บทที่ 7 เริ่มงานวันแรก

เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังขึ้นแต่เช้า ทำให้ผมคิดขึ้นได้ว่าผมต้องไปปลุกพี่เนม เพื่อให้พี่เนมได้ออกไปทำงาน ผมตื่นมาตอนตี 5.30 น. เพื่ออาบน้ำ แต่งตัว แล้วลงไปบอกเมนูอาหารให้กับป้านุ่มได้รับทราบ อาหารเช้าในวันนี้ที่ผมคิดก็คือ เบคอน ไข่ดาว ขนมปัง กาแฟ และ แอปเปิล เมื่อป้านุ่มได้ฟังก็เตรียมตัวออกไปจ่ายตลาด ผมไม่รู้ว่าปกติที่บ้านนี้ทานอาหารเช้ากันยังไง ไว้เดี๋ยวผมจะไปถามป้านุ่มอีกที เผื่อพี่เนมมีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษจะได้เพิ่มเข้าไปในเมนู เมื่อจัดการเรื่องอาหารเรียบร้อยแล้ว ผมก็เข้าห้องไปปลุกพี่เนม เคาะประตูสอง สาม ครั้ง เพื่อบ่งบอกให้รู้ว่าผมกำลังจะเข้าไป ห้องของพี่เนมมืดสนิทเลยครับ มองแทบไม่เห็นอะไรเลย เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่ผมทำก็คือเดินไปที่หน้าต่างเพื่อเปิดผ้าม่านออก แสงสว่างส่องผ่านเข้ามาภายในห้องนอน

“อืมมม” พี่เนมส่งเสียงงัวเงียเล็กน้อยเมื่อมีแสงรบกวนการนอน ทำให้ผมหันไปมองเพื่อลงมือปลุกพี่เนม แต่ภาพที่เห็นทำให้ผมหยุดชะงัก พี่เนมในสภาพเปลือยอก แขนวางพาดไว้ด้านบนศีรษะ มืออีกข้างวางบนหน้าท้อง ทำให้ผมเห็นกล้ามแขนที่น่าขบกัดเบาๆ ของพี่เนม ไหนจะหน้าท้องเป็นลอนลูกคลื่น แซมด้วยไรขนอ่อนๆ ไล่ลึกลงไปด้านล่าง ที่สวมใส่กางเกงอย่างหมิ่นเหม่อ เหมือนรูปปั้นชาวกรีกโบราณ ทำให้ผมกลืนน้ำลายดึง เอื้อก

“พะ พะ พี่เนม พี่เนมตื่นได้แล้วครับ” เมื่อตั้งสติได้ ผมก็ส่งเสียงพี่เนมเบาๆ น้ำเสียงของผมสั่น ผมรับรู้ได้ ผมว่า หน้าของผมต้องแดงเป็นลูกตำลึงแล้วแน่ๆ

“พี่เนมครับ พี่เนม เช้าแล้วครับ” เมื่อเห็นว่าคนที่หลับใหลอยู่ยังไม่รู้สึกตัว ผมจึงเดินเข้าไปปลุกใกล้ๆ แล้วเขย่าตัวของพี่เนมเล็กน้อย

“อืมมมม นายหรอ” พี่เนมเปิดเปลือกตาแล้วส่งเสียถาม น้ำเสียงที่แหบพร่าแต่หากว่าฟังดูเซ็กซี่

“ครับ เช้าแล้วนะครับ เดี๋ยวก็ไปทำงานสายหรอก”

“กี่โมงแล้ว”

“6 โมงครึ่งครับ ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนนะครับ จะได้ลงไปทานข้าวเช้า” ผมบอกพี่เนมแล้วหันไปเตรียมผ้าขนหนูเอาไว้ให้พี่เนมไปพลางๆ

“อืม” พี่เนมลุกขึ้นแต่โดยดี แล้วหยิบเอาของที่ผมเตรียมไว้ให้เข้าห้องน้ำไปด้วย ระหว่างนั้นผมก็จัดเตรียมเสื้อผ้าให้กับพี่เนม ที่ผมเลือกหยิบออกมาก็คือเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสแล็ค เสื้อสูท และถุงเท้าสีดำ เนกไทสีน้ำเงินเข้ม เมื่อจัดเตรียมเสื้อผ้าเสร็จผมก็แขวนทุกอย่างไว้ที่หน้าตู้เสื้อผ้าภายในห้อง แล้วเริ่มจัดเตียงให้ ผมมองไปรอบห้องเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย กำลังจะก้าวเท้าออกจากห้อง

ฉับพลันผมกลับนึกขึ้นมาได้ ผมค่อยๆ หันไปมองเสื้อผ้าที่แขวนอยู่หน้าตู้อีกครั้ง ผมกลับลืมเตรียมสิ่งที่สำคัญที่สุดไปซะได้ และสิ่งนั้นมันทำให้ผมถึงกับหน้าแดง สิ่งที่ผมลืมไปนั้นก็คือ ชั้นใน ครับ ชั้นในของพี่เนม ตอนที่พี่เนมเข้าห้องน้ำไป ก็ไม่ได้ถือติดมือไปด้วยแต่อย่างใด เพราะงั้นจะต้องออกมาใส่ข้างนอกแน่ๆ โอ้ยยยยยย ผมต้องมาเตรียมส่วนนี้ให้จริงๆ หรอครับ เอาว่ะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เอาบ๊อกเซอร์ก่อนแล้วกัน ส่วนนี้ไม่มีปัญหาเท่าไหร่ครับ ถ้าให้ผมมอง มันก็เหมือนซับในแหละครับ แต่ที่สำคัญจริงๆ คือ กางเกงในต่างหาก

ผมเปิดลิ้นชักออก มองหาบ๊อกเซอร์ก่อน มันแยกฝั่งกันชัดเจนระหว่างบ๊อกเซอร์และกางเกงใน ผมหยิบอย่างลวกๆ มาอย่างละชิ้น แต่ด้วยความที่ผมรีบเกินไป ทำให้ผมหยิบกางเกงในออกมา 2 ตัว และมันก็ร่วงลงที่พื้น ผมเอาบ๊อกเซอร์และกางเกงใน ในมือไปแขวนรวมไว้กับเสื้อผ้าอื่นๆ แล้วหันกลับมาจัดการกับกางเกงในที่ร่วงอยู่ ผมหยิบมันขึ้นมาด้วยมือที่สั่นนิดๆ แล้วคลี่มันออกเพื่อที่จะพับใหม่

แกร๊ก

“ทำอะไรน่ะ”

“เย้ยยยยยยยยยยย” เสียงของพี่เนมทำให้ผมตกใจแล้วโยนกางเกงในไปที่อกของพี่เนมทันที พี่เนมมองตามสิ่งที่มากระทบตัว และร่วงลงพื้นอย่าสวยงาม เป็นรูปร่างกางเกงในชัดเจน

“กางเกงใน... ของฉัน?”

“อะ อ่อ คะ คือ คือ ผมจะเตรียมเสื้อผ้าให้พี่น่ะครับ ละ ละ แล้วผมลืมเตรียมกางเกงในกับบ๊อกเซอร์ไว้ให้ ละ ละ เลย จะเอามันออกมาเตรียมน่ะครับ” เสียงของผมกระตุกกระตัก พี่เนมออกจากห้องน้ำในสภาพที่ผมสีดำขลับเปียกลู่ระไปกับต้นคอ แผ่นอกเปลือยเปล่า โดนแสงแดดอ่อนๆ โลมไล้รูปกาย ราวกับรูปปั้นประติมากรรม ต่ำลงมา เป็นผ้าขนหนูที่ถูกพันไว้อย่างลวกๆ ยืนหัวไหล่พิงขอบประตู และกำลังก้มหน้ามองดูกางเกงในของตัวเองอยู่ที่พื้น

“อืม คราวหลัง ส่วนนี้ไม่ต้องเตรียมให้ฉัน” พี่เนมพูดแล้วก้มลงเก็บกางเกงในของตัวเอง ก่อนจะโยนมันลงตะกร้าผ้าที่ตั้งอยู่ด้านในห้องน้ำ ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ใส่

“มีอะไรก็ไปทำเถอะ”

“คะ คะ ครับๆ” เมื่อผมได้รับคำอนุญาตก็วิ่งจู้ดออกจากห้องของพี่เนมทันที โอ้ยยยยยยย ใจผม มันเต้นดังจนจะระเบิดอยู่แล้ว ฮืออออออออออ พี่เนมจะคิดว่าผมเป็นพวกโรคจิตไหมนะ เอากางในพี่เขามาคลี่กางดูขนาดนั้น อ้ากกกกกกกกกกกกกกกก ผมนั่งดึง ทึ้งหัวตัวเองจนยุ่งไปหมด ไม่นานพี่เนมก็เดินมานั่งที่โต๊ะ เพื่อทานอาหารเช้า ผมที่เห็นพี่เนมเข้ามาก็รีบไปยื่นอยู่ข้างๆ ป้านุ่มทันที พี่เนมเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม

“ทำไมจัดแค่ที่เดียว”

“คุณนายบอกว่าจะเข้าไปทานในครัวกับพวกเด็กๆ ค่ะ” ป้านุ่มทำหน้าที่ตอบคำถามแทนผม ที่จริงป้านุ่มก็บอกแล้วแหละ ว่าให้ผมนั่งทานคู่กับพี่เนม แต่ผมดึงดันว่าจะไปทานกับพวกเด็กรับใช้ในครัว พี่เนมจ้างผมมาทำงานเหมือนกัน เพราะงั้นผมไม่มีอภิสิทธิ์เหนือใคร

“จัดเพิ่มอีกที่ นาย มานั่งนี่” พี่เนมพูดแล้วส่งสายตาจ้องมองผมนิ่งๆ ตามสไตล์เขานั่นละครับ

“พี่เนมจ้างผมมาทำงานเหมือนกัน ผมไม่ควรเอาเปรียบคนอื่นๆ ครับ” ผมตอบพี่เนมกลับไป และไม่ได้ไปนั่งข้างเขาแต่อย่างใด

“ฉันสั่ง มานี่” พี่เนมบอกและจ้องมองผมเขม็งมากขึ้น เพื่อเป็นการบังคับกลายๆ ป้านุ่มที่อยู่ข้างๆ ดันหลังผมเบาๆ ให้ก้าวไปข้างหน้า ผมหันหลังไปมอง ก็พบป้านุ่มส่งยิ้มใจดีให้และพยักหน้าให้ผมทำตามที่พี่เนมสั่ง ผมจึงเดินไปนั่งข้างๆ เนมอย่างเสียไม่ได้ พร้อมๆ กับเด็กรับใช้ที่จัดโต๊ะเพิ่มอีกที่เสร็จเรียบร้อย

“ต่อไปนี้ นั่งทานข้าวเป็นเพื่อนฉันทุกมื้อ” พี่เนมพูดแค่นั้นแล้วหันกลับไปทานข้าวต่อเงียบๆ

“ครับ” อ่า ก็คือพี่เนมอยากมีเพื่อนทานข้าวด้วยสินะ

“พี่เนมครับ ผมขอถามได้ไหม”

“ว่า”

“เมื่อคืน ผมจำได้ว่าก่อนออกจากห้อง พี่ใส่เสื้อนอนอยู่เลย ทำไมเช้ามา ถึงถอดเสื้อได้ละครับ” ผมถามไปก็หน้าแดงไป ผมสงสัยจริงๆ นะ เมื่อคืนพี่เนมใส่เสื้อสีขาว ทำไมเช้ามาผมกลับได้พบแผงอกล่ำๆ ของพี่เขาแทนละ

“ฉันร้อน ก็เลยถอด” ห้องพี่เนมอย่างกับขั้วโลกเหนือขนาดนั้น ยังร้อนได้อีกหรอครับ!!! แบบนี้ผมไม่ต้องเจอพี่เนมที่อยู่ในสภาพถอดเสื้อนอนทุกวันเลยรึ

“คะ ครับๆ แล้ว พี่เนมมีอาหารที่ชอบไหมครับ ผมจะได้เพิ่มเข้าไปในเมนูอาหารน่ะครับ”

“ไม่มี ปกติตอนเช้าฉันดื่มแค่กาแฟแก้วเดียว”

“ไม่ได้นะครับ ถ้าดื่มแค่นั้นจะมีแรงพอที่จะทำงานหรอครับ อาหารเช้านี่สำคัญมากเลยนะครับ”

“ไม่งั้นฉันจะจ้างนายมาทำไม?” พี่เนมถามแล้วมองสบมาที่ผม

“อ่าาาา ถ้าพี่ไม่มีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษ งั้นผมขอจัดเมนูเต็มที่เลยนะครับ” ผมบอกพี่เนมแล้วมุ่งมั่นที่จะหาเมนูอาหารอื่นๆ ที่เหมาะสม เพื่อเตรียมให้พี่เนมในแต่ละวัน

“แล้วแต่นาย”

เมื่อเราทานอาหารเช้าเสร็จ ผมก็รีบวิ่งไปหยิบกระเป๋าเอกสาร แล้วเอามายื่นส่งให้พี่เนมที่หน้าที่บ้าน พี่เนมรับกระเป๋าไปแล้วเอ่ยขอบใจเบาๆ ก่อนจะขับอเวนทาดอร์ออกไปจากรั้วบ้าน

เอ แล้วผมจะทำอะไรระหว่างรอดีนะ ผมไปหาป้านุ่มดีกว่า เผื่อจะมีอะไรให้ผมช่วย

ผมใช้เวลาขับรถไม่นาน ก็มาถึงที่บริษัท เมื่อมาถึงผมก็ตรงเข้าห้องทำงานทันที ผมทำงานไปสักพักหนึ่ง เสียงเรียกภายในก็ดังขึ้น

“ท่านคะ คุณชาญชัยขอพบค่ะ”

“เชิญครับ”

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“ว่าไงเนม เป็นยังไงบ้าง คนที่สลบนั่นเรียกร้องค่าเสียหายไหม” ลุงชาญเข้ามาก็ถามถึงข่าวคราวอุบัติเหตุนั้นทันที

“ไม่หรอกครับ ผมจ้างเขามาทำงานให้แทนแล้ว”

“ห๊ะ นี่เราเอาคนไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเข้ามาทำงานหรอ แล้วให้เขาทำงานอะไรในบริษัทนี้ล่ะ” ลุงชาญถามอย่างตกใจ ที่ผมจ้างใครก็ไม่รู้มาทำงานให้

“ผมจ้างให้เขามาเป็นเลขาส่วนตัวครับ จากที่ผมดู ก็ไม่มีพิษมีภัยเท่าไหร่ เขาไม่มีพ่อมีแม่ ทั้งยังอายุแค่ 18 อนาคตยังไกล ผมคงใจดำปล่อยให้เขาดิ้นรนเอาชีวิตรอดเองไม่ได้หรอกครับ ไว้ผมจะส่งเขาเรียนมหาลัย ผมรบกวนลุงชาญช่วยดำเนินการเรื่องนี้ให้ทีนะครับ เขาอยากเรียนคณะบริหาร”

“เนม มันไม่มากเกินไปหรอ ประวัติเขาเราก็ยังไม่รู้ จะใช่คนดีจริงรึเปล่าเถอะ ไม่ใช่ว่าพวกไหนส่งมาหลอกล่อข้อมูลของเราหรอกนะ แล้วนี่ให้เป็นเลขาส่วนตัวอีก ไม่ใกล้ชิดชีวิตเราไปหน่อยรึ”

“ผมจัดการได้ครับลุงชาญ” ผมบอกกลับลุงชาญไป ผมจัดการได้จริงๆ เจ้านายเองก็รูปร่างผอมบาง แรงคงมีไม่มาก จะมีปัญญาทำอะไรผมได้สักแค่ไหนกันเชียว

“อืม ระวังตัวไว้หน่อยแล้วกันนะ เราไว้ใจใครมากไม่ได้หรอก”

“ครับลุงชาญ ผมฝากเรื่องมหาลัยให้ด้วยนะครับ”

“ได้ๆ เดี๋ยวลุงจะจัดการให้”

“ขอบคุณครับ”

ผมนั่งทำงานไปเรื่อยๆ จนเป็นเวลาหกโมงกว่า แล้วจึงขับรถออกจากบริษัท เพื่อตรงกลับบ้าน ผมถึงบ้านในเวลา 1 ทุ่มครึ่ง เมื่อรถจอดนิ่งสนิทดี ผมก้าวขาลงจากรถเดินมาถึงหน้าประตูบ้าน ปกติที่พบเป็นประจำทุกวันจะเป็นป้านุ่มที่ยืนรอรับผมกลับบ้าน แต่หากวันนี้กลับมีผู้ชายตัวเล็กผอมบาง ผู้มีผมและนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนยื่นรอรับอยู่คู่กัน ผมเลิกคิ้วน้อยๆ อย่างสนใจและสงสัยในการกระทำของคนร่างบาง

“ผมมารอพี่เนมกลับบ้านครับ ทำงานมาเหนื่อยไหมครับ”

“อืม นิดหน่อย จัดโต๊ะได้เลยครับป้านุ่ม”

“ได้ค่ะคุณเนม” ป้านุ่มบอกแล้วผละออกไปจัดโต๊ะตาม คำสั่งของผม

“ผมเก็บของให้ครับ พี่เนมไปอาบน้ำให้สบายตัวก่อนนะครับ”

เมื่อเจ้านายพูดแบบนั้นผมจึงยอมส่งเสื้อสูทและกระเป๋าเอกสารส่งให้แต่โดยดี เจ้านายเดินตามหลังผมมาเงียบๆ จัดการข้าวของที่อยู่ในมือเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย พร้อมๆ กับผมที่หยิบเอาผ้าขนหนู และกางเกงในเจ้าปัญหาเมื่อเช้าติดมือเข้าห้องน้ำมาด้วย เมื่อเข้าห้องน้ำมาก็พบอ่างน้ำอุ่นที่เต็มไปด้วยฟองสบู่ พร้อมให้ผมลงไปอาบได้ทันที เมื่อก้าวเท้าลงไปก็พบว่าอุณหภูมิของมันกำลังพอดี ไม่ร้อนจนเกินไปนัก ทำให้ผมผ่อนคลายลงไปได้หลายส่วน ผมใช้เวลาอาบน้ำสักพัก แล้วจึงขึ้นจากอ่าง ล้างเนื้อล้างตัวและพันผ้าขนหนูไว้อย่างลวกๆ เมื่อออกมาก็พบกับชุดนอนที่ถูกเตรียมไว้เข้าชุดกันแขวนที่หน้าตู้เสื้อผ้าเหมือนอย่างตอนไม่มีผิด

อืมมมม ดีเหมือนกันแฮะ ว่ากันตามจริงแล้ว ตำแหน่งเลขาส่วนตัวดูจะไม่จำเป็นกับผมเท่าไหร่นัก เมื่อผมสามารถจัดการเรื่องส่วนตัวได้เองเพราะรับมือมาตั้งแต่ยังวัยรุ่น ทำให้ผมเองทำงานได้ไม่ต่างจากคนอื่นๆ ทั่วไป เพียงแต่ตำแหน่งเลขาส่วนตัวนี้ผมหยิบยกขึ้นมาเพื่อที่จะดึงรั้งเจ้านายไว้ให้อยู่กับผมก่อน อย่างน้อยจนกว่าเขาจะเรียนมหาลัยจบก็ยังดี เพราะถ้าเขาเรียนจบแล้ว อาจจะมีอนาคตที่ดีกว่านี้ก็ได้ ผมคงปล่อยให้คนที่พึ่งเสียคนในครอบครัวไปหมาดๆ อยู่ตัวคนเดียวไม่ได้แน่ เหมือนกับผมครั้งนั้นที่มีเด็กผู้ชายตัวน้อยมานั่งอยู่เป็นเพื่อนกันจนมืดค่ำ ชวนผมคุยไม่หยุด แม้ผมจะไม่ได้สนใจเขาเลย

เมื่อแต่งตัวเสร็จผมก็ลงมาที่โต๊ะอาหาร มันถูกจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว เจ้านายก็นั่งรอที่เดิมกับเมื่อเช้าข้างๆ ผมแล้ว และยอมทานข้าวพร้อมกันโดยที่ผมไม่ต้องสั่งอีก เมื่อพร้อมแล้วเราจึงเริ่มทานอาหารตรงหน้า ซึ่งมีทั้งต้มจืดหมูสับ กุ้งชุบแป้งทอด ผัดผักบุ้งไฟแดง ผัดพริกแกงปลาดุก และ แกงส้มชะอมทอด

“วันนี้ทำอะไรบ้าง” ผมเอ่ยถามทำลายความเงียบระหว่างมื้อ

“ก็ คิดเมนูอาหาร แล้วก็ช่วยป้านุ่มทำครับ นอกจากนี้ก็ไปช่วยลุงชมรดน้ำต้นไม้ แล้วก็เอาหนังสือเรื่องการออกแบบมาอ่านเล่นๆ ครับ”

“อืม พักผ่อนให้มากล่ะ อย่าลืมว่านายพึ่งจะออกจากโรงพยาบาลมา” ผมกล่าวเตือนอีกนิดหน่อย เพราะสุขภาพของคนตรงหน้าดูจะอ่อนแอเจ็บป่วยได้ง่าย

“ครับ”

เมื่อเราทานอาหารเสร็จก็แยกย้ายกันไปใช้เวลาส่วนตัว ส่วนผมก็ล้างหน้าแปรงฟันอีกครั้งหลังทานอาหาร แล้วก็นำโน้ตบุ๊กมานั่งทำงานต่อ ผมทำไปสักพักหนึ่งก็มีเสียงเคาะประตูจากหน้าห้อง ผมเอ่ยปากอนุญาตเบาๆ ก็พบว่าเป็นเจ้านายที่เข้ามาพร้อมกับนมอุ่นๆ น้ำเปล่า 1 แก้ว และซุปไก่สกัดแช่เย็นอีก 1 ขวด เจ้านายคงกะจะขุนให้ผมอ้วนแน่ๆ ครับ ผมคงต้องหาเวลาไปออกกำลังกายให้บ่อยขึ้นเสียแล้ว เจ้านายนำของทั้งหมดวางลงที่โต๊ะข้างเตียง

“ขอบใจ” ผมบอกเจ้านายไปและตั้งใจทำงานของตัวเองต่อ

“ซุปไก่นี่ต้องทานด้วยนะครับ พี่เนมทำงานมาเหนื่อยๆ ต้องบำรุงบ้างนะครับ”

“อืม” ผมตอบรับนายไปนิ่งๆ

“งั้น ฝันดีครับ” เจ้านายบอกแล้วปิดประตูออกจากห้องไป

เช้าวันถัดมาเจ้านายก็เข้ามาปลุกผมจัดเตรียมอาหารเช้าและออกมาส่งผมไปทำงานเหมือนเดิม เมื่อมาถึงบริษัทผมก็เชิญลุงชาญเข้ามาสอบถามเรื่องมหาลัยทันที

“สวัสดีครับลุงชาญ เรื่องมหาลัยเป็นยังไงบ้างครับ”

“เรียบร้อยแล้วละเจ้าเนม มหาลัยศรีสุวรรณ แถวๆ บริษัทเรานี่ล่ะ ลุงให้คนติดต่อไปแล้ว ทางนั้นเขาก็ยินดีรับ ไม่มีปัญหาอะไร”

“ครับ เริ่มเปิดเรียนเมื่อไหร่ครับ”

“วันที่ 24 น่ะ อะนี่ เป็นตารางเวลากับเอกสารที่ใช้ในการเรียน ฉันขอให้คณบดีของมหาลัยส่งมาให้”

ผมรับตารางเวลาและเอกสารมาตรวจทานดู อืมมม เรียนหนักใช้ได้สำหรับปี 1 ผมมองตารางเวลาที่หาช่วงว่างได้น้อยนิด มีวันอังคารเช้า พุธบ่าย และศุกร์บ่าย

“ขอบคุณครับลุงชาญ”

“อื้มๆ งั้นลุงไปทำงานต่อนะ”

“ครับ” ผมตอบรับลุงชาญไปและตั้งใจทำงานที่กองอยู่ตรงหน้า จนเวลาล่วงเลยมาถึงเย็น

ผมออกจากบริษัทเวลาเดิม คือหกโมงนิดๆ และเนื่องจากวันนี้เป็นวันศุกร์ ทำให้รถบนท้องถนนติดเสียยิ่งกว่าอะไร กว่าจะถึงบ้านมาได้ก็เกือบจะ 2 ทุ่ม ผมสั่งให้จัดโต๊ะและอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะลงมาทานอาหาร โดยไม่ลืมติดเอกสารสำคัญและตารางการเรียนของเจ้านายลงมาด้วย เราเริ่มทานข้าวกันทันทีที่ผมนั่งลง ผมมองเจ้านายที่ยัดเอาๆ ไม่สนใจใครเลยและกระตุกยิ้มน้อยๆ เพราะผมกลับมาช้า คงจะทำให้เจ้าตัวหิวจนท้องตะโกนลั่นบ้านแน่ๆ ถึงได้ตั้งหน้าตั้งตากินแบบไม่สนใจใครแบบนี้ และเจ้านายก็ยังคงกินแบบเด็กๆ อยู่เหมือนเดิม คือเลอะมุมปากข้างหนึ่ง จนผมอดที่จะเอื้อมมือไปเช็ดออกให้ไม่ได้ เจ้านายหน้าขึ้นสีเล็กน้อย

“กินดีๆ นายเป็นเด็กรึไง” ผมบ่นออกไปไม่จริงจังนัก ทำให้เจ้านายทานแบบสงบเสงี่ยมมากขึ้น

“อันนี้เป็นหนังสือประกอบการเรียนและตารางเวลา เริ่มวันจันทร์นี้ ฉันจะให้ลุงชมขับรถไปส่ง นายเรียนที่มหาวิทยาลัยศรีสุวรรณ คณะบริหาร ตามที่ตกลงไว้” เมื่อเราทานข้าวเสร็จผมก็ยื่นหนังสือและตารางเวลาให้เจ้านาย เจ้านายยกมือไหว้ก่อนจะรับเอกสารไป

“ขอบคุณครับพี่เนม” เจ้านายรับของไปแล้วตรวจสอบดูอีกนิดหน่อย เมื่อเราทานอาหารเสร็จก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนตามเดิม ผมก็นั่งทำงานจนเวลาผ่านไปสักพัก เจ้านายก็ขึ้นมาข้างบนพร้อมนม น้ำ และ วิตามินซีสกัด เหมือนเดิม เจ้านายวางไว้ข้างโต๊ะก่อนจะหันมาถามผม

“พี่เนมจะให้ผมปลุกวันเสาร์ อาทิตย์ เวลากี่โมงดีครับ”

“ไม่ต้อง นายนอนพักผ่อนเถอะ แล้วอาหารเช้าก็ปล่อยให้ป้านุ่มจัดการไป นายไม่ต้องทำงานให้ฉันในวันเสาร์และอาทิตย์” ผมบอกแค่นั้นแล้วก้มหน้าทำงานต่อ

“ได้ครับ งั้น ฝันดีครับ อ้อ อย่าลืมทานนะครับ” ก่อนเจ้านายจะออกจากห้องไปก็หันกลับมาย้ำผมอีกครั้งแล้วปิดประตูให้เรียบร้อย ทำงานต่ออีกพักใหญ่ และจัดการของที่เจ้านายนำมาให้จนหมด ก่อนจะเก็บของ ล้มตัวลงนอน และวางแผนของวันพรุ่งนี้ไว้ในหัวคร่าวๆ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป