บทที่ 5 C.2 [เสียดายของ] (3)

“เฮียอยากให้ผมเรียนหมอไม่ใช่เหรอ ผมอยากดูแลเฮียไปชั่วชีวิต รักษาเฮียในยามแก่เฒ่า เป็นคนดีของสังคมแล้วเราสองพี่น้องจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ผมงัดไม้ตายสุดท้ายว่าออกไปด้วยน้ำเสียงอ่อย ๆ คล้ายคนกำลังสิ้นหวัง ท้อแท้ ที่ทางบ้านไม่ได้สนับสนุนการเรียนเท่าไหร่นัก แต่...ผมก็ได้ยินเสียงดีใจเล็ก ๆ ของเฮียก่อนจะกระหยิ่มยิ้มย่องออกมา หึหึ ติดกับดัก!

[ไอ้ควาย!]

ตู้ด ๆ ๆ ๆ ๆ เฮียว่าก่อนจะกดตัดสายไป ผมยิ้มกว้างให้กับความสำเร็จของตัวเองและในไม่กี่วินาทีเสียงแจ้งเตือนแอปธนาคารก็ดังขึ้นซึ่งทำเอาผมระริกระรี้มากกว่าเดิม จุดอ่อนของเฮีย! ก็คือผมนี่แหละค้าบบบบ....ยอมโดนด่าหน่อยแต่ก็นะเพื่อเส้นทางความรักที่แสนงดงาม มันก็ต้องแลกอ่าครับ ผมเข้าใจ แล้วผมก็เดินผิวปากไปนั่งที่โต๊ะอาหารอย่างสบายอารมณ์พร้อมกับสายตาของพี่นักร้องที่ยังจ้องมองผมไม่เลิก

มองขนาดนี้อ่าาา...เป็นแฟนกันไหมครับ เดี๋ยวจะอยู่ให้มองทุกเวลาเลย เขินนะเนี่ย!!!

“ไปคุยกับแฟนมาเหรอ ?”

“อุ้ย! หลอกถามปะครับเนี่ย” ผมรื่นเริงเบิกบานใจมาก ดวงความรักเปิดอย่างที่ไพ่ทาโร่ทำนายในไลน์เมื่อเช้าจริง ๆ ด้วยว่ะ! แม่งเอ้ย!!! เรื่องเรียนไม่ถนัดแต่ถ้าเรื่องรักก็มาดิค้าบ! เอาวะไอ้เช่! จะมีแฟนทั้งทีขอหน้าตาดีแบบระดับเทพไปเล้ย ตอนนี้ต่อให้ต้องไปแบกปูนเช้ากลางวันเย็นเพื่อมาหาเลี้ยงก็ยอมค้าบ ยอมแล้วววว! “ชื่นใจจัง” ผมดูดนมปั่นหวานร้อยของพี่นักร้องด้วยความชื่นอกชื่นใจ เห้อ...เชื่อเถอะครับถ้าเรามีความรักเราจะมีกำลังใจในการใช้ชีวิตต่อ ส่วนเรื่องเงินค่อยเครียด นอกจากไก่มันจะไข่ให้กินทุกเช้าแล้ว เดี๋ยวผมขอเฮียไปทำงานที่ร้านเจ๊หยกเพื่อเป็นรายได้เสริมก็ได้เอา!

เพื่อพี่สุดหล่อเลยนะครับเนี่ย!!!

“หึ!” พี่เขาหลุดหัวเราะออกมา ดูท่าจะไม่ค่อยพูดแหะ แต่...ถ้าผมอยากจะพิชิตใจเขาผมก็ต้องมอบความประทับใจให้ก่อนนอกจากมื้ออาหารสุดพิเศษแล้ววันนี้ผมจะทำให้พี่จดจำผมในแบบที่มันฝังแน่นอยู่ในอกกลบด้วยอยู่ในหัวใจไปจนวันตายเลยแหละ

“ผมยังไม่มีแฟนนะครับ โสดสนิท โอนไว มีโปรโมชันความจริงใจเป็นของแถมด้วย”

“…” พี่สุดหล่อพยักหน้าด้วยความพออกพอใจ เห็นไหม! ดูเขาออกจะชื่นชอบผมออก! แต่!!! อย่าเพิ่งตกหลุมรักผมนะครับ ขอแนะนำตัวให้เสร็จก่อนเดี๋ยวจะมีคนหาว่าเราใจเร็วด่วนได้ ใจง่ายเกินไป อย่างน้อย ๆ เราต้องทำความรู้จักกันสักนิดแล้วจะได้รักกันอย่างหวานฉ่ำไงครับผม!

“ผมเชื่อปอเช่ เรียนนานาชาติโบเบสแตงก์ มอห้าใกล้ขึ้นมอหก แต่ผมใกล้จะสิบแปดแล้วนะครับพี่ต้องไม่กลัว...” ผมยื่นมือไปจับแขนเขาเบา ๆ เพื่อเป็นการปลอบประโลม ไม่ต้องกลัวว่าจะพรากผู้เยาว์เพราะผมจะพรากผู้ใหญ่ไปจากพี่เอง! “เป็นน้องคนเล็กพ่อแม่ไม่มีอยู่กับพี่ชายสองคน แถมพี่ผมก็ใจดีม้ากมาก เป็นคนอ่อนโยนสุด ๆ เราจะผ่านทุกอย่างไปด้วยกันนะครับ” ผมบีบแขนเขาแน่นพร้อมกับสายตาที่มุ่งมั่นและน้ำเสียงที่หนักแน่น ขอให้ไว้ใจผม เชื่อใจผมไว้นะครับ! เราจะผ่านอุปสรรคไปด้วยกัน ผมสัญญา!!!

“…อ๋อ” แล้วพี่นักร้องก็ดึงแขนตัวเองออกแล้วก็ส่งยิ้มเขิน ๆ มาให้ผม ถูกต้องแล้วครับที่พี่จะหวงเนื้อหวงตัวเพราะตอนนี้ผมก็หวงพี่ ไม่อยากให้ใครมาเข้าใกล้เลยเนี่ย!

“แล้วพี่ชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ อยู่คณะไหน พ่อแม่ทำงานอะไร มีพี่น้องหรือเปล่า” ผมยิงคำถามไปรัว ๆ เพราะจิตใจมันรุมเร้าเกินประมาณเผื่อความสัมพันธ์เราจะได้ขยับมากขึ้นไปอีกไงครับ สนิทกันไวไวไง ตอบคำถามปุ้บ! ขอเป็นแฟนปั้บ! อย่างน้อย ๆ เราก็จะได้รู้จักพื้นเพของกันและกันนะครับ แต่ยังไม่ทันไม่ทันที่พี่เขาจะได้ตอบพนักงานสองสามคนก็เอาอาหารมาเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะไปหมด

“ขออนุญาตเสิร์ฟอาหารครับ”

แล้วพี่นักร้องก็ตั้งหน้าตั้งตากินอาหารโดยไม่พูดไม่จาสักคำ น่าจะหิวมากเลย เห็นพี่กินอิ่ม นอนหลับ มีจิตใจผ่องใสแค่นี้ผมก็พอใจมาก ๆ แล้ว

“อร่อยนะครับ” ผมตักไก่ทอดวางไปบนจานเขาพร้อมกับเอามือขึ้นมาเท้าคางเก็บทุกความทรงจำใส่ซีรีบรัมเพราะคืนนี้ผมจะต้องฝันถึงพี่แน่ ๆ เลย “ทานเยอะ ๆ เลยน๊าาา...” พูดไปผมก็ยิ้มไปมองเขาเคี้ยวอาหารจนเต็มสองข้างแก้ม แล้วก็เคลิบเคลิ้มไปกับใบหน้าที่แสนจะน่าหลงใหล ให้ตายเถอะ! วันนี้กูจะหาทางกลับบ้านเจอเปล่าวะ!

“ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” พอเขาเคี้ยวสองสามคำแรกหมดปากเขาก็ลุกจากโต๊ะแล้วเตรียมเดินไปที่หลังร้าน ซึ่งผมก็ยกยิ้มแล้วตอบออกไปด้วยความเต็มใจ

“ครับ” แล้วเมื่อเขาหันหลังมันก็ยิ่งเพิ่มดาเมจความรุนแรงต่อหัวใจมากขึ้นไปอีก คนอะไรวะแค่ด้านหลังยังทรงอนุภาพได้ขนาดนี้เลย ถ้าเป็นขีปนาวุธคงทำผมแหลกเป็นจุนไปแล้วแน่ ๆ แล้วก่อนที่เขาจะเดินหายไประเบิดลูกใหญ่ก็ปาเข้ามาในหัวใจผมเต็ม ๆ

“อ๋อ...ชื่อคิมนะ ยินดีที่ได้รู้จัก” เขาหันมาบอกกับผมแล้วกระตุกยิ้มด้วยความน่ารัก ไอ้เชี่ยยยยยย!!!!! ตาย ตาย ตาย ตายได้เลย! โลงศพใกล้ฉัน!

“พี่คิม...อุ๊บ! น่ารักเว่อร์!!!”

ผมพูดชื่อเขาออกมาพร้อมกับสภาพที่ล่องลอยคล้ายคนตายแล้วไปสวรรค์ รูปก็งามนามก็เพราะ สวรรค์ช่างสรรสร้างอะไรขนาดนั้น! คิมนี่แปลว่าอะไรเหรอครับ ? ใช่แปลว่าของปอเช่หรือเปล่าเอ่ยยย...โอ๊ยยยย ไม่ไหว ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ร้อนผาวไปทั้งหน้าทั้งตัวหมดแล้วโว๊ย!

30 นาทีผ่านไป

“โอ๊ย!!!” ก่อนหน้านี้ผมสบถคำนั้นออกมาด้วยความตื้นตันใจจนหาที่สุดไม่ได้ แต่ตอนนี้ผมโวยขึ้นมาด้วยความเหนื่อยหน่ายขั้นสุด! นี่พี่สุดหล่อเขาตกส้วมตายหรือไงวะ!!! หายไปครึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่โผล่มาอีก นี่อยากจะลุกไปตามนะแต่กลัวว่ามันจะเป็นการรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวเกินไปนิสสสส...ถึงเราจะตกล่องปล่องชิ้นกันแต่ผมก็อยากให้ความเป็นส่วนตัวเขานี่ครับ แต่นี่มันจะนานเกินไปแล้วนะ ผมคิดถึงจะแย่แล้วเนี่ย! อาหารก็ยังเต็มโต๊ะอยู่เลยแถมเย็นชีดไปหมดแล้ว

“ลูกค้ารับอะไรเพิ่มหรือเปล่าครับ” เมื่อพนักงานเห็นว่าผมนั่งซังกะตายเปลี่ยนท่าแล้วเปลี่ยนท่าอีกแถมเอาแต่แงะมองไปที่ห้องน้ำอยู่บ่อย ๆ ก็คงสงสัยนั่นแหละว่าเป็นห่าอะไรทำไมไม่กระเดือกอะไรลงไปสักที เขาเดินมาเติมน้ำเปล่าให้ผมแล้วมองอาหารบนโต๊ะเป็นเชิงตั้งคำถาม

“รอพี่หน่ะครับ” ผมบอกออกไปด้วยความกระสับกระส่ายแล้วก็ชะเง้อคอมองที่ห้องน้ำด้วยความหวังอันแรงกล้า

“พี่ ?” พนักงานถามผมอย่างไม่เข้าใจ แล้วหันสายตามองไปตามผม

“ครับ พี่เขาไปเข้าห้องน้ำ”

“เอ่อ...พี่ที่คุณลูกค้ามาด้วยออกจากร้านไปตั้งนานแล้วนะครับ”

“ห้ะ!” ผมหันขวับไปหาพนักงานจนคอแทบเคล็ด ว่า ว่า ว่ายังไงนะ...ใครออกไปไหนนะ แล้วด้วยใบหน้าที่เครื่องหมายคำถามอันเบ้อเร่อมาแปะไว้จนพนักงานก็ตอบออกมาอีกรอบด้วยใบหน้าเจื่อน ๆ

“พี่เขาขอปีนกำแพงหลังร้านแล้วออกไปตั้งนานแล้วหน่ะครับ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป