บทที่ 4 พินัยกรรม

เช้าวันถัดมา ผมตื่นขึ้นความรู้สึกดีกว่าเมื่อวานมากนัก รู้สึกสดชื้นขึ้นเยอะเลยทีเดียว เวลาสายของวัน พี่เนมก็เข้ามา และบอกให้ผมอาบน้ำแต่งตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เอี่ยมที่พี่เนมเป็นคนนำมา และเราก็ออกจากโรงพยาบาลกัน โดยมีพี่เนมเป็นคนขับรถให้  เมื่อผมได้เห็นรถของพี่เนมชัดๆรถ Lamborghini  อเวนทาดอร์ สีดำสนิท รถของพี่เนมหรูมากครับ จนผมไม่กล้าที่จะเข้าไปนั่ง กลัวจะทำให้รถของพี่เนมเสียหาย เกิดเป็นรอยขึ้นมา ผมแย่แน่ๆ วันนั้นอะไรดลใจให้ผมโบกรถของเขาไปกันนะ!!  พี่เนมบอกให้ผมขึ้นรถพร้อมกับจ้องมองนิ่งๆ เหมือนบังคับกลายๆ ผมเลยจำใจต้องขึ้นรถมานั่งข้างเขา ที่นั่งภายในมีเพียง 2 ที่เท่านั้นเอง ถ้าเป็นผม ผมจะไม่ซื้อรถแบบนี้มาใช้เด็ดขาดเลย ไม่มีความคุ้มค่าเลยสักนิด ราคาแพงแต่ไปได้น้อยคนแบบนี้

“จะไปสุสานใช่ไหม” พี่เนมถามผม ทำลายความเงียบที่อยู่ในบรรยากาศ

“ครับ ใช่ครับ” ผมตอบกลับพี่เนมและนั่งตัวเกร็ง ไม่กล้าให้ร่างกายไปโดนส่วนไหนของรถมากนัก ผมกลัวว่าจะทำให้รถพี่เนมเสียหาย

“นั่งตามสบายเถอะ ไม่ต้องเกร็ง มันน่างุดหงิด” พี่เนมบอกขึ้น เพื่อให้ผมนั่งสบายๆ แต่พี่โว้ยยยยยย เกร็งยิ่งกว่าเดิมอีกครับ!!!   พี่เนมเล่นพูดแบบนี้แล้วผมจะได้นั่งตามสบายได้ยังไง ฮืออออ

“ฉันบอก ได้ยินไหม” พี่เนมพูดย้ำขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้น เมื่อผ่านไปสักพัก แต่ผมยังนั่งตัวเกร็งยิ่งกว่าเดิม แถมยังเป็นมากกว่าเดิมเสียอีก ก็ใครมันจะไปกล้าว่ะ

“คะ ครับ” ผมตอบรับเสียงสั่นๆ และค่อยๆแนบหลังลงกับพนักพิง พี่เนมมีท่าทีที่ดีขึ้น ฟู่ววววว  ผมว่าพี่เนมใจดีนะครับ ในเวลาเดียวกัน พี่แกก็น่ากลัวด้วย เมื่อเห็นว่าพี่เนมลดบรรยากาศกดดันนั้นลงแล้วนิดหนึ่ง ทำให้ผมก็ผ่อนคลายไปหลายส่วน และยอมนั่งแบบสบายๆจริงๆสักที

“จะซื้อดอกไม้ไหม”

“อ่อ ไม่ครับพี่เนม ผมไม่มีเงิน” ผมตอบกลับพี่เนมพร้อมๆกับรถที่หยุดลงที่หน้าร้านดอกไม้พอดี ถ้าพี่จะถามผมโดยไม่รอคำตอบ พี่จะถามทำไมคร้าบบบบบบ

“อืม รอนี่” พี่เนมพูดแล้วก็ลงจากรถไป ผ่านไปสักพักใหญ่ จึงเห็นพี่เนมเดินถือดอกไม้มา 2 ช่อใหญ่ แล้วเปิดประตูรถ ส่งมันให้กับผมทั้ง 2 ช่อ

“พี่เนมซื้อไปให้ใครครับ” ผมถามพร้อมกับเอียงหน้ามอง คงจะเป็นพวกสาวๆนั้นละมั้ง แต่มี 2 ช่อเนี้ยนะ สาว 2 คนเลยหรอว่ะ เห็นนิ่งๆ เจ้าชู้ใช่เล่นแฮะ

“ของนายกับของฉัน คนละช่อ” พี่เนมตอบกลับมาและออกรถอีกครั้ง

อ้าว นึกว่าเอาไปให้สาว ผมขอโทษครับพี่มองพี่เป็นคนไม่ดี ผมมันเนรคุณ งื้อออ ว่าแต่ พี่เขาเอามาให้ผมทำไม

“พี่เนมให้ผมทำไมครับ??” ผมถามพร้อมกับเครื่องหมายเควสชั่นมาร์คเต็มหัวไปหมด

“เอาไปไหว้ที่สุสาน” พี่เนมตอบผมมานิ่งๆ และตั้งใจขับรถ

“ขอบคุณครับ พี่ให้ผมมากเกินไปแล้ว ผมจะใช้คืนพี่ยังไง” ผมตอบพร้อมกับน้ำตาที่รื้นขึ้น ผมบอกแล้วไงครับ พี่เนมเขาใจดี ผมไม่ค่อยได้เจอคนที่มีน้ำใจแบบนี้เท่าไหร่นัก ทำให้ผมอดรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณไม่ได้เลย

“แล้วอีกช่อนี่ละครับ” ถึงช่อหนึ่งจะเป็นของผม แต่อีกช่อนี่สิของใครกันนะ

“ของพ่อกับแม่พี่” พี่เนมตอบมานิ่งๆ และไม่ได้พูดอะไรอีก และบรรยากาศรอบๆตัวก็เปลี่ยนไป มันกดดันอย่างกับปล่อยจิตสังหารออกมาได้เลย ทำให้ผมกลับมานั่งตัวเกร็งอีกครั้ง และไม่ได้พูดอะไรต่อไปอีก

ไม่นานเราก็มาถึงสุสานครับ พี่เนมกับผมถือดอกไม้กันคนละช่อ แล้วเดินตรงมายังสุสาน พอถึงทางแยก ผมก็เห็นพี่เนมเดินแยกไปอีกทาง ผมจึงเดินมาหาพ่อของผมบ้าง แล้วเอาดอกไม้ไปวางไว้หน้าหลุมศพ ผมไม่ค่อยได้มาหาพ่อเท่าไหร่ครับ เพราะมันไกลจากบ้านผมพอสมควรเลย แม่ผมพามาอยู่ไม่กี่ครั้ง ไม่ได้บ่อย แต่ก็ไม่ได้ถึงกับห่างหายไปเลย  ผมคุกเขาอยู่ที่พื้น และคิดถึงคำพูดของแม่ตอนนั้น

‘นะ นะ นาย ฟังแม่นะลูก ไป อึก ไปหาพ่อ ที่สุสานนั้น เปิดแผ่นหินออก แค่กๆ แม่คงอยู่กันหนูไม่ได้แล้ว แค่กๆ แม่ยังไม่ได้บอก ไม่ได้บอก แค่กๆ แค่กๆ’

อืมมม ไปหาพ่อที่สุสาน เปิดแผ่นหินออก มีเรื่องที่แม่ยังไม่ได้บอก คำพูดของแม่ทำให้ผมนั่งนิ่งคิด เรื่องอะไรที่ไม่ได้บอกผม เรื่องอะไรที่ปิดบังผมอยู่ ไม่รอให้สงสัยนาน ผมเริ่มคลำๆหาที่เปิดแผ่นหินทันที ผิวด้านหน้าเรียบเนียน ไม่มีอะไรที่คล้ายกับลูกบิด หรือที่เปิดเลย  แต่ที่มุมด้านหนึ่งเหมือนกับเป็นรอยแตกเล็กๆ ที่ทำให้สอดนิ้วเข้าไปได้ 1 นิ้ว  ผมสอดนิ้วชี้เข้าไปอย่างกลัวๆแล้วลองดึง ก็ผมไม่รู้นี่น่า ว่ามันจะมีตัวอะไรในนั้นบ้าง แต่ดึงยังไงก็ดึงไม่ออก หรือจะไม่ใช่ตรงนี้นะ ผมนึกพร้อมกับจะชักนิ้วออก ขณะนั้นผมรู้สึกว่านิ้วโดนตออะไรสักอย่าง นิ่มๆเหมือนจุกยาง นูนขึ้นมาหน่อยๆ เลยลองใช้นิ้วชี้สำรวจแล้วลองกดลงไป

แกร็ก

แผ่นหินที่มีรูปของพ่อผมติดอยู่เด้งออกมานิดๆ ผมเลยลองใช้นิ้วชี้ลองดึงออกอีกครั้ง และครั้งนี้มันเปิดออกได้จริงๆ เมื่อเปิดออกผมเห็นกล่องเหล็กขนาดไม่เล็ก ไม่ใหญ่ ขนาดใกล้ๆกับครึ่งกระดาษ A4 เลยหยิบขึ้นมาสำรวจและเปิดดู ในนั้นมีรูปถ่ายของพ่อกับแม่ยืนยิ้มหน้าบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งอย่างมีความสุข ในชุดแต่งงานที่ทำให้แม่ของผมเหมือนกับนางฟ้าเคียงคู่กับเทวดารูปหล่อข้างกาย ผมยิ้มให้กับรูปภาพนั้น ความสุขที่ผมรู้สึกได้ทำให้ผมรู้สึกดีตามไปด้วย ผมไม่เคยเห็นรูปงานแต่งของพวกท่านมาก่อนเลย นี่จึงเป็นรูปแรกที่ผมได้เห็นพ่อกับแม่สมัยยังหนุ่มยังสาว นอกจากนี้ภายในกล่องยังมีซองจดหมาย และซองเอกสารสีน้ำตาล สิ่งที่ผมเปิดอ่านเป็นอันดับแรกคือจดหมายครับ ผมอยากรู้ว่าเรื่องอะไรที่แม่ไม่เคยบอกผม

นายลูกรัก ถ้าลูกได้เปิดจดหมายนี้อ่าน แสดงว่าพ่อกับแม่ คงไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว จดหมายนี้พ่อและแม่ร่วมกันเขียน พ่อกับแม่รู้ดีสักวันมันจะเกิดขึ้น เราแค่ไม่รู้ว่าใครจะตายก่อน สิ่งที่จะบอกต่อไปนี้คือสิ่งที่พวกเราทั้งคู่พยายามกลบฝังมัน อยากลบมันออกไปจากชีวิต เราไม่อยากให้ลูกต้องเข้าไปพัวพันกับเรื่องพวกนี้ แต่หากเราทั้งคู่ไม่อยู่แล้ว อย่างน้อยลูกก็ต้องสามารถอยู่ได้โดยไม่ลำบาก

ครอบครัวของพ่อ แต่เดิมทำธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท เป็นบริษัทชั้นนำของประเทศ และพบรักกับแม่ของลูก แม่เขาเป็น PR หน้าเคาน์เตอร์ของโรงแรมในเครือของพ่อ พ่อตกหลุมรักแม่ของลูกตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรก แม่ของลูกสวยมาก พ่อตามจีบแม่อยู่หลายเดือน และฝ่าฟันอุปสรรคมาด้วยกัน เนื่องจากคุณย่าไม่ยอมรับแม่ของลูก แต่สุดท้ายก็ยอมใจอ่อน และให้เข้ามาอยู่บ้านด้วยกัน พ่อมีน้องชายอยู่ 1 คน น้องชายของพ่อคนนี้ต้องการครอบครองธุรกิจทั้งหมด และไม่ยอมรับการแต่งงานนี้ เพราะเขาเองก็หลงรักแม่ของลูกอยู่เช่นกัน เขาจึงคิดครอบครองทุกอย่าง รวมถึงแม่ของลูกด้วย พ่อไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรขึ้นมาอีก จึงได้ละทิ้งทุกอย่าง และออกมาใช้ชีวิตอย่างสงบๆกับแม่ของลูก

ถึงแม้จะลำบาก แต่พ่อมีความสุขมาก เมื่อมีแม่ของลูกและลูกอยู่ข้างๆกัน คุณย่ายืนยันว่าทรัพย์สินของพ่อ ก็ยังคงเป็นของพ่อ พ่อจึงเขียนพินัยกรรมนี้เอาไว้ให้ลูก หากไม่มีใครให้พึ่งพิง ไปหาย่าของลูกนะ หากลูกไม่อยากเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็เก็บเงินจำนวนนี้ไว้ตั้งตัว ทำธุรกิจของตัวเอง พ่ออยากให้ลูกเลือกทางที่ลูกมีความสุขที่สุด และพ่อรู้ว่าลูกจะเลือกทางที่ดีให้ตัวเอง แต่ลูกจงรู้ไว้ ระวังตัวให้มาก เพราะเราไม่รู้ว่าใครมาดีหรือมาร้าย อย่าให้ตัวเองตกที่นั่งลำบาก หากมีเรื่องอะไรที่ลูกแก้ไม่ตก ติดต่อหาทนายวิทยา เขาเป็นเพื่อนของพ่อเอง ลูกไว้ใจเขาได้ พ่อรักลูกนะ

จากพ่อและแม่ที่รักลูกที่สุด"

เมื่อผมอ่านจบก็เปิดพินัยกรรมที่พ่อทิ้งไว้ให้ โดยสรุปเป็นข้อๆ

1. ที่ดินพร้อมบ้าน 1 หลัง เนื้อที่ 1,500 ไร่ ที่จังหวัดอยุธยา ผู้ทำพินัยกรรม นายพิชิต พัชรวิทิต มอบให้ เจ้านาย พัชรวิทิต  พยาน นางสุจิตรา พัชรวิทิต

2. โรงแรมกรีนวิลล์, โรงแรมโอเชียนวิลล์, พิชิตรีสอร์ท และ โรงแรมบลูสกาย เนื้อที่ 300, 500, 200 และ 30 ไร่ ที่จังหวัดนครราชสีมา ภูเก็ต เชียงราย และ กาญจนบุรี  ผู้ทำพินัยกรรม นายพิชิต พัชรวิทิต มอบให้ เจ้านาย พัชรวิทิต  พยาน นางสุจิตรา พัชรวิทิต

3. เงินในบัญชีธนาคาร จำนวน 530 ล้านบาท เจ้าของบัญชี นายพิชิต พัชรวิทิต มอบให้ เจ้านาย พัชรวิทิต  พยาน นางสุจิตรา พัชรวิทิต

4. หุ้นส่วน ของบริษัท โอแกรนวิลล์ 35%

ผู้ทำพินัยกรรม นายพิชิต พัชรวิทิต มอบให้ เจ้านาย พัชรวิทิต  พยาน นางสุจิตรา พัชรวิทิต

เงื่อนไข

1. ติดต่อ นายวิทยา แสงจันทร์หอม ทนายความผู้ร่างพินัยกรรม เบอร์โทร 086-966-**xxxx วันที่ 11 สิงหาคม 2543

เมื่อผมอ่านจบ ผมได้แต่นั่งนิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้น....

บทก่อนหน้า
บทถัดไป