บทที่ 3 KINNPORSCHE 2 : เจ้ากรรมนายเวร (1)

“อย่าบอกว่าจะถีบหัวกูส่งที่ปั๊มเดิมอีกน่ะ” เสียงแหบเอ่ยออกมา วันนี้สภาพมันโอเคกว่าเมื่อวานมากถึงแม้จะมีร่องรอยช้ำตามใบหน้า ทั้งรอยเก่าและใหม่แต่ถือว่าอึดใช้ได้

“ตามมาตอนไหนวะ!” ผมไม่ได้พูดกับมันแต่เอ่ยเสียงเรียบมองกระจกข้างรถก่อนจะเร่งเครื่องให้เร็วกว่าเดิม เมื่อเห็นมอเตอร์ไซค์ของชายชุดดำกำลังพยายามไล่ต้อนเข้ามา เชี่ยแม่ง! วันนี้เตรียมพร้อมนี่หว่า...ถึงมีการให้คนมาดักรอขับรถตามแบบนี้ด้วย ผมลัดเลาะเข้าไปตามซอกซอยต่าง ๆ อย่างชำนาญ ดีที่มอเตอร์ไซค์ของผมเป็นรถวิบากที่การคล่องตัวดูปราดเปรียวพอสมควร

“เบาหน่อย!” เสียงแหบดังย้อนลมที่ปะทะเข้าใบหน้า มันจับเอวผมไว้แน่นมืออีกข้างก็เอนตัวจับขอบเบาะด้านหลังเอาไว้

“มึงจับแน่น ๆ แล้วกัน” ผมว่าก่อนจะบิดเร่งเครื่องไปอีก มือหนาขยุ้มเสื้อตรงสีข้างแน่น หัวของมันโน้มลงซบกลางหลังตั้งใจจะหลบลมที่ตีปะทะเข้าหน้าอย่างจัง

“นี่กูยังไม่ตายใช่ไหมวะ...” เสียงแหบทุ้มพูดกับตัวเองก่อนจะมองไปรอบ ๆ หลังจากผมเริ่มผ่อนเครื่องยนต์ ผมแน่ใจว่าจะไม่มีใครตามมาอีกเพราะทางที่ผมมาค่อนข้างลึกลับซับซ้อนหลอกล่อพวกมันอยู่พักใหญ่ รู้ตัวอีกทีก็ทิ้งห่างจนไม่มีใครตามทัน ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อรถมอเตอร์ไซค์จอดเทียบที่หน้าบ้านของผม...

“ที่ไหนวะ...”

“บ้านกู” ไม่ใช่อยากจะหาเรื่องใส่ตัวด้วยการชักศึกเข้าบ้านหรอกนะครับ แต่นาทีชีวิตเมื่อกี้เส้นทางที่ผมชำนาญที่สุดมันก็แถวนี้แล้วพอรู้ตัวอีกทีก็เลี้ยวรถเข้าบ้านตัวเองมาเรียบร้อย

“ขอเข้าไปล้างหน้าล้างตาหน่อยละกัน...” มันว่าหลังจากที่มันเป่าลมออกจากปากตัวเองด้วยความโล่งอกราวกับเมื่อกี้เพิ่งไปผ่านการทัวร์นรกยังไงยังงั้น

“เดี๋ยว!...” มันตั้งท่าจะเดินไปจับประตูบ้านผมแต่ชะงักไป เพราะผมร้องท้วงแต่ใบหน้ากับไม่หันไปมองมัน หยิบบุหรี่ที่กระเป๋ากางเกงมาจุดดูดพ่นควันสีขาวให้ลอยละลิ่วไปตามลม

“…” มันไม่พูดแต่หันมาเลิกคิ้วให้ผมอย่างขอคำตอบ

“ห้าหมื่น...” ผมเปล่งเสียงขณะคาบบุหรี่ไว้ในปาก มือเท้าสะเอวหลวม ๆ แล้วหันไปมองหน้ามันบ้าง

“หึ...” มันหัวเราะในลำคอเล็กน้อยแล้วทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ

“เมื่อวานนาฬิกากู...” ก่อนที่มันจะพูดจบผมก็ลอบกลืนน้ำลายลงคอแล้วแทรกเสียงขึ้น

“เมื่อวานก็ส่วนเมื่อวาน...” นี่ก็แอบหวั่นอยู่ว่ามันจะเอานาฬิกาคืนหรือเปล่า แต่ผมก็หน้าด้านบอกออกไปแบบนั้น ถึงมันจะขอคืนตอนนี้ก็ไม่มีให้หรอก เงินที่ได้จากการขายก็เอาไปจ่ายค่าเทอมไอ้เช่ แล้วยังต้องซ่อมแอร์ที่ห้องนอนตัวเอง แล้วต้องจ่ายหนี้สารพัด แทบไม่เหลืออะไรเลย...

“เมื่อวานมึงขอกูห้าหมื่น วันนี้อีกห้าหมื่นรวม ๆ ก็แสน แต่จากที่เดามึงน่าจะเอานาฬิกากูไปขายได้มาในราคาไม่ต่ำกว่าสี่แสนแน่ ๆ ถ้ามึงไม่โง่ไปเจอร้านที่กดราคามึงหนัก ๆ อะนะ แต่นั่นก็แสดงว่า...กูก็จ่ายมึงล่วงหน้าแล้วดิ” เสียงทุ้มพูดไปยิ้มไป พร้อมกับทำท่าคิดคำนวณเล็กน้อย แล้วหันหน้ามามองผมแบบผู้เหนือกว่า เป็นครั้งแรกที่ผมหันไปปะทะเข้ากับใบหน้าของมันจัง ๆ ร่างสูงกว่าผมไม่กี่เซ็นต์ยกยิ้มมองผมอย่างพิจารณาเช่นกัน ดวงตาคมที่ฉายแววน่ายำเกรงส่งตรงมาหาผมทำให้รู้ว่ามันไม่น่าใช่คนธรรมดา ใบหน้าหล่อช้ำจนขึ้นเป็นร่องรอยสีเขียว แต่ไม่ได้ทำให้ใบหน้าที่ดูมีเชื้อผสมของฝั่งยุโรปดรอปลงไปเลย ผมเพิ่งเห็นหน้ามันชัดเต็มสองตาก็วันนี้ ท่าทางลักษณะ บุคลิกทุกอย่างราวกับมีเชื้อสายตระกูลชั้นสูง จนผมแอบหวั่นใจไม่ได้ที่มันอาจจะเล่นงานผมที่หลัง ที่เอาแต่ขู่รีดเงินมันแบบนี้

“งั้นมึงมาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยนะ” ผมบอกเสียงเรียบ ทำอะไรก็หวังผลทั้งนั้นแต่ถ้าผลไม่เป็นไปตามที่หวังก็อย่าได้เห็นว่ากูจะช่วยมึงด้วยจิตอาสาเลย

“หึ...กูถามจริง หน้าตามึงก็ดีนะ ทำไมเป็นโจรวะ” มันหัวเราะเยาะออกมา ยืนกอดอกมองผมอีกครั้ง... ไอ้นี่! ปากคอและสายตาเหยียดผมเต็มที่ ลุคผู้ดีที่มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า พร้อมเสียงหัวเราะเย้ยหยันจนทำให้ตีนผมแอบกระตุกเบา ๆ

“มึงเงียบปากแล้วออกไปให้ไวเลย...”

“เฮีย เสียงดังอะไรหน้าบ้านวะ” เสียงประตูบ้านแง้มออกพร้อมร่างของน้องชายผมในชุดนอน มันทำท่างัวเงียมองตรงมาที่ผม

“เอ่อ...หวัดดีครับ” น้องชายวัยมัธยมของผมเอ่ยทักคนแปลกหน้าที่มันก็ไม่คุ้นตา ไอ้เวรนั่นมองน้องผมแล้วพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับเล็กน้อย

“มึงเข้าบ้านไปก่อนเลย...” ผมบอกน้องชายเสียงเข้ม

“จะยืนอยู่หน้าบ้านทำบ้าอะไรวะ เดี๋ยวชาวบ้านก็ตื่นมาด่าหรอก เข้ามาคุยด้านในนี่” ไอ้เช่ที่นับวันเริ่มจะเหิมเกริมกับผมเข้าไปทุกที เปิดประตูบ้านให้เข้าแล้วกวักมือเรียกผมยิก ๆ

“งั้นพี่รบกวนหน่อยนะ” ร่างสูงตั้งท่าจะเดินเข้าไปตามคำเชิญ แต่ผมดึงปกเสื้อเชิ้ตจากทางด้านหลังของมันซะก่อน

“กูจะเข้าบ้าน ส่วนมึงมาทางไหนกลับไปทางนั้น” ผมรั้งเสื้อลากมันให้พ้นวิถีประตูซึ่งทำให้หน้าหล่อราวกับเทวรูปขมวดคิ้วส่งสายตาคมมาอย่างไม่พอใจก่อนจะสะบัดแขนผมออกแล้วจับเสื้อให้เข้าที่

“มึงกล้ามากที่ทำกับกูแบบนี้...” เสียงแหบกดเสียงเข้มรับรู้ถึงความโกรธ ผมเองก็ไม่ได้เกรงกลัวแถมยังไหวไหล่ให้มันอย่างไม่สนใจ แล้วกำลังจะก้าวเท้าเข้าบ้าน

“เดี๋ยว! ไม่เคยมีใครทำกับกูแบบนี้” แขนผมถูกมือของไอ้เวรคินน์บีบเต็มแรง แต่ไม่ได้สะเทือนมัดกล้ามของผมหรอก ผมสะบัดออกพร้อมผลักอกมันเต็มแรง

“ทำไม! มึงเป็นใคร! กูทำได้มากกว่ากระชากคอเสื้อมึงอีก” ผมบอกออกไปอย่างหาเรื่อง จ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร

“ถ้ามึงไม่ออกไป กูจะกระทืบมึงให้จม!” ผมชี้หน้าคาดโทษมัน

“มีไรวะเฮีย” ไอ้เช่ที่กลับเข้าไปด้านในแล้วก็ต้องเดินออกมาชะโงกหน้ามองผมใหม่

“ไม่มี! เข้าบ้าน...” ผมจับหัวน้องตัวเองยัดเข้าไปในบ้าน กระแทกประตูอย่างแรงใส่หน้าไอ้คินน์และคิดว่าบ้านข้าง ๆ กำลังด่าพ่อล้อแม่อยู่ในใจด้วย...

ผมไม่ได้ใส่ใจมันอีกจะเป็นตายร้ายดีก็เรื่องของแม่ง! แต่กูขอสาปแช่งมึงในใจให้มึงโดนกระทืบอีกสักรอบเผื่อไอ้ความหยิ่งยโสโอหังจนใครก็แตะตัวไม่ได้จะได้เพลา ๆ ลง กูไม่แปลกใจละทำไมมันโดนคนรุมตามกระทืบแบบบ้าดีเดือดขนาดนั้น ก็มันคงไปทำตัวเหยียดคนอื่น อยู่สูงกว่าชาวบ้านเขาแบบนี้ไง... เหอะ! กูไม่กลัวมึงหรอกไอ้เวร จะกลัวอยู่เรื่องเดียวมันจะมาทวงนาฬิกาคืนไหมวะ!?

ผมกดโทรศัพท์โทรหาเจ๊หยกว่าตอนนี้อยู่โรงพยาบาลหรืออยู่วัดไปแล้ว แต่เสียงก็ยังเจื้อยแจ้วเหมือนเดิม บอกกับผมอีกว่าตำรวจมาเคลียร์ให้แล้วทำให้สลายตัวหลังจากวิ่งออกจากร้านกันไม่นาน เจ๊บ่นผมจนหูชาคิดว่าไปมีเรื่องกับนักเลงเขตไหนอีก แล้วก็เป็นอันที่ผมต้องรับกรรม พรุ่งนี้ผมต้องเข้าไปเคลียร์ทุกอย่างและไม่วายจะต้องเสียเงินพร้อม ๆ ไปกับการโดนสวดชุดใหญ่

“เจ๊บอกพอร์ชแล้วใช่ไหมว่าทำอะไรให้ระงับสติอารมณ์บ้าง...” วันรุ่งขึ้นผมก็นั่งหน้านิ่วมองเจ๊หยกที่ออฟฟิศของตัวร้าน จะอธิบายอะไรไปก็คงฟังไม่ขึ้น แกยังคงเข้าใจผิดว่าผมมีเรื่องกับนักเลงซอยข้าง ๆ

“ขอโทษครับ...” ผมยกมือไหว้ขอโทษเจ๊หยกที่ถอนหายใจออกมาเต็มแรง ทำทีทำท่าไม่อยากจะถือสาหาความ แต่เรื่องนี้ผมไม่ผิดนี่ ต้นเหตุจริง ๆ คือไอ้คินน์ ผมละอยากจะเอาหัวตัวเองโหม่งโต๊ะให้ตายห่าไปเลย เมื่อวานช่วยมันเงินก็ไม่ได้ วันนี้ยังต้องมาเสียค่าปรับค่าของเสียหายเพราะศัตรูมันมาถล่มร้านอีก ถ้ารู้ว่ามันจะซวยมาถึงผมแบบนี้ วันนั้นจะไม่เจียดตัวเข้าไปยุ่งเลย

“เอาเถอะ ไปช่วยเก็บของได้แล้ว พวกเฟอร์นิเจอร์ชุดใหม่จะมาลงช่วงบ่าย ๆ”

“เท่าไหร่ครับ...” ผมถามเสียงเรียบ แม้จะไม่อยากจะได้ยินตัวเลขสักเท่าไหร่

“อะไรเท่าไหร่” เจ๊หยกทำหน้างง

“ก็ค่าข้าวของที่เสียหาย...”

“หึ พอร์ชไม่มีปัญญาจ่ายเจ๊หรอก” เจ๊หยกพูดพลางกรีดพัดจีนออกมาสะบัดใส่หน้าตัวเอง

“ผมพอมีนิดหน่อยครับ...” ถึงผมจะไม่ใช่ตัวต้นเรื่องจริง ๆ ผมก็ไม่อยากไร้จิตสำนึกจนจะไม่รับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น

“โชคดีนะพอร์ชที่รอบนี้คุณคินน์เขาออกมารับผิดชอบทุกอย่าง...ไม่งั้นเจ๊ไม่อยากจะนึกว่าต้องหักเงินพอร์ชไปกี่ปีถึงจะใช้หนี้หมด” เจ๊หยกว่าออกมา

“คินน์?” หน้าหล่อ  ๆ  ที่มีแววตาอันเย่อหยิ่งฉายซ้ำเข้ามาในหัวอีกครั้ง

บทก่อนหน้า
บทถัดไป