บทที่ 4 C.2 [เสียดายของ] (2)
คลินิกขายไตใกล้ฉัน ... ผมกดโทรศัพท์แล้วคิดว่าจะพิมพ์คำนั้นลงไปแต่ก็รีบสะบัดความบ้า ๆ บอ ๆ ของตัวเองออก ศรของกามเทพยิงใส่อกผมแม่นมาก สติสัมปชัญญะกระเจิดกระเจิงไปหมดแล้วเนี่ย! แต่ แต่ แต่ ผมต้องหาตัวช่วยสุดท้ายที่เชื่อว่ายังไงก็ต้องมีตายกันไปข้างนึงแน่ ๆ
งานศพผมขอเป็นตรีมสีชมพูนะครับ เพราะโลกทั้งใบมันกลายเป็นสีชมพูที่ใส่กลิตเตอร์ไปหมดแล้วเนี่ย!
โอ๊ย!!! ชอบครับ อยากได้มากด้วย!
“แปบนะครับ เพื่อนโทรมา” ผมโชว์โทรศัพท์พร้อมกับรอยยิ้มกว้างก่อนจะปาดเหงื่อตัวเองด้วยความล่กแล้วลุกเดินออกไปนอกร้านแล้วกดสายโทรหาซาตานที่ผมพร้อมจะขายวิญญาณให้เต็มแก่แล้ว
“รับสิวะ ๆ ๆ ๆ ๆ”
ผมเดินไปเดินมาด้วยความร้อนใจ จนลืมไปเลยว่าจะพูดยังไงให้ผมนั้นถูกลงโทษลงทัณฑ์น้อยที่สุด
[ฮัลโล]
ทันทีที่เสียงงัวเงียรับสายผมก็ถึงกับชะงักงัน ไอ้ห่า! แรงอาฆาตของเจ้าชีวิตมันทำให้มนต์มหาเสน่ห์คลายลงได้นิดนึงและก่อตัวขึ้นเป็นความกลัวได้จนน่าตกใจ นี่สินะ! อาการของคนโดนของดำแล้วมีคนกำลังทำพิธีถอนมันออกให้ เหมือนเมื่อกี้วิ่งเล่นอยู่ในวิมานจนลืมไปว่าทางกลับบ้านมันผ่านนร๊ก!!!
“…”
[โทรมาทำเหี้ย! โทรแล้วไม่พูด อมส้นตีนไว้อยู่หรือไง]
ผมสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพยายามทำใจกล้าหน้าด้านพูดออกไปด้วยความรวดเร็ว
“เฮีย...เหตุด่วนเหตุร้ายว่ะ”
[ทำไม ? มึงไปทำใครท้อง!]
ผมกรอกตามองบนด้วยความเหลือจะเชื่อของพี่ชายตัวเอง วัน ๆ ไม่ระแวงเหี้ยอะไรหรอก เดี๋ยวก็กลัวกูติดยามั้งหล่ะ เดี๋ยวกูก็ไปทำใครท้องมั้งหล่ะ ไอ้ห่านี่ยังหาวิธีบอกไม่ได้เลยนะว่าผมชอบผู้ชายหน่ะ...นับรอวันโลกาวินาศได้เลย บ้านแตกสาแหลกขาดได้เตรียมเก็บข้าวเก็บของไปสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าได้เลยกูหรือไม่ก็จองวัด! มีแค่สองทางเท่านั้นแหละ แม่ง!!! แล้วเฮียกูอย่างโหดอ่ะ นักเลงหัวไม้ มันรับไม่ได้แน่ ๆ ที่น้องชายคนเดียวดันอยากมีเมียเป็นผู้ชาย โอ๊ย! เอาไว้ค่อยคิด ปวดหัว ๆ ๆ ๆ
“ม่ายยยยย...ไม่...เอาไงดีวะ” ผมเกาหัวแกรก ๆ ไม่รู้จะสรรหาคำพูดไหนมาบอกเฮีย จะขอตังมันตรง ๆ ก็ไม่ได้เพราะลำพังตัวมันเองก็ยังหาเช้ากินค่ำ อด ๆ อยาก ๆ ต้องทำงานพิเศษหาเลี้ยงผมหาเลี้ยงตัวเอง ล่าสุดอาทิตย์ที่แล้วเพิ่งซื้อแม่ไก่มาตัวนึงหวังจะให้มันออกไข่แล้วลดค่าอาหารในแต่ละวันของครอบครัวเรา ดูความรันทดเอา! แล้วนี่กูทำเหี้ยอะไรอยู่เนี่ย!!!
[เอาไงไรของมึง รีบพูด! กูง่วง!]
ความตายก็เร่งเร้ากูเหลือเกิน กูยิ่งล่กลนลานอยู่ นี่กูจะแลกหยาดเหงื่อเฮียเพื่อมาเลี้ยงข้าวผู้ชายจริงเหรอวะ คิดแล้วรู้สึกผิดว่ะ ผมหันไปมองด้านในร้านอาหารด้วยหัวใจระส่ำหวั่นไหวแต่กลับพบว่า...พี่นักร้องนั่งเอามือเท้าคางจ้องมองมาที่ผมพร้อมกับโบกมือเล็กน้อยแล้วก็ส่งยิ้มหวานมาให้หนึ่งกรุบ! แล้วก็ใช่ครับ!!! มนต์มหาเสน่ห์อันแรงกล้าชนิดที่ต่อให้เป็นควายธนูผมก็ไม่ยำเกรง ตอนนี้ผมพร้อมตายแล้วถวายวิญญาณให้ซาตานแล้วครับ มา!!! มาเล๊ย!!!
“ขอตังเพิ่มห้าพันดิ พอดี ๆ ๆ ๆ ๆ ต้องซื้อหนังสือเอาไว้อ่านสอบเข้ามหาวิทยาลัยอ่ะ มันสำคัญมากเลยนะเว้ย! แบบ...เพื่อนในกลุ่มซื้อกันหมดแล้วอ่ะ ถ้าไม่มีเล่มนี้ดูเหมือนจะสอบเข้ายากแน่ ๆ เลยว่ะ” ผมหลับหูหลับตาพูดด้วยความลนลานชนิดที่ไม่เว้นจังหวะให้เฮียได้พูดแทรกหรือขัดจังหวะอะไรเลย ก่อนเสียงเฮียจะเงียบไปจนผมใจหายวับคลายคนกำลังจะขาดออกซิเจนตาย
[…] แล้วจังหวะนั้นเอง...ผมก็ดึงโทรศัพท์ออกจากหูแล้วรู้ได้ในทันทีเลยว่าระเบิดลง บึ้ม!!!! บ้านแตก!!! [โคตรพ่อมึงสิ! หนังสือส้นตีนอะไรห้าพันนี่กระดาษมันทำมาจากทองหรือไง ไอ้ห่า! มึงก็เวียนกับเพื่อนอ่านสิวะหรือไม่ก็ถ่ายเอกสารเอา!]
ผมหลับตานิ่งแล้วสูดหายใจเข้าเต็มปอดแบบลึก ๆ แล้วก็ดึงโทรศัพท์กลับมาแนบหูอีกครั้งแล้วระลึกถึงหน้าพี่นักร้องที่มันนั่งส่งยิ้มให้ผมรอคอยมื้ออาหารอันแสนโรแมนติกอยู่....ให้ตาย ๆ ๆ ทำไงดีวะ! งั้น! งัดไม้ตายเลยละกัน!!!
“มันจำเป็นจริง ๆ ...ถ้าไม่มี...ผม...ผมต้อง เข้าหมอไม่ได้แน่ ๆ เลยว่ะเฮีย” ผมเม้มปากแน่นแล้วยกมือขอโทษขอโพยเฮียกับคำโกหกคำโตที่ได้เปล่งออกไป และแน่นอนว่า...
[ห้ะ !?]
เฮียส่งเสียงดีใจออกมาด้วยความเนื้อเต้น จริง ๆ เฮียผมมันก็เป็นพวกประเภทคนแก่หัวโบราณคร่ำครึที่อยากเอาไปคุยโวกับป้าข้างบ้านว่าน้องผมติดหมอครับ แล้วลูกป๊าเรียนไรเอ่ย ? ทำนองนี้!!! ก็ป้าอ้อยป้าข้างบ้านชอบมาบอกว่าลูกชายเขาได้ทุนไปเรียนต่างประเทศแล้วเฮียก็ชอบมาบ่นให้ผมฟังภาระมันเลยมาตกอยู่ที่ผมเต็ม ๆ กูจะบ้า! ที่งูเขียวเข้าบ้านมึงเมื่อเดือนที่แล้วก็ฝีมือกูเองแหละอิป้าอ้อยเสือกชอบมาเสี้ยมเฮียกูดีนัก
เดี๋ยวกูจะเอาให้หลาบจำเลย! รอบหน้างูเหลือมเตรียมตัวเลยมึง เดี๋ยวกูไปดักแถวป่าท้ายซอยก่อน!!! แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังต้องเล่นบทเป็นความภาคภูมิใจของเฮียต่อไปเพื่อความรักที่สมหวังในครั้งนี้ ผมว่าพี่นักร้องต้องเข้ากับเฮียได้แน่ ๆ
