บทที่ 9 C.3 [ฟ้า] (3)
“ไอ้ห่า! ไปเรียนพิเศษกันเหอะว่ะ เสียเวลาฉิบหาย! ไป!!!” แล้วไอ้โอมก็ดึงหลังคอเสื้อผมพร้อมเก็บกระเป๋าพลางลุกออกจากโต๊ะหินแห่งนี้ แต่ผมจะไม่ย่อท้อหรอกนะ เพราะเสียงที่มันหวานจับใจมันคงดังก้องกังวานอยู่ในหัวใจไม่ห่างหายไปไหน ‘อ๋อ...ชื่อคิมนะ ยินดีที่ได้รู้จัก’ พอนึกแล้วก็โมโหชะมัด แต่ไม่ใช่โมโหเขานะครับ โมโหที่เสียงเขาไพเราะเพราะพริ้งเช่นนั้นได้อย่างไรกัน อยากจะเก็บเสียงเธอ กลบมันด้วยสายลม อยากจะเอาภูเขามาบังเส้นผม ไม่ให้ใครชื่นชม แม้เส้นเดียว!!!
“เดี๋ยว ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ”
“เหมือนแสงสว่างส่องทางนำหัวใจกูเลยว่ะ” ผมไม่ได้สนใจเพื่อนมากนัก ยิ่งนึกถึงรอยยิ้มหล่อลากกระชากใจในใจก็เหมือนมีพระอาทิตย์ส่องสว่างวาบจนผมอยากเอาตัวเองไปบังแสงนั้นเอาไว้ให้มืดมิดจนหมดฟ้า ไม่อยากให้ใครได้เห็นสิ่งที่ผมได้สัมผัสเลยจริง ๆ อ่ะ หวง หวงโว๊ย!
“ใช่ปะวะ”
“โลกเป็นสีชมพูสุด ๆ” นอกจากแสงสีเหลืองจากพระเจ้าที่กำลังนำทางชีวิตที่มืดบอดของผมอยู่ พอมองซ้ายมองขวาทุกอย่างมันก็กลายเป็นสีชมพูไปหมดเลยว่ะ ขนาดหน้าไอ้เปายังหวานอย่างกับน้ำตาลมิตรผลคล้ายพี่คิมเลย เห้อออ...พี่คิมครับ ผมคิดถึงแล้วอ่า!
ทำไมผมมองอะไร ๆ มันก็เป็นพี่คิมไปหมดเลยวะ คนตรงหน้าโน้นก็ด้วย เหมือนพี่คิมชะมัด ความรักมันทำให้เรามีความสุขได้จริง ๆ ด้วย แม้จะในความคิดก็ตาม
“ไอ้เช่!”
“เหมือนมีกลิตเตอร์คว่ำใส่หัวกูเลยว่ะ” ผมมองรุ่นพี่คนนึงนิ่ง ๆ ลักษณะท่าทางเหมือนกับพี่คิมแต่ภาพมันฟุ้งจัดคล้ายหลุดออกจากความฝัน จนผมคิดว่าตัวเองน่าจะหลอนไปเองเพราะสายตาผมตอนนี้มันเป็นประกายระยิบระยับไปหมดละเนี่ย
“เช่ ๆ ๆ ๆ ดูนี่ก่อน”
“มันวิบวับ วิบวับ เต็มชั้นบรรยากาศไปหมดเลยว่ะ”
“ดูดีดีนะกลิตเตอร์หรือกรวดหิน ไอ้เช่! โน่น!!!” ไอ้เปาโบกกบาลผมเต็ม ๆ จนเรียกสติที่ผมกำลังทำหน้าละเมอเพ้อพกให้กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง ยอมรับครับเวลาที่ผมนึกถึงหน้าพี่คิมเหมือนผมได้ไปเที่ยวสรวงสวรรค์เลยอ่ะ แต่อะไรวะ...
“ทำไมวะ” ผมเพ่งสายตาไปตามมือที่เพื่อนผมชี้
“ใช่เทวดามึงปะหน่ะ”
แล้วผมก็เบิกตาโพลงด้วยความตื่นตะลึง อารมณ์ด้านในสั่นระริกเนื้อเต้นราวกับสิ่งมหัศจรรย์บนโลกได้เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าผม ถ้าหากมี 7 สิ่งที่เป็นเรื่องมหัศจรรย์บนดาวเคราะห์สีน้ำเงินแห่งนี้พี่คิมคงเป็นอย่างที่ 8 โดยที่ไม่ต้องสงสัยอะไรเลย ว๊ากกก!!!
“พี่คิม ๆ ๆ ๆ ๆ” ผมกำลังพุ่งหลาวไปที่พี่เขาด้วยความเร็วสูงแต่ไอ้เพื่อนทั้งสามก็รั้งผมไว้อีกเช่นเคย นี่พวกมึงจะมาขัดขวางความรักในครั้งนี้ของกูไม่ได้นะเว้ย! นอกจากจะบาปแล้วจะโดนคำสาปด้วย ที่เห็นอยู่ไม่ใช่มนุษย์นะนั่น หล่อยังกะหนังการ์ตูน ไอ้ห่าเอ้ย!
“ไอ้เช่!!!”
“อย่าเพิ่ง!”
“พี่คิมค้าบบบบ” ผมพยายามดันตัวเองออกไปโดยใช้แรงทั้งหมดที่มีด้วยสติ สัมปชัญญะที่หายไปจนหมดสิ้นพร้อมกับสมองที่ถอดออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ความรักมันใช้หัวใจไม่ได้ใช้สมอง ฉะนั้นอะไรที่ไม่สำคัญก็ทิ้ง ๆ มันไปเถอะ
“นั่น...เด็กอีพีโรงเรียนเราป่ะ”
“ใช่! จำชื่อไม่ได้”
พวกเพื่อนก็คุยอะไรกันงุ้งงิ้ง ๆ ไม่รู้ แต่ในสายตาผมตอนนี้เหรอ...ขาวมาก ออร่าสุด ๆ ทรงผมกระแทกใจ ใบหน้าสมส่วน ส่วนสูงเท่ากับระยะทางจากท้องฟ้ามาถึงดิน บุคลิกที่ซับซ้อนเหมือนตัวตนถูกซ่อนเอาไว้จนอยากค้นหาเข้าไปสำรวจแบบทุกซอกทุกมุม แล้วยิ่งใส่เสื้อโปโลของมหาวิทยาลัยก็ยิ่งสะดุดตาสะดุดใจเข้าไปใหญ่ นั่นทรงอาภรณ์ได้เหมาะสมกับรูปกายที่เปล่งประกายมากเลยครับ
“คับคล้ายคับคา เกรดเดียวกับเรานี่...แค่รู้ว่าหล่อ”
“น่ารัก”
“บ้านรวยมาก”
“คุณหนู”
“ไฮโซ”
“สะอาด”
“เหมือนอาบน้ำวันละล้านรอบ”
“เหมาะสมอย่างกับกิ่งทองใบหยก” พวกเพื่อนผมสลับกันพูดจนไอ้โมชี้นิ้วมาที่ผมที่ไม่ได้ฟังเหี้ยห่าอะไรเลย “ส่วนไอ้เหี้ยนี่!...ใบรับรองแพทย์เข้าด่วน!” มันถอนหายใจออกมาจนผมต้องเหลือบสายตาที่แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในนั้นไปมองคู่สนทนาของพี่คิมที่พวกเพื่อนผมได้สรรเสริญเยินยอไปเมื่อกี้...เด็กโรงเรียนกูนี่หว่า ใส่ชุดนักเรียนเหมือนกันเป๊ะ! ใครวะ!!! แล้วมาคุยกับเนื้อคู่กูแบบสนิทชิดเชื้อขนาดนั้นได้ไงอ่ะ!
มึงเป็นใครเนี่ย ห๊าาาาา!!! ผมจะพุ่งไปท่าเดียวแต่ก็โดนพวกมันสามคนจับล็อกเอาไว้แน่นยิ่งกว่าโซ่ตรวนซะอีก
“ใจเย็น ๆ กูได้ข่าวว่าเด็กอีพีมันพรรคพวกเยอะ แล้วถ้ากูจำไม่ผิดไอ้นี่แม่ง! หัวโจกเลยนะเว้ย!” ไอ้โมว่าออกมาพลางวิเคราะห์แล้วป้องตาดูสถานการณ์ที่มันแทงใจดำของผมเหลือเกิน แล้วนั่นมีหัวร่อต่อกระซิกกันด้วยหมายความว่าไงวะ!
“แล้วยังไง! กูไม่ใช่สิ้นไร้ไม้ตรอก กูก็ลูกพระนาหมื่น ไอ้โอม ไอ้เปา จับชายเสื้อกูทำไม!!!” ผมหันไปถามเพื่อนของผมที่ดึงชายเสื้อเอาไว้จนมันแทบจะขาดคามือ
“พระยานาหมื่นของมึงหน่ะทำงานงก ๆ เสิร์ฟเหล้าอยู่บาร์โน่น!” ไอ้โอมพูดถึงเฮียผมอีกรอบ แต่นาทีนี้ต่อให้เอาเฮียพอร์ชสักสิบคนมาห้าม กูก็ไม่ฟังแล้วโว๊ย!
โดนส้นตีนกูก็ยอม!
“แล้วมึงจะปล่อยให้อิชนชั้นทาสมันมาดูหมิ่นดูแคลนกูฤา!”
“สภาพ! ไม่ใช่งั้นนะ...เขาเหมือนเทพชั้นเดียวกันน่ะ ศึกรวมพลคนมหาเทพเลย ส่วนมึงอ่ะทาสของจริงเลย ดูท่าแล้วเหมือนธาตุจะแตกด้วย!” ผมที่อารมณ์เดือดดาลขั้นสุดก็หอบหายใจออกมาถี่ ๆ เหมือนคนโกรธจัด แต่ไม่ได้เหมือนหรอก กูโกรธจริงเลยอันนี้ ทำไมไอ้นั้นถึงยืนกอดอกคุยกับเทพบุตรของผมแบบเย่อหยิ่งได้ขนาดนั้นกันนะ ระวังนรกจะกินกบาลเถอะ!!!
“เห่ย ๆ ให้ดอกไม้กันด้วยว่ะ!”
ดอกกุหลาบกำนึงที่อยู่ในมือพี่คิมถูกส่งไปให้ไอ้เห็บเหานั้น จนมันทำหน้าเบ้ ๆ ขี้เหร่ ๆ ออกมา แล้วรับสิ่งที่เทพเจ้าประธานไปให้อย่างไม่ค่อยแยแสแล้วดูสภาพก็กวนส้นตีนไม่น้อยเลยนะนั่น อยากเอาตีนทาบหน้าคนโว๊ย!
“หื้ม!!! บังอาจมาก!”
