บทที่ 4 คนแปลกหน้าที่กล้าดูแล 1
คนแปลกหน้าที่กล้าดูแล 1
รถยนต์พาชายหนุ่มชาวอาทิตย์อุทัย มาถึงหน้าโรงแรมที่เขามาเมืองไทยมักจะเช็คอินเข้าพักประจำ ประตูรถถูกเปิดร่างสูงก้าวลงจากรถ จากนั้นคนดูแลสอดตัวเข้าไปในรถ เพื่อจะช่วยอุ้มร่างผู้หญิง อยู่ในอาการสะลึมสะลือจากรสชาติเครื่องดื่มที่เทสนุกกับมัน ยังไม่ทันได้ทำอย่างที่ตั้งใจ คนดูแลขวางทันใด
“ไม่ต้อง” เขาร้องห้ามเสียงเข้มเด็ดขาด
“ทิ้งเธอไว้แบบนี้นี่นะครับ” ผู้ดูแลส่วนตัวชายหนุ่มดึงกายหนาออกจากห้องโดยสาร เงยหน้ามองเจ้านายต้องการการสั่งการ
“อย่าแตะต้องเธอ” พูดเสร็จชายหนุ่มปัดไล่ร่างหนาของผู้ดูแลขยับออกห่างรางบอบบางที่แสนหวง จู่ๆ รู้สึกหวงเธอขึ้นมาโดยไม่อยากให้ชายอื่นแตะต้องตัวเธอ แม้ปลายเส้นผมก็ตาม
“ครับเจ้านาย” ชายผู้นั้นโค้งให้เจ้านายในแบบญี่ปุ่นเกรงกลัวอาญา แล้วถอยห่างไปอีกนิด มองเจ้านายอุ้มร่างบอบบางเมามายเดินล่วงหน้าไป แล้วเขาจึงส่งกุญแจรถให้กับพนักงานของโรงแรมนำรถไปจอดยังที่จอด ก้าวตามนายเข้าไปในโรงแรม
“นายกลับห้องไปพักผ่อนเถอะ ฉันจัดการเอง”
“ครับ” ผู้ดูแลไม่กล้าขัดเจ้านายถูกสั่งอย่างไรก็ต้องตามนั้น เขารู้ว่าการดูแลในแบบเจ้านายจะเป็นอย่างไร แต่แม่ตัวบางกลิ่นหอมนั่นสภาพแบบนั้นเจ้านายคงไม่ปรารถนา เพราะนอกจากกลิ่นกายหอมกลิ่นเหล้ายังคละคลุ้งด้วย ผู้ดูแลร่างหนาผละจากไปหลังจากโค้งให้เจ้านายด้วยความเคารพ “อ้อ...พรุ่งนี้เรามีงานแต่เช้านะครับเจ้านาย” เขาหันกลับมาเตือนเจ้านายถึงงานสำคัญที่ถูกมอบหมายจากนายใหญ่เหนือหัวให้มาจัดการกับปัญหา
“เออ...รู้น่า” จากนั้นชายหนุ่มร่างสูงก้าวเข้าไปในห้องที่เสียบบัตรเรียบร้อยแล้ว พอเข้าไปมองหาเตียงเพื่อวางร่างบอบบางที่เอาแต่ดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนของเขาจนอุ้มค่อนข้างยาก แล้วเสียงที่อ้อแอ้อย่างไร้สตินี่อีก
พอไปถึงเตียงเขาค่อยๆ วางคนในวงแขนลงเตียงอย่างถนอม แทนที่คนเมาจะนอนตามที่เขาต้องการ กลับเด้งตัวขึ้น ลืมตาโพรง อย่างคนไม่เมา ทันใดนั้นๆ ดันดึงชายหนุ่มไว้ เขาจะผละออกตั้งใจไปตรงตู้เย็น เพื่อหาน้ำเย็นมาให้เธอดื่ม พอโดนจับมือชงักหันมาทางมองคนดึง เธอปรือตามองเขาคล้ายมีสติครึ่งไม่มีครึ่ง
“ว่าไงมิจัง” เขาเรียกชื่อที่ตั้งให้เธอ
“ที่นี่มันที่ไหน” ถามไปโดยไม่ใส่ใจ ช่างเถอะ ที่ไหนก็ช่าง ไม่อยากกลับบ้านอยู่แล้ว จะนอนข้างถนน นอนโรงแรม นอนกับหมากับแมว ดีกว่ากลับไปบ้าน ขี้เกียจตอบคำถามทุกคน
“โรงแรม” เขาบอกคนถามหน้าตามึนเมา พร้อมกับหมุนตัวกลับไปหญิงสาว มองยังไงคาดเดาอายุไม่น่าเกินยี่สิบสอง แต่ดูเถอะรูปร่าง ทรวดทรง ยังไงก็ไม่ใช่เด็กแม้ตัวจะสูงน้อยไหน่อย
“อ้อ งั้นหรือ ฉันขอเตียงเลยนะ ไป๊ๆ ออกไปฉันนอน” ไล่เขาอีกแนะ
“ทำไมไม่บอกทางกลับบ้าน” เขาจะไปส่งถึงที่
“ไม่อยากกลับ บ้านคือกองไฟ อยู่แล้วร้อน” เธอบอก ในใจหวนนึกถึงเรื่องที่มีไฟสุมอยู่ในบ้าน สาเหตุทำให้เธออยากหนีไปไกลๆ สักพัก แม้ว่ามีหน้าที่ความรับผิดชอบรออยู่ สำคัญไปกว่านั้น ความกตัญญู บังคับเธอให้อยู่จนเติบโต เธอมีแม่สังคมสูง วันๆ ไม่เคยอยู่บ้าน รู้ข่าวแม่ก็ตามหน้าจอทีวี และโลกโซเชียล ข่าวพวกซุบซิบคนดัง ขี้เกียจจะอ่าน แม่ควงผู้ชายไม่ซ้ำหน้า ส่วนพ่อเก็บตัวอยู่บ้านเล็กในสวน ส่วนยายเข้มงวดบ้าสมบัติวันๆ คิดแต่จะหาเงินเข้าบ้าน ห่วงหน้าตาตัวเองยิ่งกว่าความถูกต้องใดๆ ส่วนตาเสียไปเมื่อหลายปี
“เด็กใจแตกหนีออกจากบ้าน” เขาคิดอย่างนั้น คงมีปัญหากับทางบ้าน
“ไม่ใช่เด็ก อีกอย่างไม่ได้หนีออกจากบ้าน ออกมาเฉยๆ” นึกว่าไม่ได้ยิน ที่แท้ก็อ้าปากเถียงได้ เธอดื่มเหล้าเหมือนน้ำ พอดึกเข้ายกขวดกรอกลงคอเลย ห้ามไว้ก็ไม่ฟัง
เมาให้ลืมทุกสิ่งถ้ามันสามารถลืมได้ เธอใช้สมาธิอย่างหนักเพื่อตอบโต้กับคนที่ได้ยินเสียงพูดอยู่ใกล้ ก็คงเป็นคนที่เธอไม่อยากรู้ชื่อเขานั่นแหละ สัมผัสจากกลิ่นน้ำหอม ยังเป็นกลิ่นเดิม
“ฉันหมายถึงความคิดต่างหากที่เด็ก มีแต่เด็กเท่านั้นแหละที่หนีออกจากบ้าน ผู้ใหญ่ไม่ทำกันหรอก” มีอย่างที่ไหนออกมาดื่มจนเมาขาดสติ แถมยังไม่อยากกลับบ้าน หลอกให้เขาอุ้มขึ้นมาจนถึงบนห้องกินแรงกันขนาดนี้ อยากลงโทษให้สาสมกับความรู้สึกที่แอบซุกซ่อนอยู่ในใจนัก
“ยืนยันอีกที ฉันไม่เด็ก” เธอเชิดหน้าบอกเขาปีนี้เบญจเพส และช่างเป็นเบญจเพสที่โหดร้ายเสียเหลือเกิน ทั้งที่ผ่านมาไม่กี่วัน ตั้งใจไปฉลองวันเกิดกับคนรักกลับต้องเจอภาพบาดตา ร้าวไปถึงใจแถมยังมาเจอพวกสวะสังคมอีก แล้วตอนนี้เธออยู่กับคนแปลกหน้าที่พูดคุยกันคนละภาษา ซ้ำร้ายร่างกายหัวใจของเธอกลับสั่งงานแปลกๆ โดยที่จะบอกว่าซุกซนก๋ากั๋นเกินไปคงใช่ เพราะเขาหล่อจนไม่อาจระงับความคิดนั้นได้
“ไม่เด็กก็ต้องรับผิดชอบตัวเอง กลับบ้านนะ ฉันจะพาไปส่ง” ที่จริงเขาไม่อยากไปส่งเธออยากเห็นหน้า อยากได้ยินเสียงอ้อแอ้ฟังแล้วน่ารัก
“ขออยู่ที่นี่ก่อน จนกว่าจะเช้าเถอะ รับรองฉันจะไปเอง ถ้าคุณรังเกียจ เอาเป็นว่าฉันจะไปที่อื่นก็ได้” ร่างบางผุดลุกขึ้นเตรียมก้าวออกจากห้องเขา
