บทที่ 1 Chord C [ก้อนหินละเมอ]
“อย่ารักกูเลย กูไม่ใช่คนแบบที่มึงคิดหรอก”
คำพูดที่ดูไร้เยื่อใยเปล่งออกมาจากริมฝีปากสวยได้รูปที่มีควันจากบุหรี่พ่นออกมาเป็นระยะ ดวงหน้าที่ดูเย็นชาแต่เหมือนเต็มไปด้วยเสน่ห์ ที่มองกี่ทีก็รู้สึกหลงใหล แม้คนรับฟังจะรู้ดีว่าคนคนนี้ต้องการปัดเขาออกไปจากชีวิตแค่ไหน...แต่ด้วยมวลพลังงานบางอย่างจากภายในตัวเขาทำให้ความย่อท้อทุกอย่างเลยมลายหายไปจนหมดสิ้น
“เก่งมากเลยดิ รู้ความคิดคนอื่นด้วย”
“…” ความเงียบได้เข้ามาครอบคลุมพวกเขาทั้งสองคนเอาไว้ แต่ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านอยู่ภายในใจทำให้มีหนึ่งคนที่มักจะทำให้บรรยากาศที่สุดแสนจะน่าอึดอัดได้คลายลงเสมอ
“มึงจำวันแรกที่เราเจอกันได้ป่ะ...เพลงที่มึงร้อง...วันที่กูตกหลุมรักมึงตั้งแต่แรกพบอ่า” มือข้างนึงของชายวัยรุ่นที่มีอายุน้อยกว่ายื่นแอร์พอดมาเสียบหูให้กับคนตรงหน้า พร้อมกับใบหน้าที่ดูสดใสแววตาเปล่งประกายดูไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย
‘มองจันทราเมื่อเวลามันกลบแสงดาว กลัวทุกคราวเพราะว่าฉันนั้นคือก้อนหินกลัวดวงดาวไม่ทอแสงลงกระทบดิน และก้อนหินอย่างฉันคงไม่สวยงาม’ - ก้อนหินละเมอ / Soul After Six
“พอเหอะ” ความตั้งใจทั้งหมดที่ถูกส่งต่อผ่านบทเพลงและหวังจะให้คนตรงหน้าคลายความเครียดไปกับท่วงทำนองที่เป็นจังหวะ แต่ก็ถูกตัดสัมพันธ์ครั้งแล้วครั้งเล่า แม้จะไม่มีครั้งไหนที่จะทำให้ความรักที่มีให้กับคนตรงหน้ามันสั่นคลอนเลย แต่ยอมรับเลยว่าบางครามันก็ทำให้หัวใจของเด็กหนุ่มกระตุกวูบลงชั่วขณะพร้อมกับความรู้สึก และหูฟังแอร์พอดที่ถูกสบัดร่วงหล่นไปกับพื้นแทบทุกครั้ง
แต่ความรู้สึกที่หนักแน่นมันก็หวั่นไหวไปแค่เสี้ยวนึงเท่านั้น มันไม่ได้บั่นทอนความแน่วแน่และเสมอต้นเสมอปลายที่มีให้กับเขาผู้นี้ได้เลย...มันก็แค่ทำให้ระคาย และยุบยิบหัวใจไปเพียงชั่วครู่ก็เท่านั้นเอง
“มึงทำสันดานแบบนี้คิดว่ากูจะร้องไห้โวยวายแล้ววิ่งหนีออกไปแบบในเอ็มวีเพลงเศร้าเหรอวะ...ต่อให้มึงปฎิเสธกูเป็นพัน ๆ ครั้งกูก็ไม่มีวันให้มึงเขี่ยกูทิ้งได้ง่าย ๆ หรอกเว้ย! มึงเป็นของกูไอ้คิม แล้วมึงก็หนีกูไม่พ้นแล้ว”
“ไอ้เช่...”
ร่างสูงกว่าออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายใจ ก่อนปอเช่จะกดไอพอดเล่นเพลงเพลงนึงแล้ววางไว้ข้าง ๆ ตัวของบุคคลที่เค้าสุดแสนจะคลั่งไคล้
“อย่าเสียใจคนเดียว...” ปอเช่ว่าออกมานิ่งๆแต่ก็เป็นชื่อเพลงที่ตอนนี้เขาพยายามเปิดให้คิมฟัง ก่อนจะหยิบกระเป๋าเป้พาดลงบนไหล่แล้วพาตัวเองออกไปจากสถานที่แห่งนี้
“ไว้เวร! ไหนบอกจะไม่วิ่งโวยวายซมซานออกไปไงวะ”
“กูเดิน! ไอ้สัส!!!”
…
..
.
[วันแรกพบ]
“เดินหายไปไหนแล้ววะเนี่ย ไวฉิบหาย!”
“ทางนั้น”
“ตามไป! เร็ว!!!”
เสียงฝีเท้าวิ่งกันไปจ้าละหวั่นคนละทิศคนละทาง ชายชุดดำที่มีท่าทีเคร่งขรึมทำให้ใครบางคนที่หลบอยู่ที่เสาข้างถังขยะบริเวณตึกหลังคณะที่ร้างผู้คนได้แต่ยืนสงบนิ่งและภาวนาให้คนพวกนั้นไปให้พ้นหูพ้นตาของเขาและเลิกยุ่งให้เร็วที่สุด จนเสียงเอะอะโวยวายของชายฉกรรจ์เหล่านั้นเงียบสงบและตัวเขารู้ดีว่าเป็นอีกครั้งที่รอดพ้นจากเหตุการณ์อันตรายนี้มาได้จึงทำให้นึกโล่งใจอยู่ไม่น้อย
“ชู้วววว!!~” เค้าชะโงกหน้าไปเช็คสถานการณ์แล้วลอบถอนหายใจออกมา ก่อนที่ตัวเขาเองจะมองสำรวจทางด้านซ้าย ด้านขวาและด้านหลังอีกครั้ง แล้วเตรียมตัวจะก้าวเท้าเดินหน้าออกไปให้ไกลจากบริเวณนี้ แต่แล้ว...
“โคตรน่ารักเลยหว่ะ”
“เห่ยยย!”
ด้วยความไม่ระวังทำให้เค้าที่ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ชนเข้าให้กับกลุ่มเด็กวัยมัธยมกลุ่มหนึ่งที่เดินคุยเล่นกันเข้ามาอย่างออกรสออกชาติ ทำให้เกิดการปะทะและชนเข้าหากันอย่างไม่ทันตั้งตัว
“โอ๊ยเชี่ย!”
“เช่เป็นไรปะวะ”
รุ่นน้องที่ปะทะเข้าให้กับร่างของเขาเต็ม ๆ สบถออกมาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเขาพร้อมกับใบหน้าที่ตะลึงงันชะงักด้วยความช็อคค้าง แล้วทำปากพะงาบ ๆ พูดประโยคนึงออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นขั้นสุด
“พี่นักร้อง!!!”
“ห้ะ ?” คนฟังถึงกับขมวดคิ้วงงงวย ด้วยความสับสนต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มันเกิดขึ้นเร็วมากแทบตั้งตัวรับไม่ทันเลย
“พี่ที่ร้องเพลงตรงลานกิจกรรมเมื่อกี้ปะครับ” แววตาวาวโรจน์ของเด็กหนุ่มทำให้รุ่นพี่ที่จ้องมองอยู่ถึงกับเกาคางแก้เก้อแล้วพยักหน้าตอบรับไปอย่างช่วยไม่ได้
“อ๋อ…เออ”
“อ่ะ…” รุ่นน้องที่ดูท่าทางประหลาดดึงแก้วน้ำแดงออกจากมือเพื่อนคนนึงในกลุ่มเขาแล้วส่งให้คนตรงหน้าด้วยความกระตือรือร้น
“อะไร ?” ทุกการกระทำของเขามันช่างแปลกประหลาดไปซะหมด ทั้งท่าทาง พฤติกรรม คำพูด แววตา จะว่าดีก็ดี จะว่า...พิลึกก็ได้เหมือนกัน
“พี่หนีอะไรมาอ่าาา” ใบหน้าที่ดูสดใสร่าเริงมองซ้ายทีขวาทีท่าทางทะเล้นทะลึ่งดูขี้เล่นจนทำให้คนที่มองดูการกระทำนั้นอยู่ตรงหน้าแบบไม่คาดสายตาเผลอกระตุกยิ้มออกมาเบา ๆ “แฟนคลับเหรอ ? ดูเหนื่อย ๆ นะ กินดิ” เขายังคะยั้นคะยอยื่นแก้วน้ำไปให้รุ่นพี่อย่างขยันขันแข็ง
“ไอ้เช่ กูแดกแล้...” ก่อนที่เพื่อนในกลุ่มจะพูดอะไร ปอเช่ก็รีบใช้เท้าลงแรงกระทืบไปบนรองเท้าของเพื่อนเขา เพื่อให้หุบปากไม่พูดสิ่งใดออกไปให้ดูมีพิรุธ
“…อึ้บ!”
“…” ร่างสูงลังเลเล็กน้อย มองทุกอย่างด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนจะยื่นมือไปรับน้ำใจที่เด็กวัยมัธยมหยิบยื่นให้ เพราะตอนนี้อากาศก็ร้อนแล้วเหงื่อก็ท่วมตัวแถมยังผ่านการหลบหนีคนกลุ่มหนึ่งมาอย่างหวุดหวิดอีกด้วย
“เห้ออ...ขอบใจ” เค้ากระดกดื่มน้ำจนหมดแล้วโยนแก้วทิ้งไปที่ถังขยะข้าง ๆ ก่อนจะเริ่มได้ยินเสียงฝีเท้าของกลุ่มคนที่คุ้นเคยอีกครั้งทำให้เค้าต้องรีบเผ่นหนีออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
“พี่ชื่ออะไรอ่ะ...ผมปอเช่นะ พี่นักร้อง!!!!!” แม้จะมีเสียงใสตะโกนไล่หลังมาก็ไม่ได้เรียกความสนใจให้เขาหันไปตอบโต้นักด้วยเพราะตอนนี้เขาไม่สามารถโฟกัสอย่างอื่นได้เลยนอกจาก...หนี หนีไปให้ไกลที่สุด
“ไอ้เช่...เบาเพื่อนเบา”
“มึงว่าเขาชอบกูปะวะ” ปอเช่ยังคงมองแผ่นหลังนั้นอย่างไม่วางตา
“ห้ะ ?” เพื่อนสามคนของเค้าต่างหันมามองเพื่อนรักด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
“ชอบมั้ย ?” เด็กหนุ่มถามย้ำแล้วยิ้มออกมาด้วยท่าทางมีความสุข
“เอาแบบฉีดยาหรือไม่ฉีดยาวะ...”
“เอาแบบความจริงแต่ฉีดยานิด ๆ”
“ไม่”
“สัส!!!!” เช่หันไปโบกกบาลเพื่อนตัวเองด้วยความหมั้นไส้ก่อนจะลูบหัวตัวเองปรอย ๆ แล้วมองตามสายตาของเพื่อนด้วยความครุ่นคิดกับพฤติกรรมของรุ่นพี่เมื่อครู่นี้ที่ดูลุกลี้ลุกลนผิดปกติ เดินสามก้าวหยุดมองซ้าย มองขวา
ถอยหน้า ถอยหลังจนแก๊งเด็กมัธยมต่างมองหน้ากันด้วยความมึนตึ๊บ!
“เอาจริงเหรอวะ...เค้าดูแปลกๆ...”
“นี่แหละ ลึกลับซับซ้อนสเปคกูสุด ๆ” ปอเช่ยังคงจับตามองเขาด้วยแววตาที่ดูหลงใหลเสียเต็มประดา
“…ไอ้เช่ เดี๋ยวเฮียมึงได้ช็อคตายแน่ ๆ”เพื่อนคนนึงสบถออกมาอย่างเป็นห่วงเพราะรู้ดีว่าพี่ชายปอเช่หวงน้องชายคนเดียวของเขามากแค่ไหน...
“ไอ้โอม โอเพนเฮาส์มีกี่วันวะ” แต่เหมือนสิ่งที่เพื่อนพูดจะไม่เข้าหัวปอเช่เลยแม้แต่น้อย
“เชี่ยแม่ง! เอาจริงเหรอวะ”
“กูว่าเขาตกหลุมรักกูว่ะ” ปอเช่หันไปบอกเพื่อนด้วยอาการละเมอเพ้อพกเข้าขั้นวิกฤตจนเพื่อนต่างถอนหายใจกันเป็นแถว
“เห้อ...โค้ชลงเล่นแล้ว แพทย์สนามเตรียมตัวเลออออ”
