บทที่ 8 C.3 [ฟ้า] (2)

“นั่นไง กำลังจะขึ้นตึกแล้ว” ผมรีบทะยานตัวเองฝ่าฝูงนักศึกษาเดินไปตามทางที่สว่างโล่โดยที่ตอนนี้หัวใจของผมเอ่อล้นไปด้วยความรักจนแทบจะกระอักตายอยู่แล้ว

“โอ๊ย! เช่!!!...ขอโทษด้วยนะครับพี่ สวัสดีครับ”

ผมไม่สนว่าเพื่อนผมมันจะทำอะไรกันอยู่ ก่อนผมจะเห็นหลังแว๊บ ๆ ของใครบางคนที่ทำเอาหัวใจผมเต้นกระหน่ำรัวเป็นกลองชุด กับการสะพายกระเป๋ากีต้าที่จะแสนเท่ทำให้ความรู้สึกผมวูบวาบจนแทบอยากจะเป็นลมล้มพับไปด้วยความน่ารักที่มันเด้งโดดออกมาจากผู้คนจนแทงใจผมจี๊ดเลย

“พี่คิม พี่คิม...พี่คิมครับ” ผมแหกปากตะโกนลั่นจนทุกชีวิตหันมามองกันเป็นตาเดียว แต่นาทีนี้ผมต้องได้ อีเมล ไลน์ วีแชท เฟสบุ๊ค ติ๊กต๊อก โทรเลขอะไรกันได้โว๊ย! ขอแค่แบบ...ให้ความคิดถึงของผมมันได้บรรเทาลงบ้างเพราะตอนนี้มันจุกอกจนแทบจะกระอักออกมาแล้วนะครับ แล้วทันทีที่ผมไปแตะบนไหล่เขาผมก็ต้อง...

“ครับ ?”

….

อึ้งแดก! ทั้งเขาและผม ... เสียงกระจกที่หน้าแตกดังเพล้ง! แล้วรู้สึกหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยศรัทธาแห่งรักมันจะมอดลงเรื่อย ๆ จนพวกเพื่อนผมต้องยกมือขอโทษพี่คิมที่ไม่ใช่คิมที่แปลว่าเนื้อคู่ของปอเช่หน่ะครับ ผมทักคนผิดหน่ะ! ทำไมคนชื่อคิมมันเยอะจังวะ! คิมจงอิน คิมไค คิมบับเว หรือว่าคิมบับครับเนี่ย

คิมไหน! คิมไหนไม่รู้ แต่ที่รู้ ๆ พี่เป็นคู่แท้ของผมแน่ ๆ ล่ะ ฟันธง!!!

“โอ๊ย! ไอ้เช่อะไรทำให้มึงเป็นขนาดนี้วะ” ไอ้เปาเอาน้ำแดงมาประเคนผมขณะที่ไอ้โมกำลังยัดยาดมอุดรูจมูกผมเอาไว้ทั้งสองข้าง รู้สึกเหมือนกำลังวิ่งเล่นอยู่ในเขาวงกตแล้วสะดุดตีนตัวเองแล้วล้มจนหน้าแหกกระแทกลงกับพื้นจนหน้าชาไปหมดแล้วเนี่ย

หรือเขาไม่มีอยู่จริงวะ สองสามวันที่ผ่านมากูฝันไปหรือเปล่า สภาพใบหน้ารูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหมือนไม่มีอยู่จริงบนโลกนี้เลยอ่ะ หรือที่ผ่านมากูเป็นบ้าเหรอวะ ไอ้ห่าเอ้ย!!! หล่อแบบเหมือนไม่มีอยู่จริงมันเป็นแบบนี้นี่เอง

ต๊ายยยย...กูเพิ่งเข้าใจเลยนะเนี่ย! เอไอของมหาวิทยาลัยจากคณะวิทยาศาสตร์ถูกปล่อยออกมาเดินเพ่นพ่านหรือว่าเป็นพระเจ้าอย่างที่คาดการณ์ไว้จริง ๆ สรุปมันกรณีไหนกันเนี่ย!

พุทโธ ธัมโม สังโฆ กูอาจจะมีสัมผัสที่หกอย่างที่เฮียเคยบอกเอาไว้ก็ได้นะ เฮียมันบอกผมฝันแม่น ให้หวยถูก จนบางงวดมันมีเงินมาจ่ายค่าเทอมผมได้ก็เพราะเอาฝันผมไปตีนี่ถ้าผมฝันเห็นหกมันจะนับเลขรวมแล้วกระดกไปเป็นเก้าอะไรของมันไม่รู้ แต่เฮียผมไม่เล่นกับรัฐบาลนะครับ มันเล่นคณิตศาสตร์ชาวบ้านที่ไม่ประสานงานกับทางรัฐน่ะซื้อทีละน้อย ๆ แต่ขอถูกนาน ๆ เท่านั้นก็พอ

“ไอ้เช่! กูว่าช่างแม่งเถอะว่ะ” ไอ้โอมว่าออกมาพลางมองสภาพผมด้วยสายตาเอือมระอาสุดจะทน แต่...จนกว่ากูจะแน่ใจว่าเขาไม่มีตัวตนอยู่จริง กูขอลองอีกสักตั้งเถอะ ถ้าเป็นเทพกูจะได้ไปรับขันธ์ครูพร้อมถวายร่างให้เขามาเข้าสิงเปิดตำหนักแม่งเลย ตกหลุมรักหน่ะ ตกหลุกรัก จะมาในรูปแบบไหนก็พร้อมกระโจนใส่เต็มที่เลยแหละครับ!

“มึงเข้าใจรักแรกพบปะวะ” ผมว่าออกไปด้วยสายตามุ่งมั่นอีกครั้งแล้วสะบัดเอายาดมในจมูกออก จนไอ้เพื่อนสามคนต้องสะดุ้งตัวไปตาม ๆ กัน “การที่คนเราตกหลุมรักใครสักคนมันจะรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนเหมือนผีเสื้อบินอยู่ในท้องเป็นร้อยล้านตัวหน่ะ จิตใจหมกมุ่นอยู่แต่เรื่องของเขาที่ใฝ่ฝันหา อารมณ์จะเหวี่ยงสลับขั้วไปมา รู้สึกคลั่งไคล้คล้ายจะเป็นบ้า เวลาจะทำอะไรมันเหมือนจะไม่รู้ตัว ใช้ชีวิตอยู่ในโลกของความฝัน...ฝันแบบ...” ผมพร่ำเพ้อพรรณนาพร้อมนึกถึงใบหน้าที่หล่อแบบมหากาพย์จนแทบจะไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เลย ขนาดกูไม่ได้เจอเขา รอยยิ้มกระชากใจ กับสายตาที่เขาจับจ้องมาที่ผมมันยังวนเวียนอยู่ในหัวและยิ่งตอกย้ำว่าเรานั้นเกิดมาคู่กัน ให้ตายเถอะ! ผมไม่เคยเจอใครโดนใจเท่านี้มาก่อนเลยว่ะ!

หรือว่า!!! นี่สวรรค์กำลังประธานพรให้ผมได้ค้นพบเขาคนนั้นเพียงแค่คนเดียววะ!  เป็นไปได้ ๆ ๆ ๆ เพราะผมไม่อยากให้ใครได้เจอเขาเลยอ่ากลัวว่าคนอื่นจะคิดแบบที่ผมคิดอยู่ตอนนี้ คิดว่าเขานั้นหล่อ น่ารัก แล้วอยากได้มาครอบครองจนแทบคลั่งตายอยู่แล้ว!

“ไปจำมาจากเพจไหนอีกวะเนี่ย” ไอ้โอมเกาหัวแกรก ๆ อีกรอบแล้วหยิบยาดมขึ้นมาดมเอง

“รอบก่อนกับพี่วินนี่แอนด์เดอะพูห์มึงก็เป็นแบบนี้ปะ” ไอ้โมมองผมด้วยสายตาที่จับผิดจนผมต้องเบ้หน้าแล้วแผดเสียงออกไปด้วยจิตใจที่มันมั่นคงเหลือเกิน

“มันหมดยุคหมีสีเหลืองแล้วโว๊ย!”

“แล้วกับพี่ไทยมอหกทับแปดอ่ะ” ไอ้เปายังขุดคุ้ยเรื่องความรักครั้งเก่าที่ผมมองว่ามันก็แค่แบบรักใส ๆ ของวัยคะนองป่ะ แต่พี่คิมอ่ะ แม่ของลูกกูเลยนะเว้ย!

“กูไม่ได้ภูมิใจที่เกิดเป็นคนไทยขนาดนั้น” ผมบอกปัด ๆ แล้วยกน้ำแดงขึ้นมาดูดเติมน้ำตาลเข้าเส้นสักนิดเพื่อความหวานจะทำให้พรหมลิขิตบันดาลชักพาให้เราได้เจอกันอีกครั้ง

“พี่โชนหกทับสองอ่ะ” ผมถอนหายใจออกมาหนัก ๆ นี่มึงความรักในโลกมนุษย์มันไม่เหมือนกับความรักที่เรามีต่อเทพเจ้าหรอกนะเว้ย!

“กูไม่ใช่น้องน้ำแล้วมีแต่สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่ารักนะ” ผมส่ายหน้าให้กับพวกกระจอกงอกหงอยที่แยกระหว่างรักจริงกับรักที่ลวงหลอกไม่ออก บางทีเราเห็นดอกไม้เราก็แค่เดินไปชื่นชมว่ามันสวยดี แต่ดอกนี้มันยั่วยวนใจจนอยากเด็ดเอามาครอบครอง เข้าใจกันไหมเนี่ย!

“โอ๊ย!” เพื่อนผมเหมือนจะประสาทเสียกันทุกคน ก็เข้าใจได้นะ มันค่อนข้างจะซับซ้อนหน่ะอีกอย่างกูไปให้ความหวังด้วยการเลี้ยงข้าวเขาขนาดนั้นแถมยังเสียเงินไปตั้งสามพันห้าร้อยหกสิบสองบาทอีก เท่ากับว่ากูทุ่มเทกับรักครั้งนี้มากและมันจะไม่เหมือนกับครั้งไหน ๆ แน่นอน แล้วกูทุ่มสุดตัวเลยนะนั่น ขอบอก!

“พวกมึง! มันไม่เหมือนการตกหลุกรักครั้งไหนที่ผ่านมาเลยมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง” ผมกวักมือเรียกเพื่อนให้มาสุมหัวกันขณะนี้เรานั่งอยู่ที่โต๊ะไม้หินหน้าคณะไหนสักคณะในมหาวิทยาลัยนี่แหละ “กูเพิ่งเข้าใจคำว่าคนเราทุกคนเกิดมาต้นทุนไม่เท่ากันและเห็นความแตกต่างระหว่างเทพกับมนุษย์ได้อย่างชัดเจน!” ผมอยากให้คนรอบข้างเข้าใจนะ มันจะได้ตาแจ้งแล้วเห็นสักทีว่าอะไรเป็นอะไร มันไม่ใช่อะไรที่ฉาบฉวยหรืออารมณ์ชั่ววูบหรอก เชื่อกูสิ!

“ห้ะ!!!” แล้วเพื่อนผมก็ร้องออกมาเสียงดังด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจอย่างรุนแรง จนผมต้องขยายความเพิ่ม

“เขาไม่เหมือนมาใช้ชีวิตบนโลกแต่เหมือนมาโปรดสัตว์หน่ะ” นี่กูพยายามใช้ภาษาที่พอจะเข้าใจได้ง่ายที่สุดแล้วนะแต่จะให้บรรยายความหล่อลงลึกลงไปกว่านั้นพวกมึงต้องว่างให้กูสักเจ็ดวันกว่ากูจะสาธยายเสร็จ

“กูได้ยินคำนี้มาตั้งแต่เช้าละ” ไอ้โอมกรอกตามองบนแล้วยังสูดยาดมอย่างเอาเป็นเอาตาย

“กูพร้อมมอบกายถวายชีวิตให้กับพระเจ้าแล้ว!” ผมทุบโต๊ะด้วยกำปั้นพร้อมกับศรัทธาเกินห้ามใจ โดยที่หลังจากนี้กูจะไม่ปล่อยเขาไปแม้แต่วินาทีเดียว จะตามหาทุกซอกทุกหลืบ ต่อให้เป็นสวรรค์ชั้นฟ้าหรือดาวพลูโตผมก็จะตะเกียกตะกายไปให้ถึงฝั่งฝันให้ได้เลย

“เหรอวะ ?”

“เมื่อรู้ว่าเรามอบชีวิตไว้กับพระเจ้าได้ เราก็สามารถวางทุกสิ่งในชีวิตไว้กับพระองค์ได้เช่นกัน”

“เลยเหรอ ?” ไอ้เปาพยายามกลั้นขำแต่ถอนหายใจหนัก ๆ ออกมาอยู่ดี

บทก่อนหน้า
บทถัดไป