บทที่ 3 C.2 [เสียดายของ] (1)

-Porchay-

“เลี้ยงใช่ป่ะ ?” พี่นักร้องถามผมขณะเดินเข้ามาในร้านอาหารที่ดูทรงแล้วจะเป็นแบบอิตาเลียนที่สุดแสนจะอลังการ ทำไมโต๊ะมันใหญ่แบบนั้นอ่ะ โคมไฟก็ระย้า การตกแต่งก็โคตรจะดู...แพง ผมกระพริบตาปริบ ๆ มองบรรยากาศด้วยความประหม่าเล็กน้อย แต่ไอ้ห่า! เดทแรกมันจะงอกง่อยกินตามสั่งข้างทางก็ไม่ได้ป่ะ พี่นักร้องนี่ตาแหลมมองการไกลชะมัดเลย รู้สึกปลื้มปรีติเป็นอย่างมาก บอกเลย!

“เชิญตามสบายเลยนะครับ ไม่ใช่แค่ข้าวนะ แต่อยากเลี้ยงดูไปตลอดชีวิตเลยครับ” ผมพูดด้วยความตื้นตันใจ เดทแรกมันช่างเหนือจินตนาการเสียเหลือเกิน อ๊ากกกก!!!

แต่ผมตกอยู่ในภวังค์ได้ไม่นานความจริงบางอย่างมันก็ปรากฏขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อ...

“เฟตตูชินีครีมเพสโต้ มันบดอบชีสท็อปปิ้งเบคอนรมควัน” ผมไม่รู้ว่าไอ้คนตรงหน้ามันไปหิวจากไหนมา พอตูดแตะเก้าอี้เท่านั้นแหละมันก็เพ่งมองเมนูอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่เดี๋ยวนะ! ฉิบหาย!!! เฟตเฟตตูตูอะไรนั่นจานละสี่ร้อยห้าสิบ มันบดรมควันสองร้อยแปดสิบ ผมคำนวนเงินในกระเป๋าตัวอย่างหนักก่อนจะเริ่มหันรีหันขวางมองหาตัวช่วยเพราะแค่สองเมนูก็เกินเงินในกระเป๋าตังค์กูแล้ว!!! กูจะทำไงดีวะเนี่ย! “ไม่ ๆ เปลี่ยนจากเบคอนเป็นแซลม่อนรมควันดีกว่าครับ” ผมหันขวับไปมองราคาใหม่อีกรอบพร้อมกับบวกเงินในสมองเพิ่มลำพังก็เกลียดคณิตจะตายห่าแต่เวลานี้หัวกูแล่นเชียว! อย่างกะฝังเครื่องคิดเลขไว้ในสมอง “ไก่ทอดพาร์เมซาน” ไอ้เหี้ยเอ้ยยย...พาร์เมซานแค่ชื่อกูรู้แล้วว่าราคามันต้องสาแก่ใจแน่ ๆ ไอ้ห่า!!! ร้านแบบนี้มาตั้งอยู่แถวมหาลัยได้ไงกูจะแจ้งกระทรวงสาธารณสุขให้มาตรวจสอบ! มันแพงขนาดนั้นได้ไงวะ แดกแล้วเหาะได้เลยไหม ? เมื่อเช้าเฮียเพิ่งทำไข่เจียวไหม้ให้กูกินอยู่เลย แล้วอยู่ ๆ กูก็มาอัปเกรดแดกของหรูราคาหูฉี่ซะงั้น ตอนเย็นกะจะซื้อน้ำพริกตาแดงไปแดกกับข้าวเปล่าซะหน่อยนอกจากเงินไม่พอแถมยังติดลบยิ่งกว่าคนเป็นหนี้นอกระบบอีกกู นี่แหละ รสชาติชีวิต!!! “ซุปเห็ด...” พี่นักร้องยังคงสั่งทุกอย่างด้วยความเคร่งเครียด คิ้วหนา ๆ ที่ขมวดเข้าหากันแน่นจนแทบจะผูกกันเป็นโบว์กับดวงตาเฉียบคมที่มองเมื่อไหร่ก็ทำเอาหัวใจกระตุกวูบวาบร้อนรุ่มละมุนหัวใจจนอยากจะละลายกลายเป็นผุยผงมันช่างโดนใจจริ๊ง ๆ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วถึงผมจะแบกรับค่าใช้จ่ายมหาศาลแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า...น่ารักชะมัด น่ารักเป็นบ้าเลย คนอะไรวะ! แต่ซุปเห็ดเหรอ ? ถ้วยละสองร้อยอัปทุกเมนูเลยนะ เห็ด...เห็ด...เห็ดอะไร เห็ดที่กำลังเลือกอยู่เป็นเห็ดหูหนูได้ไหม ราคาอาจจะไม่ถึงร้อยก็ได้ ขอร้องเถอะพี่เอ้ย! “ทรัฟเฟิล” จบ! ผมปิดเมนูลงเมื่อเขาเอ่ยออกมาและมันเป็นซุปครีมที่แพงที่สุดในบรรดาหน้ากระดาษแผ่นนั้นจนผมต้องนั่งเหม่อลอยไปสักพักก่อนที่คนตรงหน้าจะยังเปิดเมนูไปเรื่อย ๆ “แล้วก็...” ผมหันไปมองเขาด้วยความตื่นตะลึงรู้สึกเหงื่อที่หน้าไหลลากยาวไปถึงตีนแล้ว แถวนี้มีร้านรับจำนำโทรศัพท์เปล่าวะ ไอ้สัด! อยากน้อยก็เป็นคลินิครับซื้อไตก็ได้เอา!!!

พี่นักร้องเงยหน้ามามองผมด้วยความสงสัยกับปฏิกิริยาท่าทางที่ผมคิดว่าน่าจะกระวนกระวายน่าดู

“ต่อเลยครับ ตามสบาย” เห้อ...แต่เพราะความน่ารักมันทำให้ผมไม่อยากขัดศรัทธาในความหิวของเขากลัวบาปหน่ะครับ ผมเพิ่งเข้าใจคำว่าคนเราเกิดมาไม่เท่ากันก็วันนี้แหละผมสามารถแยกมนุษย์กับเทพเจ้าออกจากกันได้อย่างสิ้นเชิง สารรูปพี่เขาอย่างกะลงมาโปรดสัตว์ ตารับกับจมูก จมูกรับกับปาก ปากรับกับหู หูรับกับคิ้ว คิ้วรับหน้าผาก หน้าผากรับไปยันตีนอ่ะคิดดู!!! แล้วดูสภาพกู! อย่างกะจัณฑาล! แถมเงินในกระเป๋าก็ตอกย้ำความเป็นชนชั้นล่างและปัญหาความเลื่อมล้ำในสังคมไทยเข้าไปใหญ่

“สลัดอะโวคาโดเต้าหู้ญี่ปุ่นเพิ่มซอสงาพิเศษครับ” ผมจับปกเสื้อกระพือเข้าออกเพื่อให้ตัวเองหายใจได้อย่างสะดวกแล้วเลิกคำนวนค่าใช้จ่ายในสมองแล้วครับ มันเครียด! ตอนนี้โฟกัสแค่ใบหน้าอันหล่อเหลากับกระเป๋าสตางค์ที่แฟบของตัวเองเท่านั้นพอ

“ร้อนนะครับ” พี่นักร้องเงยหน้ามามองผมอีกครั้งก่อนผมจะยิ้มเจื่อน ๆ กลับไปพร้อมกับสบถเบา ๆ แก้เขิน

“เร่งแอร์ด้วยนะครับ” เขาหันไปบอกกับพนักงาน น...นั่นเขากำลังใส่ใจผมเหรอ ? รู้สึกเหมือนแสงสว่างกำลังนำทางจิตใจเลยอ่ะ เป็นประโยคสั้น ๆ ที่ห่วงใยแบบลึกซึ้งจนหาที่สุดมิได้เลยแหละ โอ๊ย!!! อยากไปอำเภอแล้วแจ้งใบมรณะบัตรว่ะ กูตายแน่!

“ได้ครับ เครื่องดื่มรับเป็นอะไรดีครับ”

เขาปิดเมนูลงส่งให้พนักงานก่อนจะยกยิ้มแล้วมองหน้าผมด้วยท่าทียียวนชวนกระชากใจ

“นมคาราเมลปั่นวิปปิ้งครีมหวานร้อยยยย...” เขาลากเสียงเล็กน้อยทำเอาผมคล้อยตามเหมือนโดนกระตุกจิตกระชากใจให้ไหลไปกับมนต์เสน่ห์ ฉิบหาย! กูโดนของปะวะเนี่ย!!! “แล้วก็ขอหวานพิเศษนะครับ” เขาเหลือบสายตาไปบอกกับพนักงานก่อนจะนั่งกอดอกแล้วพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางเท่ ๆ แล้วจ้องผมอย่างไม่ลดละ ส่วนผมนั้น...ต้องมนต์เข้าแล้วหรือนี่หรือโดนของดีของเขาแน่ ๆ ละงานนี้! พูดตรง ๆ เลยนะ!!!

“หวานเจี๊ยบ!” ผมบอกออกไปแบบที่ใจต้องการ เอาล่ะ! ต่อให้ต้องเป็นเบาหวานมันก็ไม่มีอะไรมาต้านทานความรักที่ผมมีให้พี่ในครั้งนี้แน่ ๆ อาจจะฐานะไม่ค่อยดีแต่ทุกวินาทีจะทำเพื่อเธอเลยแหละค้าบโผม!!!

“แล้ว...”

“แล้วก็พอละครับ เอาตามนี้เลย”

ไม่เป็นครับ ไม่เป็นไร ถึงเราจะอดอยากขนาดไหน แต่คนในใจต้องอิ่มไว้ก่อน มันถูกต้องแล้วครับ แดกเกลือกับข้าวเปล่าก็ได้ครับตอนเย็น สบายมาก!

“ได้ครับ”

“ขออนุญาตทวนออเดอร์นะครับ” แล้วจังหวะที่พนักงานทวนออเดอร์ก็เหมือนมีคนมากดปุ่มเร่งสปีดเสียงของเขาให้หมือนมนุษย์ต่างดาวทำเอาผมมึนหัวไปหมดแต่รอยยิ้มพิมพ์ใจกับดวงตาที่แสนจะมีเสน่ห์ก็จับจ้องผมไว้ราวกับว่าโดนมหาเสน่ห์นะหน้าทองอย่างแรงไม่ทราบว่าไปลงยันต์เมตตามาจากวัดไหนเหรอครับทำไมผมถึงกระอักกระอ่วนมวลท้องจนแทบบ้าไปแล้ว! แต่เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวแปบนึง!!! ก่อนที่ผมจะละเมอเพ้อพบไปมากกว่านี้ผมต้องรีบหาทางเอาตัวรอดเพราะถ้าตกหลุมรักเขาขนาดนี้ จะให้มีอุปสรรคไม่ได้หรอกนะ ผมจะไม่ยอมให้พี่ลำบากหรอก คอยดู!

บทก่อนหน้า
บทถัดไป