บทที่ 7 เงาอดีต 2
เงาอดีต 2
“เอางี้นะแม่...ดาพูดกับแม่ล้านครั้ง เรามีกันอยู่สองคน ถ้าเราไม่พยุงชีวิตของกันและกันใครจะมาช่วย ยิ่งเราทำตัวย่ำแย่ มันไม่ได้มีอะไรดีขึ้นอีเมียบ้านโน้น มันยิ่งได้ใจซ้ำเติมในความพ่ายแพ้ของแม่ มันเชิดหน้าเป็นนางหงส์ทั้งที่หล่อนไม่ได้ดีเด่สูงส่งมาจากไหน แต่เอาเรือนร่างและลีลาเข้าออดอ้อนพ่อจนพ่อทิ้งพวกเรา ดังนั้นแม่กับดาต้องลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเอง อย่าให้น้อยหน้านางบ้านนั้นสิ” ธัญดากล่าวกับแม่ยืดยาวอย่างนี้ทุกครั้ง และทุกครั้งที่ได้พูดออกไปแม่ของเธอทำได้แค่ฟังหูซ้ายทะลุออกไปอีกร้อยกิโลเมตร ไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้น แต่หญิงสาวไม่เคยท้อในการพูด เตือนสติแม่
“อีลูกเวรสั่งสอนกู อย่างกับเป็นแม่” ต้นประโยคของผู้เป็นแม่เสียงดังฟังชัด หากแต่ท้ายประโยคแผ่วเบา ทำท่าครุ่นคิดในสิ่งที่ลูกพูดกรอกหูในทุกๆวัน จากนั้นจึงเดินไปนั่งรออาหารเช้าเงียบๆ รู้สึกหิวจนแสบไส้ตอนอยู่ในบ่อนป้าสมรไม่ยักหิว แต่พอหมดตูดท้องร้องขึ้นมาทันที ว่าแต่...ที่ธัญดาพูดมามีส่วนและมีเหตุผลอยู่มาก หรือจะเงยหน้าขึ้นมาทำตัวดีให้สมกับเป็นแม่คนบ้างนะ วิยะดาครุ่นคิด
ไม่กี่นาทีอาหารง่ายๆจึงถูกนำมาวางบนโต๊ะเก่าๆ กลางบ้านหลังเล็กซอมซ่อ อาหารส่งกลิ่นหอมควันฉุยเรียกน้ำลายไหลวิยะดา
“อะไรกันมีแค่นี้” จานไข่เจียวแบนๆ กับผัดผักถูกวางลงตรงหน้าแม่ พร้อมกับจานข้าวสวยหอมกรุ่น ทันทีที่เห็นอาหารวิยะดาตบฝ่ามือลงบนโต๊ะ มองอาหารสองจานที่ถูกวางด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“แค่นี้ก็ดีแล้วแม่ กินๆ ไปเถอะเงินเดือนหนูยังไม่ออก” ธัญดาตัดรำคาญแม่เรื่องมาก เธอจะไปเอาอาหารดีๆ ที่ไหนมาให้แม่กิน ในเมื่อเงินที่มียังถูกแม่ถลุงหายในบ่อนป้าสมรจนหมด นี่ล่ะเขาเรียกอบายมุข มันไม่เคยให้คุณใครเลย สำหรับแม่เมื่อไหร่จะคิดได้ซะที
“เออ...พูดถึงงานของมึง” วิยะดายอมกินข้าว หยิบช้อนขึ้นมาถือไว้ในมือ เตรียมตักอาหารเข้าปาก อย่างน้อยยังดีกว่าไม่มีกินละวะ
“มีอะไรแม่” ลูกสาวหย่อนก้นลงนั่งเก้าอี้ตรงข้ามแม่ อารมณ์อยากหลับอยากงีบหายเป็นปลิดทิ้ง ไม่ต้องนงต้องนอนมันแล้ว
“ไปทำงานแบบนั้น มึงพลาดท่าเสียทีพวกผู้ชายหน้าหื่นๆ มึงจะเอาตัวรอดได้ไหม” คำถามที่ไม่อยากถาม คนมีลูกผู้หญิงแม้ดูไม่ใส่ใจแต่วิยะดาแอบห่วงธัญดาอยู่ลึกๆ เห็นว่ามีแฟนแต่ไม่เคยรู้จักมักจี่กัน ธัญดาไม่เคยพาแฟนเข้าบ้านคงเพราะอับอายสภาพบ้านที่แทบไม่เรียกว่าบ้านเป็นที่ซุกหัวนอนมากกว่า
“ดาเป็นเด็กเสิร์ฟไม่ได้ไปขายตัว” หญิงสาวตอบมารดาด้วยน้ำเสียงไม่เดือดร้อน เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่แม่พยายามถามเธอแบบนี้คำถามแบบนี้ สะกิดใจให้รู้ว่าอย่างน้อยแม่ห่วงเธออยู่บ้าง
“อย่าให้กูรู้นะมึง ว่ามึงแอบไปทำสารเลวใจง่ายเอาตัวไปเร่ขายให้ผู้ชาย หรือแม้แต่ใจง่ายส่งตัวเองเข้าปากผู้ชายฟรีๆ” การแสดงออกซึ่งความหวงลูกสาวแบบกระด้างไม่หวาน ไม่ละมุนอย่างแม่บ้านอื่น แต่วิยะดามีใจห่วงลูกไม่แพ้ใคร ไม่มีพ่อคอยดูแลปกป้องแล้ว ธัญดาโตมาได้ขนาดนี้นับว่าเก่งที่รอดจากปากเหยี่ยวปากกามาได้ ยิ่งด้วยสภาพแวดล้อมแบบนี้แล้ว ทั้งอาชญากรรม ยาเสพติด ผู้หญิงขายบริการเต็มไปหมด นางกลัวลูกสาวคิดมากเพราะขาดเสาหลักหันไปพึ่งสิ่งพวกนี้ หากแต่ธัญดาไม่เคยทำให้นางเสียใจเลย
“วางใจเถอะแม่ฉันเอาตัวรอดได้” ความรักและผู้ชายดีๆเดินสวนทางกลับเธอเมอ แม้จะมีจิรายุเป็นแฟนแต่หญิงสาวกลับไม่กล้าวาดอนาคตร่วมกับเขา
“ขอให้ปากดีแบบนี้ได้ทุกวันล่ะ ไม่ใช่อีกหน่อยร้องแร่แห่กระเชิงเพราะเสียตัวให้พวกผู้ชายชั่วฟรีๆ สวยๆอย่างแกพวกมันคงจ้องงาบ เห็นว่าร้านที่แกทำงานอยู่ไม่ไกลอาบอบนวดนี่”
“แม่เคยไปเหรอร้านที่ดาทำงาน” ทั้งที่แม่ไม่เคยสนใจเรื่องงานการของเธอนอกจากเงินที่ได้รับในแต่ละวัน
“เปล่า” วิยะดาเอ่ยปฏิเสธ สภาพแบบนี้ใส่ผ้าถุงผมเผ้ารุงรังจะออกไปเดินเตร็ดเตร่ที่ไหนได้ แต่ที่รู้คือแอบถามจากเด็กแว้นข้างบ้านที่คอยส่งข่าวส่งน้ำในเวลาที่ธัญดาไปทำงาน ไอ้เกลี้ยงมันเป็นเด็กแก่นซ่ากะโหลก ดูเหมือนไม่ได้เรื่องแต่กลับใช้ได้ทีเดียว
“แล้วรู้ได้ยังไงล่ะแม่”
“ไอ้เกลี้ยงมันบอก”
“ว่าแล้วไง ข่าวจากสำนักงานเกลี้ยงนี่เอง แม่จ๊ะวางใจเถอะ หนูดาคนนี้จะดูแลตัวเองให้ดี หนูดามีความฝัน”
“ฝันอะไรของมึง คนจนอย่างเรามีสิทธิ์ฝันอะไรกับเขาได้ ถึงฝันมันคงไม่เป็นจริง”
“เอาเถอะน่าแม่ หนูดากำลังทำให้มันเป็นจริง อาจจะนานหน่อย แม่อย่าเพิ่งก่อนล่ะ รอดูความสำเร็จของลูกก่อน”
“บ๊ะ...อีนี่มาแช่งกู อย่างกูหนังเหนียวไม่ตายง่ายๆ ว่าแต่มึงคิดจะทำอะไร” ต่อว่าลูกสาวพร้อมยกเท้าเตรียมฟาดจนชายผ้าถุงเก่ามอซอกระพือ ส่วนธัญดาหลบทันอย่างว่องไว
“ตอนนี้ยังทำอะไรไม่ได้หรอก ไว้หนูดามีงานทำเป็นหลักเป็นแหล่งก่อนนะ ทุกอย่างคงดีขึ้น โดยเฉพาะถ้าแม่เลิกเล่นการพนันได้ฐานะเราจะดีขึ้น เชื่อหนูเถอะ”
“เอ๊ะ...คุยดีๆ ทำลามปาม”
“นะแม่ ถือว่าหนูดาขอ เลิกเล่นเถอะการพนัน หันมาทำมาหากินดีกว่า”
