บทที่ 9 เริ่มรู้สึก NC+ (นิดๆ)
ผมพาเจ้านายมาส่งถึงห้อง แล้วพาไปที่อ่างน้ำ จับเขานั่งอยู่ภายในอ่าง เปิดน้ำใส่อย่างแรง เมื่อน้ำได้ระดับผมก็จับเจ้านายกดไว้ เจ้านายดิ้นอยู่สักพักหนึ่ง มือเล็กพยายามลูบไล้ร่างกายผมไปทั่ว พร้อมเอาหน้ามาถูไถซุกอก ผมได้แต่กัดฟันกรอด เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก จนเจ้านายนั่งนิ่งอย่างสงบ ดวงตาปิดพริ้มไปพร้อมหลับเต็มที เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ามีอาการดีขึ้นแล้ว ผมก็อุ้มเขาขึ้นมา จัดการถอดเสื้อผ้าที่เปียกชื้นทั้งหมดออก ซึ่งมันเกือบจะทำให้สติของผมแตกกระเจิง ยิ่งเห็นยอดอกสีชมพูอ่อน หน้าท้องที่มีกล้านิดๆ พอตัว ตัวสีขาวนวลออกสีแดงจางๆ เพราะฤทธิ์ไวน์ ผมพยายามหักห้ามใจ ไม่ให้ทำอะไรๆ มากไปกว่าที่ควรจะเป็น ผมจัดการอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาใหม่ ระหว่างทำก็ก้มจูบคนตัวเล็กอยู่เรื่อยอย่างคนอดใจไม่อยู่ เมื่อผมจัดการเจ้านายจนเสร็จเรียบร้อย จัดให้เขานอนดีๆ บนที่นอน ห่มผ้าให้ถึงอก แล้วผมก็ผละไปจัดการตัวเองบ้าง
“อืมมมมม อ่าาาาาาาา” ผมใช้แม่นางทั้ง 5 ของผม รูดรั้งแกนกายที่กำลังพองขยายตัวเต็มที่ อย่างรัวเร็ว พลางคิดถึงสัมผัสทางริมฝีปากที่ได้รับมา มันทั้งนุ่มและหอมหวาน ยิ่งอยากทำให้ลิ้มลองอีก คิดถึงสัมผัสที่ฝ่ามือของผมได้ลูบไล้ผิวขาวนวลนุ่มมือ เรียบเนียนไปทั่วทั้งตัวของเจ้านาย หรือยามที่ได้สัมผัสเม็ดเล็กบนอกคู่นั้น
“อ๊ะ อ๊ะ อะ” ยิ่งจินตนาการมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้มือที่รูดรั้งรัวเร็วมากเท่านั้น ปากของผมอยากลิ้มลองดูดดึงยอดอกของคนตัวเล็ก อยากให้แกนกายของผมโดนคนตัวเล็กปรนเปรอด้วยริมฝีปากบาง ผมอยาก.... เข้าไปในกายเขาและกระแทกกระทั้นรุนแรงดังพายุโหมกระหน่ำ
“อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาา” เมื่อคิดถึงตรงนี้ อารมณ์ของผมก็พวยพุ่ง หยาดน้ำกามแห่งอารมณ์พุ่งออกจากกายแกร่ง เลอะไปทั่วบริเวณ ทำให้ตัวเบาสบาย ดั่งล่องลอยอยู่ในปุยเมฆ
“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก” มือของผมขยับอีกสอง สาม ครั้ง เพื่อรีดน้ำกามออกมาจนหยดสุดท้าย ผมจัดการล้างเนื้อล้างตัวให้สะอาดและเข้านอน ผมนอนพลิกแล้วพลิกอีก แต่ยังไงก็ไม่หลับ ใจของผมประหวัดคิดไปถึงริมฝีปาก ผิวเนียนนุ่ม ยอดอกเม็ดเล็กนั้น ทำให้กัดฟันอย่างข่มอารมณ์ เมื่อก่อน ผมมั่นใจมากว่าผมไม่ใช่พวกเบี่ยงเบน แต่ตอนนี้ผมคงต้องคิดใหม่ ทำไมผมถึงได้มีอารมณ์กับเจ้านายได้ ทำไม่แค่เขาออดอ้อน ตัวถูไถ ก็ทำให้ผมแทบคุมสติไม่อยู่ อยากจับเขาขยำรุนแรง อยากได้ยินเสียงร้องครางอย่างมีความสุขของเขา ผมกัดฟันแน่เมื่อรับรู้ถึงสิ่งที่ตื่นตัวด้านล่าง การที่ผมนอนคิดจินตนาการถึงเขา ทำให้เกิดอารมณ์ขึ้นมาอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้ ผมยีหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด และเดินเข้าห้องน้ำเพื่อปลดปล่อยอีกครั้ง หลังจากเสร็จภารกิจภายในห้องน้ำครั้งที่สอง ผมก็กลับมาล้มตัวลงนอนเหมือนเดิม ผมนอนคิดเรื่องนี้ทั้งคืน กว่าจะข่มตาหลับลงได้ก็เกือบสว่าง
“อืมมม” ผมตื่นมาในเวลาปกติ ดีหน่อยที่วันนี้เป็นวันเสาร์ จึงไม่ต้องรีบร้อนออกไปทำงานตั้งแต่เช้า ผมลุกขึ้นนั่งช้าๆ รวบรวมสติ หันมองนาฬิกา แล้วพบว่ามันล่วงเลยเวลาอาหารเช้ามาชั่วโมงกว่าแล้ว แต่คนที่คอยทำหน้าที่บังคับผมให้ทานอาหารเช้ายังไม่ได้เข้ามาเรียกแต่อย่างใด ผมจึงเดินไปดูคนตัวเล็กในห้องนอน ด้วยกลัวว่าเขาจะเป็นไข้ เนื่องจากผมบังคับเขาให้นั่งอยู่ในน้ำนานเกินไปหรือเปล่า เมื่อไปถึงเจ้านายยังคงนอนหลับอยู่ แล้วคลุมโปงขดเป็นก้อนกลมสีขาวน่ากอด
“เจ้านาย” ผมส่งเสียงเรียกทำให้เจ้าก้นกลมนั้นสะดุ้งนิดๆ ทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าเขาตื่นแล้วล่ะ
“ตื่นแล้วทำไมไม่ไปปลุกฉัน” ผมถามแล้วเดินไปที่เตียง กระชากผ้าห่มสีขาวหนานุ่มออกจากตัวเจ้านาย
พรึบ
สิ่งที่ผมเห็นคือเด็กน้อยตัวเล็กนอนขดเป็นก้อนกลม หันหน้ามามองผมด้วยใบหน้าแดงก่ำ แล้วหลบสายตาผมเสมองไปทั่ว
“เป็นอะไร ทำไมหน้าแดง” มือของผมถูกเอื้อมออกไปเพื่อวัดไข้เจ้านาย เนื่องด้วยกลัวว่าเขาจะป่วยเอาจริงๆ
“ตัวก็ไม่ได้ร้อนนี่ แล้วเป็นอะไร” เมื่อพิสูจน์แล้วว่าเจ้านายไม่ได้มีไข้ หรืออาการปวดหัวตัวร้อนแต่อย่างใด ก็พอจะเบาใจลงหน่อย
“ปะ ปะ ปะ เปล่าครับ....” เจ้านายพูดติดอ่าง แล้วส่งสายตาล่อกแล่ก มองออกไปทั่ว แต่ไม่ยอมมองหน้าผม ผมจึงจับปลายคางของเขาให้หันมามองหน้ากัน
“พูด” ผมใช้น้ำเสียงกดดัน แล้วจ้องเขม็งไปที่เจ้านาย จากการสบตากันผมพบว่าหน้าของเจ้านายแดงมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
“ผะ ผะ ผม ผมจะลงไปจัดโต๊ะให้นะครับ!!!!” เจ้านายพูดแล้วสะบัดตัวลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว วิ่งจู๊ดหนีหายออกไปจากห้องของตัวเอง
“เฮ้!! แล้วจะไม่อาบน้ำก่อนรึไง!!” ผมได้แต่ตะโกนถามไปแล้วหัวเราะในลำคอเบาๆ ถ้าให้ผมเดา ผมว่าเจ้านายคงจะจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้ ก็เลยมีอาการเขินอายอย่างนี้ แต่เขาจะจำจูบแรกของเราเมื่อคืนได้หรือเปล่านี่สิ จะจำได้ไหมนะว่าใครเป็นคนคอยดูแล เช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขา น่าคิดนะ ฮะๆ ผมเดินยิ้มมุมปากอย่างอารมณ์ดีออกมาจากห้องของเจ้านาย แล้วกลับไปอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย ลงมาทานอาหาร เมื่อผมมาถึงโต๊ะอาหารถูกจัดไว้พร้อมแล้ว และเจ้านายก็ยังอยู่ชุดเดิมกับตอนที่วิ่งออกมาจากห้อง เมื่อเห็นผมเดินเข้ามาก็ก้มหน้างุด ไม่กล้าสบตากับผม
“คนอะไร ไม่ยอมอาบน้ำ” ผมพูดเย้าแหย่อย่างอารมณ์ดี เจ้านายเงยหน้าขึ้นมาสบตาผมเมื่อรู้ว่าตัวเองโดนกล่าวหา ผมจึงใช้มือลูบริมฝีปากตัวเองเบาๆ ยิ่งทำให้เจ้านายหน้าแดงขึ้นไปอีก ก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว
“ฮึ เอาเถอะ ทานข้าวได้แล้ว” ผมเอ่ยปากเชิงอนุญาต เราจึงเริ่มทานข้าวกันเงียบๆ มีเพียงเสียงช้อนกระทบจานเท่านั้นที่ก้องกังวานอยู่ภายในห้อง แต่บรรยากาศภายในกลับไม่มีความอึมครึมปกคลุมแม้แต่น้อย แต่เป็นบรรยากาศเบาสบาย ชวนให้รู้สึกดี เมื่อทานอาหารเสร็จเราก็แยกย้ายกันไป ผมตรงไปที่ห้องออกกำลังกาย ซึ่งจะมาเป็นประจำเมื่อวันเสาร์มาถึง ส่วนเจ้านายก็เข้าห้องไปอาบน้ำแต่งตัว
วันนี้ผมตื่นมาในเวลาปกติเหมือนทุกวัน เมื่อวันเสาร์ อาทิตย์ มาถึง แต่ที่แตกต่างกันคือผมมึนหัวเป็นอย่างมาก คิดว่าคงเป็นเพราะไวน์ที่กินไปเมื่อวาน ผมลุกขึ้นเตรียมที่จะไปอาบน้ำแต่งตัวและเตรียมไปทำอาหารเช้ากับป้านุ่ม ผมค่อยๆ ก้าวขาลงจากเตียง แต่สิ่งที่เห็นทำให้ผมขมวดคิ้ว ผมใส่ชุดนอนเสื้อแขนสั้นและกางเกงขายาวเรียบร้อยสีเทา ผมกลับมาที่บ้านได้ยังไง และขึ้นมานอนบนเตียงได้ยังไง ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนวานผุดขึ้นมาภายในหัว เริ่มตั้งแต่ผมเมามายและมีพี่เนมพยุงออกจากงาน ภาพที่ผมจับมือพี่เนมซุกไว้ภายในเสื้อและเอาหัวถูไถกับแขนแกร่ง หรือจะเป็นภาพที่ผมกับพี่เนมจูบกันขณะอยู่บนรถ ในห้องน้ำ หรือแม้แต่เตียงนอน นอกจากนี้ยังเช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผมทั้งที่ร่างกายของผมเปลือยเปล่า ยิ่งคิดยิ่งทำให้ผมหน้าแดงจนรู้สึกเหมือนกับว่ามันจะระเบิดออกมาได้
“ฮึ้ยยยยย ทำอะไรของเรานะ” ผมได้แต่ล้มตัวนอนบนเตียง ดิ้นไปดิ้นมาด้วยความเขินอาย พลางคิดไปว่าถ้าผมเจอหน้าที่เนมจะทำหน้ายังไง ฉับพลันผมได้ยินเสียงคนเคาะประตูและเปิดประตูเข้ามา ทำให้ผมรีบคลุมโปงทันทีเพื่อหลบซ่อนความอายเอาไว้ เสียงพี่เนมที่เรียกผมเบาๆ แต่ก็ทำให้ผมสะดุ้งและหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม อยู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนผ้าห่มถูกกระชากออก ทำให้ผมเห็นหน้าของพี่เนมจังๆ พี่เนมเอามือจับตามเนื้อตามตัวเมื่อสงสัยว่าผมจะเป็นไข้ ผมถึงกับทำอะไรไม่ถูกรีบวิ่งหนีออกมาจากห้องอย่างรวดเร็ว เมื่อลงมาข้างล่างก็ไปแอบอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ดูว่าพี่เนมเดินตามมาหรือเปล่า เมื่อแน่ใจแล้วว่าพี่เนมคงไปอาบน้ำแต่งตัว ผมก็พยายามปรับสีหน้า แล้วเข้าไปช่วยป้านุ่มเตรียมอาหารเช้าอย่างทุกวัน เมื่อพี่เนมลงมาจากชั้นบน พูดหยอกเย้าผมนิดหน่อย จนทำให้ผมหันหน้าไปมอง ก็พบกับสายตาคมประกายวิบวับ และฝ่ามือที่ลูบไล้ริมฝีปากของตัวเองเบาๆ ยิ่งทำให้ผมหน้าแดงเข้าไปใหญ่ ก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาใคร ผมรู้นะ!!! ท่าทางของพี่หมายถึงอะไร จะมาแกล้งผมทำไมกันละเนี้ยยยยย เมื่อเราทานอาหารเสร็จ ก็ต่างคนต่างแยกย้าย ผมขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวแล้วมาล้มตัวนอนบนเตียง
“เฮ้ออออ จะเอาหน้าที่ไหนไปเจอพี่เนมละเนี้ย” ภาพที่พี่เนมเช็ดตัวให้ผมบนเตียงนอนเริ่มผุดขึ้นมา นอกจากนี้ยังมีภาพที่จูบกันและมือของพี่เนมที่เคลื่อนไปทั่วทั้งตัวของผมยิ่งทำให้แก้มผมร้อนฉ่า
ไม่นง ไม่นอนมันแล้ว!!!! ผมรีบดีดตัวลุกขึ้นจากเตียง วิ่งลงไปชั้นล่างของบ้าน ช่วยลุงชมปลูกต้นไม้ พรวนดิน ลงปุ๋ย รดน้ำต้นไม้ อะไรก็ได้ที่จะไม่ทำให้ผมฟุ้งซ่านคิดถึงเรื่องเมื่อคืนอีก ซึ่งมันก็ใช้เวลาทั้งวันกว่าจะช่วยลุงชมทำสวนเสร็จ ผมกลับเข้ามาภายในบ้านช่วงบ่ายแก่ๆ ของวัน ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ เพื่อให้ร่างกายสดชื่นลดความเหนื่อยล้า เมื่ออาบน้ำเสร็จผมก็มานอนดูรายการทีวีที่ห้องนั่งเล่น ดูไปสักพักใหญ่ความเหนื่อยและความง่วงก็เข้าครอบงำ จนผมกลับไปในที่สุด
“อืมมมมมม” ผมลืมตาขึ้นมาก็พบเพดานห้องที่คุ้นเคย ที่นอนมองมาตลอด 2 เดือนกว่าๆ ที่อยู่ที่นี่ อ๊ะ ทำไมผมถึงมานอนอยู่นี่ละ ผมมั่นใจแน่ๆ ว่าผมหลับที่โซฟาหน้าทีวี คง คงไม่ใช่ว่าพี่เนมอุ้มผมขึ้นมานอนหรอกนะ เมื่อคิดได้แบบนั้นหน้าผมก็แดงขึ้นเรื่อยๆ เฮ้ออออออ ผมจะทำยังไงดี ผมมองหน้าพี่เขาไม่ได้เลย ใจของผมมันเต้นดังราวกับมีคนมาจุดดอกไม้ไฟภายในใจ เมื่อผมเหลือบมองนาฬิกาก็พบว่าใกล้เวลาอาหารเย็นแล้ว ผมจึงค่อยๆ เดินลงไปที่ห้องทานอาหาร
เมื่อผมไปถึงก็เห็นพี่เนมนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ทำให้ผมรีบสาวเท้าเข้าไปนั่งประจำที่
“หลับสบายไหม” พี่เนมเอ่ยถามเสียงนิ่ง แต่ในดวงตากลับทอประกายความอบอุ่นให้ได้รับรู้ ผมมองหน้าพี่เนมเพียงชั่วครู่แล้วก้มหน้าตอบ ทำไงได้ ก็ผมยังอายอยู่นี่น่า
“ครับ ขอบคุณครับที่พาไปนอนที่เตียง” ถึงพี่เขาไม่บอก ผมก็รู้แหละว่าเขาเป็นคนพาไป
“ทานข้าวเถอะ” พี่เนมบอกเป็นเชิงอนุญาตให้ลงมือทานข้าวได้ ขณะที่ผมเอื้อมแขนกำลังจะตักกับข้าวที่ถูกจัดไว้กลางโต๊ะ สิ่งที่ผมจะตักขึ้นมาทานก็คือกุ้งผัดผงกะหรี่ มือของผมก็ชนเข้ากับของพี่เนมเบาๆ จนผมรีบชักมือกลับแทบไม่ทัน พี่เนมตักกุ้งผัดผงกะหรี่ใส่จานให้ผมก่อนจะตักให้ตัวเอง ผมเอ่ยขอบคุณพี่เนมเบาๆ แล้วก้มหน้าก้มตาทานข้าวต่อ สิ่งที่เปลี่ยนไปคือพี่เนมตักกับข้าวทุกอย่างที่มีบนโต๊ะใส่จานให้ผมอย่างต่อเนื่อง ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด จนผมไม่ได้ตักกับข้าวเองสักจาน
“อะ อะ อ่อ พี่เนมครับ” ผมเรียกทักคนตรงข้ามเบาๆ จนพี่เนมหันมามองเป็นเชิงถาม
“คือ มันเยอะไปแล้วครับ ผมทานไม่หมด” ผมบอกแล้วพยักพเยิด ให้คนตรงหน้าดูสิ่งที่เขาทำกับจานอาหารของผม
“อ้อ” พี่เนมพูดแค่นั้นแล้วหยุดการตักกับข้าวใส่จานของผม ผมจึงเริ่มทานอาหารต่อและพยายามทานส่วนที่พี่เนมตักมาให้จนหมด
“อ่าาาาา จุกมากเลยครับ” ผมเงยหน้าบอกพี่เนมแล้วเอามือลูบท้องน้อยๆ ของผมเบาๆ
“ขอโทษที นายไปอาบน้ำเถอะ” พี่เนมพูดแล้วลุกขึ้น เดินไปห้องนั่งเล่น เพื่อชมรายการทีวี ผมนั่งย่อยอยู่ที่โต๊ะสักพัก จึงจะเดินขึ้นไปอาบน้ำ ก่อนจะลงมาดูรายการทีวีกับพี่เนม แต่เมื่อผมมาถึงห้องนั่งเล่นแล้วกลับไม่เจอพี่เนมแต่อย่างใด คิดว่าพี่เนมคงจะไปอาบน้ำหรือไม่ก็คงอยู่ที่ห้องทำงาน เวลาล่วงเลยไปจนถึงเวลาเข้านอน ผมก็เตรียมเครื่องดื่มเอาไปให้พี่เนมอย่างทุกวัน ผมเคาะประตูเบาๆ เป็นเชิงขออนุญาตจากคนภายใน เมื่อได้ยินเสียงตอบรับจึงเปิดประตูเข้าไป สิ่งที่ผมเห็นคือพี่เนมนุ่งผ้าขนหนูสีขาว พันกายช่วงล่างเอาไว้ เส้นผมสีดำสนิทเปียกลู่ระไปกับลำคอแกร่ง หยดน้ำจากเส้นผมกลิ้งไปตามแผงอกรวมเป็นเม็ดใหญ่ตรงกลางอกและตกลงไปที่หน้าท้องเป็นลอนหนา ภาพของพี่เนมทำให้ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เพราะปกติที่ผมเข้ามา พี่เนมจะอยู่ในชุดนอนที่เรียบร้อย ไม่ล่อแหล่มแบบนี้ ผมค่อยๆ นำของที่เตรียมมาวางไว้ที่โต๊ะข้างเตียง กล่าวราตรีสวัสดิ์และกำลังจะเดินออกจากห้องไป
หมับ!!

























































