บทที่ 7 C.3 [ฟ้า] (1)

-Porchay-

“ไอ้เช่!!! มึงจะทำแบบนี้ไม่ได้นะเว้ย”

ผมกลับมาที่มหาวิทยาลัยอีกครั้งหลังเลิกเรียนถึงจะจบสิ้นงานโอเพนส์เฮาส์ไปแล้วแต่ผมจะไม่ปล่อยให้มันเป็นแค่ความทรงจำไปชั่วชีวิตหรอก เหอะ! ตอนนี้ผมเจ็บอกซ้ายเป็นบ้าเลย ทำไมคิวปิดยิงใจได้แม่นโคตร ๆ ขนาดนี้ล่ะ ยิ่งเห็นตอนเขาส่งยิ้มมาผมแทบอยากพาเขาคลานเข่าถือพานแล้วกราบตักเฮียให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย แล้วอีกอย่างนะราชบัณฑิตยสถานตราไว้ผิดทั้งหมด คิม ไม่ได้แปลว่า ทองคำ ในภาษาเกาหลี แต่แปลว่า เนื้อคู่ของปอเช่โว๊ย!!! เพราะเมื่อคืนผมฝันว่าโดนงูรัด เสิร์ชในเน็ตแล้วเขาบอกว่าจะเจอคู่แท้หน่ะ! ผมว่าเรื่องนี้มันต้องเป็นจริง ๆ แน่ล่ะ

“ทำไม!”

แต่พวกเพื่อน ๆ สามสี่คนของผมแม่ง! เป็นมารหัวขนชะมัด ขัดศรัทธาอันแรงกล้าจนกลัวว่าตายไปพวกมันต้องตกนรกแน่ ๆ บังอาจมาฝืนโชคชะตาฟ้าลิขิตได้ไง! กู งง นะ มึงไม่เคยดูรายการฟ้ามีตากันเหรอไอ้สัด! เวรกรรมมันมีจริงนะมึง!

“มันดูน่ากลัวเหมือนพวกสต็อกเกอร์อ่ะ” ไอ้โอมที่ใช้ทั้งแขนทั้งตีนรั้งผมไว้พร้อมกับไอ้เปาที่ก็ยื้อยุคฉุดกระชากผมที่เตรียมจะปะทะกับความรักที่มันฟุ้งกระจายในครั้งนี้เต็มที่แล้ว

“กูโดนรูดทรัพย์มาเมื่อวาน ได้แค่คำว่า ‘คิม’ แม่ง! มึงคิดว่ากูจะปล่อยไว้เหรอ!!!” ใช่! อย่างน้อยเขาก็มีใจปะวะ ไม่งั้นเขาจะบอกชื่อกูทำไมเราก็รู้จักกันในระดับนึงแล้วนะนั่น! แต่ผมอยากรู้จักพี่ให้มากกว่านี้นี่ครับ อยากให้แม่ไปขอแล้วจะไม่รอให้ถึงปีหน้าด้วย เดี๋ยวพี่จะหาว่าผมไร้ความรับผิดชอบเลี้ยงข้าวพี่แล้วชิ่ง มันดูเหมือนฟันแล้วทิ้งใช่ไหมครับ! ผมจะไม่ยอมให้พี่คิดว่าผมมาให้ความหวัง ความฝันลมๆแล้งๆ แล้วจากไปโดยเด็ดขาด

“ไอ้ห่า! มึงเต็มใจเลี้ยงเขาเองแท้ ๆ” ไอ้เปาว่าออกมาด้วยความเหนื่อยหน่ายใจขั้นสุด กูก็เหนื่อยเหมือนกันเมื่อคืนกว่ากูจะข่มตาหลับโดยที่หน้าพี่เขาไม่มาวน ๆ วิ้งค์ ๆ อยู่ในหัวกูกูต้องกินยาแก้แพ้ไปตั้งสองเม็ด แล้วโบกมือบ๊ายบายพี่แกก่อนจะทำคำมั่นสัญญาว่าจะไปเจอกันในฝันแทนหน่ะ ไอ้บ้าเอ้ย! วันนี้เลยเข้าเรียนสายเลยกู!

“อย่างน้อยกูต้องได้ช่องทางการติดต่อ” ผมบอกปณิธานอันแรงกล้าของตัวเองออกไปไม่งั้นคอมกูระเบิดแน่เพราะกูเสิร์ชคำว่าคิมในทุกช่องทางแม้กระทั่งในแอปชอปปิ้งสินค้าออนไลน์เลยนะ! อยากเอาใส่ตะกร้ามากเลยครับตอนนี้!

“ช่องทางธรรชาติไปก่อนได้ไหม...โอ๊ย! กูอยากฟ้องเฮียมึงว่ะ” ไอ้โอมทำท่าคันปากยุบยิบจนผมต้องชูตีนให้มันไปหนึ่งรอบ

“กูจะเอาตีนยันหน้ามึงก่อนเฮียกูแน่!...” ผมเบื่อนะที่คนรอบข้างไม่สนับสนุนในความรักของผมเลย ถ้าผมระลึกชาติได้คงเห็นพวกมันเป็นพวกหมาหวงก้าง เห่า บ๊อก บ๊อก ไม่ยอมให้ผมเจอกับรักแท้น่ะ ส่วนผมคงเป็นลูกเจ้าเมืองที่ดันไปหลงรักกับเทพสังวาลย์ที่มีอิทธิฤทธิ์อันแรงกล้าจนยากที่จะหักห้ามใจ โอ๊ย! รู้สึกว่าความรักครั้งนี้มันศักดิ์สิทธิ์ยังไงก็ไม่รู้ จะบ้าตายแล้วเนี่ย! “นั่นพี่อะไรหน ๆ ป่ะ พี่ล่องหนที่เป็นพิธีกรอ่ะ” ผมสอดส่องมองไปทั่วจนเจอเข้าให้กับคนที่เหมือนจะคุ้นตาแล้วผมก็ร้องโวยออกมาด้วยความเนื้อเต้นดีใจเสียเต็มประดา อย่างน้อยเราต้องหาจุดเริ่มต้นเพื่อนำพาไปสู่แสงสว่างเสียก่อน ถ้ามัวแต่คลำตามทางในที่มืดมันจะถึงจุดหมายปลายทางได้ยังไงจริงไหมครับ คนนี้น่าจะดังด้วยดูแล้วรู้จักคนเยอะชัวร์!

“เขาชื่อต้นหน ไอ้ควาย!!!” แล้วไอ้โมก็โบกกบาลผมเต็ม ๆ แรง แต่...ความเจ็บปวดใดก็ไม่เท่ากับความอัดอั้นตันใจที่มันจะทะลักทลายออกมาจากหัวใจในครั้งนี้อีกแล้ว

“พอดีเลย!!!” ผมลอดช่องขาเพื่อนแล้วรีบวิ่งไปที่โรงอาหารอย่างรวดเร็ว จนไอ้พวกบ้ามันวิ่งไล่ด่าตามหลังผมกันแทบจะไม่ทัน

“ไอ้เช่!!! โอ๊ย!!!”

ปึ่ก! ผมตบโต๊ะดังลั่นจนช้อนข้าวที่อยู่ในปากพี่เขากระเฉาะออกมาด้วยท่าทีตกใจเข้าขั้นรุนแรง ไม่ต้องกลัวครับ ไม่ต้องกลัว ผมแค่วิ่งมาจนหอบก็แค่นั้นเอง

“ค…ครับ” พี่ต้นหนว่าออกมาด้วยสายตาหวาด ๆ จนผมต้องยกมือไหว้เพื่อแสดงความเป็นมิตรออกไป และนอกจากพี่คิมที่ผมจะต้องสร้างความประทับจิตประทับใจแล้วเพื่อนรอบตัวเขาก็สำคัญนะ ผมต้องทำตัวเป็นคนดีศรีสังคมเพื่อที่จะได้เข้าถึงเขาได้ง่าย ๆ หน่อย เข้าตามตรอกออกตามประตูหน่ะครับ อย่างน้อยก็มีแรงเชียร์แหละวะ พิชิตใจเพื่อนเขาไปด้วยเลยจะได้ส่งเสริมเพิ่มบารมีกันเยอะ ๆ

“สวัสดีครับ ผมชื่อปอเช่ เรียนนานาชาติโบเบสแตงก์ มอห้าใกล้ขึ้นมอหก แต่ผมใกล้จะสิบแปดแล้วนะครับ” ผมแนะนำตัวออกไป อยากสนิทกับพวกพี่ทุกคนจังเลยจะได้เอาไปโฆษณาว่าปอเช่คนดีคนเดิมคนนี้มันจริงใจขนาดไหน แต่ดูพี่เขาจะอึ้ง ๆ แหะ...เขาพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะดูดน้ำในแก้วด้วยความประหม่า นี่ความรักของผมมันมีอานุภาพแรงกล้าจนเผาผลาญคนรอบข้างให้ร้อนผาวจนเหงื่อแตกเหงื่อแตนกันขนาดนี้เลยเหรอ ?

“…”

แต่ก่อนที่ไฟในอกผมจะสุมทุกคนให้วอดวายตายไปตาม ๆ กัน ผมเลยรีบเข้าประเด็นให้เร็วที่สุดแต่ก็ไม่ลืมที่จะส่งยิ้มหวาน ๆ ไปให้เขาเพื่อแสดงสัมพันธไมตรีที่เราจะมีต่อกันในอนาคต

“พี่รู้จักพี่คิม คณะดุริยางคศิลป์ปะครับ” แล้วแน่นอนคนที่เป็นเด็กกิจกรรมตัวพ่อก็ต้องเป็นเหมือนสายข่าวชั้นดีที่จะต้องรู้จักผู้คนไปทั่วโดยเฉพาะบุคคลระดับชาติ ไม่สิ! ระดับโลก ไม่ใช่อีก! ระดับจักรวาล จะพอไหมวะ! เพราะดูเหมือนเขาจะใช้ชีวิตอยู่ในป่าหิมพานต์ สิบหกชั้นฟ้า สิบห้าชั้นดินอะไรประมาณนั้นเลยอ่ะมึง

แล้วก็บิงโก! นักข่าวภาคสนามที่หน้าตาโคตรจะเป็นมิตรก็มองซ้ายมองขวาก่อนจะรีบชี้นิ้วบอกผมด้วยความเร่งรีบ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป