกว่าที่ขวัญฟ้าคิดมาก  ไม่น่าเชื่อ...

ไม่น่าเชื่อ  ว่านี่คือห้องที่...นายปีศาจ...นั่นทำงานอยู่

กลางห้องมีโต๊ะทำงานตัวใหญ่ซึ่งขณะนี้มีแฟ้มเอกสารกองพะเนินเป็นภูเขาขนาดย่อมๆ  ด้านซ้ายเป็นคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก  และสารพัดเครื่องเขียนและเศษกระดาษที่วางระเกะระกะดูไม่เป็นระเบียบนัก

หากแต่... ขวัญฟ้ากลับไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้าของห้อง  เพราะตอนนี้เก้าอี้ท่านประธานหันหลังให้ประตูอยู่

“ท่านประธานคะ ดิฉันพา... เอ่อ...มาแล้วค่ะ” คนพูดไม่รู้จะสรรหาคำใดมาบอกว่าคนที่ตนพามาพบคือใคร

ขวัญฟ้าสูดหายใจลึกเพื่อเรียกความมั่นใจ ไม่เข้าใจตัวเอง  จะกลัวอะไรนักหนา  หากเขาไม่รับก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่นา  ตัวหล่อนเองคงไม่ถึงกับต้องอดตายหรอกน่า...

เก้าอี้ของท่านประธานค่อยๆ หันมาช้าๆ ขวัญฟ้า กลั้นหายใจตื่นเต้น แสงแดดจ้าที่สะท้อนจากหน้าต่างเบื้องหลังทำให้หล่อนมองไม่ถนัด  ภาพที่เห็นจึงคล้ายกับว่ามีรัศมีเจิดจ้าเปล่งประกายออกมาจากตัวคนที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ตัวนั้น  และเมื่อตาเริ่มปรับแสงสว่างได้...

“ตุ้บ...”

เสียงกระเป๋าเอกสารที่หล่อนถือมาด้วยร่วงกระจายกับพื้น  พร้อมกับหัวใจที่ร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม นัยน์ตาสวยเบิกกว้าง ใบหน้านวลเปลี่ยนจากสีชมพูอ่อนๆเป็นสีขาวซีดแล้วค่อยกลับแดงจัด  หญิงสาวอ้าปากค้างอย่างตกตะลึงพรึงเพริศสุดชีวิต...แข้งขารู้สึกอ่อนแรงจนร่างระหงซวนเซ  แทบจะไม่สามารถพยุงตัวเองไว้ได้ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนักมวยที่ถูกน็อกร่วงไปนอนนับดาว...

งานเข้าแล้วไอ้ขวานฟ้า!!

“นะ...นะ...นาย ”    ริมฝีปากบางพึมพำแทบไม่เป็นภาษามนุษย์

เป็นไปได้ยังไง...

ทำไม...ทำไมหล่อนถึงไม่...ไม่เฉลียวใจซักนิดนะ

“ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”

ขวัญฟ้าแอบสะดุ้ง หันไปมองผู้หญิงข้างๆ ที่กำลังจะตัดช่องน้อยแต่พอตัวทิ้งหล่อนเผชิญชะตากรรมเพียงลำพังด้วยสายตาอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร   หากอีกฝ่ายกลับทำเป็นไม่รู้ซะนี่

เวรกรรม!

เมื่อประตูปิดสนิทลง  บรรยากาศในห้องก็เข้าสู่ภาวะเงียบงันเหมือนป่าช้า คนบอกจะสัมภาษณ์หล่อนกลับทำเป็นไม่สนใจคนที่เขาจะสัมภาษณ์ซักนิด  ไม่แม้แต่จะเชิญหล่อนให้นั่งลงด้วยซ้ำ  จะพูดให้ถูกคือเขาแทบไม่ชายตาแลหล่อนเลยต่างหาก...

ไอ้คนไร้มารยาทเอ้ย!

ขวัญฟ้านึกเข่นเขี้ยวในใจอย่างโกรธจัด พลางก้มลงเก็บเอกสารที่หลุดมือกระจายเมื่อกี้ใส่กระเป๋า

มันต้องไม่ใช่ความจริงแหงๆ  โอย...นี่หล่อนฝันไปหรือไรนะ แต่เมื่อลองเอามือหยิกตัวเองแรงๆ

โอ้ย! เจ็บชะมัด...ไม่ใช่ฝันนี่หว่า

แต่...อีตายามปากเสีย นั่นไม่มีทางจะเป็นคนเดียวกับ...ท่านประธานกรรมการผู้บริหาร...ตรงหน้าหล่อนเวลานี้ได้...ไม่มีทาง...แล้วภาพที่เห็นตอนนี้มันคืออะไรกันล่ะ

ให้ตายเหอะ...นี่หล่อนเดินสะดุดเหยียบตอจังๆ เลย ซวยอะไรอย่างนี้

เมื่อเก็บเอกสารทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย หล่อนก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้นำใบสมัครและหลักฐานอะไรให้เขาเลยซักอย่าง  จึงรวบเอกสารในมือบรรจงวางอย่างเบามือ หากชายหนุ่มตรงหน้าก็ไม่มีทีท่าว่าจะละสายตาไปจากแฟ้มเอกสารเล่มหนานั่นซักนิดแถมเมื่ออ่านเสร็จก็โยนแฟ้มนั้นทับบนเอกสารของหล่อนอีกต่างหาก ถึงหญิงสาวจะรู้ดีว่าตนกำลังถูกเขาแกล้งเมินใส่อยู่  แต่สมองน้อยๆก็พร่ำบอกกับหล่อนว่าให้อดทนต่อไป  นี่คือบททดสอบแรกเท่านั้น  อย่าให้เขาเห็นความอ่อนแอของเด็ดขาด

ให้มันรู้ไปสิว่าคนอย่าง ขวัญฟ้า จะแพ้ให้กับนายปีศาจหน้าหยกนี่

เมื่อไม่ให้นั่งก็จะไม่นั่ง  เมื่อไม่ยอมพูดด้วยก็ไม่ต้องพูด  แต่จะให้หล่อนยอมแพ้เขานั้น...ไม่มีวัน

ฝากไว้ก่อนเหอะ...นายปีศาจร้าย…ทีใครทีมัน

รู้งี้เชื่อไอ้เชอร์รี่แต่แรกก็ดี  ไม่น่าเลยเราอยู่ดีไม่ว่าดีหาเรื่องใส่ตัว หาเหาใส่หัวตัวเองจริงๆ

เวลาผ่านไปนาน คนตรงหน้าก็ไม่มีทีท่าจะใส่ใจหล่อนซักนิด  ส่วนคนที่ยืนบนส้นสูงนานๆ ก็ชักเมื่อยขาเต็มทนแถมหิวสุดๆ   กาแฟกับขนมปังปิ้งที่รองท้องมาแต่เช้าก็ไม่รู้หายไปไหนหมด แถมหล่อนต้องนั่งรอนานๆซ้ำแล้วซ้ำเล่า อาหารมื้อกลางวันยังไม่ตกถึงท้องเลยซักนิด  จนในที่สุด...

“โครก!...อุ้ย! ขะ...ขอโทษค่ะ” เสียงท้องร้องดังสนั่นของขวัญฟ้า เหมือนสัญญาณเตือนชายหนุ่มว่ายังมีใครอยู่ด้วยอีกคน

ระพีวิชญ์ เงยหน้าจากแฟ้มเอกสาร  ตวัดหางตาคมกริบมองหญิงสาวตรงหน้า  ที่ตอนนี้หน้าแดงด้วยความอับอายเป็นที่สุด

บทก่อนหน้า
บทถัดไป