บทที่ 3 EP2 #Red Rose “ลึกซึ้งในรัก ผูกมัดความเจ็บปวด” (1)

…Quand il me prend dans ses bras

Qu'il me parle tout bas

Je vois la vie en rose

Il me dit des mots d'amour

Des mots de tous les jours

Et ça m'fait quelque chose

...กอดฉันให้แนบแน่น และกอดฉันอย่างเร็ว

ด้วยเวทมนตร์นี้จะสะกดโชคชะตาของคุณไว้

นี่คือความรักที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ

เมื่อคุณจูบฉัน ดั่งเหมือนในสรวงสวรรค์

และฉันได้ปิดตาของฉันลง

ฉันได้เห็นความรักของเราที่โรแมนติก

Cr. La Vie En Rose - Edith Piaf

-Tay-

-[เพนต์เฮาส์]-

เสียงเพลงคลาสสิกที่ดังออกมาจากแผ่นเสียงเคล้ากับกลิ่นหอมของดอกไม้นานาชนิดคละคลุ้งส่งกลิ่นหอมหวนไปทั่วทุกมุมห้อง ถึงแม้เป็นดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์แต่ ผม กลับแยกกลิ่นเหล่านั้นออกได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกลิลลี ที่บ่งบอกถึงความเบาสบาย เรียบง่าย สะอาด เหมาะกับห้องสีขาวของผม หรือจะเป็นดอกโรสแมรี ที่เมื่อได้สูดดมเข้าไปก็รู้สึกถึงความสดชื่นเวลาที่อ่อนล้าหรืออ่อนเพลียมันจะช่วยให้อาการเหล่านั้นดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ...

นอกจากนี้ยังมีกลิ่นหอมอีกมากมายที่ชวนให้ผมหลงใหล และทำให้ผมชอบนำมันมาผสมกันจนกลายเป็นกลิ่นเฉพาะตัว ผมว่า...มันเป็นอะไรที่พิเศษมาก ๆ เลยละ เพราะแต่ละคนมีกลิ่นกายประจำตัวกันอยู่แล้ว พอผสมเข้ากับดอกไม้หรือเครื่องหอมที่เข้ากันและเหมาะสมก็จะยิ่งมีแรงดึงดูดมากขึ้นไปอีก ฟังดูเป็นกิจกรรมชั้นเลิศที่คุณหนูอย่างผมมักชอบทำสินะ...แต่จริง ๆ แล้ว นอกจากความหลงใหลในกลิ่นพวกนี้ คงเป็นเพราะความเหงา

อื้ม...เหงา ถึงแม้ห้องนี้จะเต็มไปด้วยความหอมตลบอบอวล เพลงคลาสสิกฟังสบายแค่ไหน แต่กายผมกลับถูกปกคลุมไปด้วยควาเหงา เดียวดาย และเศร้าอย่างน่าประหลาด

เหอะ !

ก็ผมมันคุณหนูเต แฟน ไอ้ไทม์ไงครับ ไอ้คนที่ทำให้ผมต้องรู้สึกเหมือนมีมวลพลังงานความเศร้าอยู่รอบตัวตลอดเวลาน่ะ...

“เชี่ย!!” หยดเลือดสีแดงสดค่อย ๆ ซึมขึ้นมาจากปลายนิ้วชี้ของผมเพราะหนามกุหลาบมันทิ่มแทง ถึงจะสวยจะหอมแค่ไหน มันก็มีข้อควรระวังสินะ เฮ้อ...ทุกครั้งที่ผมกำลังจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำตรงหน้าหรือนั่งคิดอะไรเพลิน ๆ ก็จะเกิดเรื่องแบบนี้เป็นประจำจนเริ่มชินไปเสียแล้ว

ตอนนี้ผมกำลังนั่งผสมสูตรน้ำหอมไปเรื่อย ผมชื่นชอบกลิ่นหอมถึงขั้นเรียนรู้และทดลองปรุงน้ำหอมกลิ่นต่าง ๆ ด้วยตัวเองจนชำนาญ กลิ่นที่ผมชอบและถือว่าเป็นกลิ่นซิกเนเจอร์ของผมเลยนั่นก็คือ กลิ่น Classic Rose เป็นกลิ่นหอมหวานของดอกกุหลาบสีแดงสด เป็นกลิ่นที่ดูอบอุ่นแสนดีแต่ก็มีความเร่าร้อนที่น่าค้นหาไปพร้อม ๆ กัน มันก็เหมาะกับผมดีนะครับ เพราะดอกกุหลาบเป็นตัวแทนของความรักที่สวยงาม แต่ความสวยงามนั้นก็แฝงไปด้วยหนามแหลมคมที่พร้อมทำให้เราต้องเจ็บปวดเหมือนกับผมตอนนี้ แต่อย่างไรผมก็ชอบกลิ่นนี้มากที่สุดอยู่ดี เพราะมันเป็นกลิ่นที่ทำให้ผมหวนนึกถึง...

แกร๊ก...

“มึงไม่รอให้ฟ้าสางเลยล่ะ” ผมพูดขึ้นโดยไม่ได้หันไปมองคนที่อยู่ด้านหลัง กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคย ถึงตอนนี้จะเจือจางลงเพราะสายฝน แต่ผมก็ยังคงจดจำกลิ่นนี้ได้เป็นอย่างดี มันเป็นกลิ่นของ Tonka Bean กลิ่นพื้นฐานชั้นสุดท้ายที่ให้กลิ่นคล้ายกับฝักวานิลลาหรือกลิ่นอ่อน ๆ ของใบยาสูบ กลิ่นนี้จะติดตัวนานที่สุด เหมาะกับคนไลฟ์สไตล์ที่ชอบปาร์ตี้เที่ยวกลางคืนเจอทั้งแอลกอฮอล์และควันบุหรี่ เพราะถ้ากลิ่นของ Tonka Bean ได้ผสมเข้ากับกลิ่นควันบุหรี่และกลิ่นกายของเขาก็จะกลายเป็นกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่เซ็กซี่ น่าหลงใหล และโคตรยั่วยวน...

“นี่ก็ไวที่สุดละนะมึง ขับรถฝ่าฝนไม่เป็นห่วงกูเลยหรือไง” ไอ้ไทม์คนรักของผมที่พูดขึ้นก่อนผมจะหันไปหาเขา และสายตาผมก็ได้หยุดนิ่ง เพราะสังเกตเห็นเสื้อผ้าที่ต่างออกไปจากทุกที

“เสื้อใคร ? ” ผมขมวดคิ้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย พลางพิจารณาคนตรงหน้าอย่างสงสัย ในมือก็ควงแก้วไวน์เบา ๆ ก่อนจิบเข้าไปแล้วส่งสายตาเชือดเฉือนอีกครั้งอย่างต้องการคำตอบ

“ของน้องเต็มอะ น้องเขาให้ยืมมาใส่ก่อน สงสัยกลัวกูปอดบวมตาย” ไทม์พูดขึ้นด้วยท่าทางทะเล้นแล้วเดินตรงปรี่อ้าแขนเข้ามาจะกอดผม

“หยุด!” ผมยกมือซ้ายขึ้นเป็นสัญญาณบอกให้ไทม์หยุดอยู่กับที่ “ไปอาบน้ำได้ละ เหม็นกลิ่นบุหรี่ กูปวดหัว”

มันไม่ได้สนใจคำพูดของผมเลยสักนิด มันเดินตรงเข้ามาแล้วดึงตัวผมเข้าไปกอดเอาไว้ ก่อนจะค่อย ๆ กระชับกอดให้แน่นขึ้น ทั้ง ๆ ที่ตัวมันชื้นจนทำชุดผมเปรอะไปด้วย ถึงผมจะร้องปรามมันเมื่อครู่ แต่ร่างกายผมก็ยืนนิ่งให้มันเอาหน้ามาซุกที่ซอกคอผมอยู่ดี แล้วปากผมก็กำลังจะอ้าปากด่ามันอีกรอบ แต่เพราะมันรู้ทันเลยรีบชิงพูดขึ้นมาก่อน...

“ตัวหอมจัง” ไทม์ใช้จมูกสูดดมกลิ่นกายของผมที่ต้นคอ มาที่ใบหน้า แล้วไล้จมูกขึ้นมาอย่างช้า ๆ การกระทำนี้ทำเอาผมเคลิบเคลิ้มไปชั่วขณะด้วยกลิ่นกายเฉพาะของมัน ทำเอาผมแทบเสียศูนย์ ที่รู้จุดอ่อนผมไปเสียหมด กลิ่นน้ำหอมจาง ๆ ก็ว่าหอมแล้ว พออยู่บนตัวไอ้ไทม์แล้วมัน...ทำไมทำผมคลั่งได้ขนาดนี้วะ แล้วแม่ง! ก็ทำใจผมเต้นแรงจนแทบสติเลือนรางด้วย กว่าผมจะรู้ตัวตอนนี้จมูกของเราทั้งสองคนก็ได้ชนกันในระยะประชิด ดวงตาเราทั้งคู่จ้องกันอย่างไม่ลดละ

“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง” ผมพูดเสียงเบา ๆ ไม่อยากให้มันรู้เลยว่ามันทำผมอ่อนระทวยอีกแล้ว และผมก็พ่ายแพ้มุกนี้ของมันทุกครั้งที่มันกลับบ้านดึกสินะ บ้าจริง! ไอ้ไทม์ยิ้มร้ายออกมา เพราะรู้ว่ามันทำสำเร็จแล้ว มือมันก็ยื่นเข้ามาที่หน้าผากผม แล้วใช้นิ้วคลึงหัวคิ้วที่ขมวดกันเป็นปมให้คลายลงเบา ๆ

“คิ้วผูกโบหมดแล้วน๊า” ไทม์เกลี่ยนิ้วของเขาอย่างช้า ๆ แล้วค่อย ๆ ละมาที่ข้างแก้มของผม “แฟนใครเนี่ย น่ารักที่สุดเลย ตัวก็ฮ้อมมม หอม ยิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่ง...” ตอนนี้ผมใจเต้นไม่เป็นจังหวะ และรับรู้ได้ว่าไทม์มันต้องการอะไร ด้วยคำพูดหวาน ๆ และสายตาที่แม้แต่ผมที่อยู่กับมันมานานก็ยังหาวิธีการที่จะละออกจากดวงตาคู่นี้ไม่ได้เลย มันเต็มไปด้วย...อะไรมากมายซึ่งผมก็ไม่รู้ อารมณ์เหมือนโดนสะกดเอาไว้ทุกครั้งไป

“กูบอกให้ไปอาบน้ำไง มันเหม็น” ปากผมพยายามจะต่อต้าน แต่มือข้างหนึ่งกลับเลื่อนขึ้นไปจับเอวมันไว้หลวม ๆ ปากไม่เคยยอมรับแต่ร่างกายไม่เคยปฏิเสธ

ปะวะ

“เหม็นอะไร หอมออกน๊า ลองดมดูสิ” ไทม์ดันร่างของผมจนชนเข้ากับโต๊ะแล้วกระซิบข้างหูผมพร้อมกับขบเม้มบริเวณนั้นเบา ๆ มันทำให้ผมขนลุกซู่ไปทั่วทั้งตัว “ชอบไม่ใช่เหรอครับ” คำพูดที่แผ่วเบาของไทม์ยิ่งทำให้ผมสั่นสะท้านไปหมด มือที่จับแก้วไวน์ไว้ก็สั่นไปด้วยจนมันเกือบจะหล่น

“อ๊าาา...เดี๋ยวหกหมดน๊า” ไทม์ใช้มือค่อย ๆ ลูบไล้ไล่ลงไปที่แขนผมอย่างช้า ๆ แล้วจับแก้วไวน์ขึ้นมายกดื่มจนหมดแก้ว “หวานจัง” และได้วางแก้วไวน์ไว้บนโต๊ะ พร้อม ๆ กับสายตาที่จ้องจะกลืนกินผม ซึ่งมันเป็นสายตาเดียวกับที่ทำให้ผมตกหลุมรักผู้ชายคนนี้

ไทม์เขยิบหน้าเข้ามาใกล้ผม ริมฝีปากและจมูกของเราทั้งสองคนค่อย ๆ บรรจบกัน ลมหายใจแผ่วเบาพร้อมกับกลิ่นไวน์อ่อน ๆ ทำให้ผมแทบควบคุมความสติของตัวเองไว้ไม่อยู่

“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ...” ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำกว่าสีหน้าของผมตอนนี้เป็นอย่างไร ทำไมน๊า...ทำไมผมต้องแพ้และเคลิบเคลิ้ม หลงใหลในทุกท่วงท่าของมันได้ถึงขนาดนี้ แล้วมือผมก็เริ่มอยู่ไม่สุข เมื่อผมรู้ว่าไอ้แฟนตัวดีมันต้องการอะไร ฝ่ามือของผมทั้งสองข้างก็เริ่มลูบไล้บริเวณหลังของมันไปทั่ว

“อื้อ...”

“ทำไม...หน้ากูเป็นยังไง” ผมพูดออกไปด้วยสีหน้าที่ท้าทาย มือผมเลื่อนลงมาต่ำเรื่อย ๆ และค่อย ๆ เคลื่อนย้ายมาบริเวณด้านหน้าตรงกลางลำตัวของไอ้ไทม์ที่ขณะนี้มันเริ่มตึงจนผมต้องขยำมันผ่านกางเกงเบา ๆ ด้วยความหมั่นไส้

“อ๊าาา...อื้อ กูเตือนแล้วนะ อย่าหวังว่าคืนนี้มึงจะรอด” ผมแสยะยิ้มออกมาด้วยความพอใจ ก่อนจะผละมืออกจากการฟอนเฟ้นส่วนแข็งขืนนั่นที่มันคงอยากออกมาเจอผมเต็มทน ผมใช้มือสองข้างจับขอบโต๊ะไว้พร้อมกับใช้แรงเล็กน้อยเขย่งขึ้นไปนั่งพร้อมกับขาทั้งสองข้างเกี่ยวเอวไอ้ไทม์ให้เข้ามาแนบชิดติดกับเรือนร่างของผม ผมเอนตัวไปด้านหลังเล็กน้อยและใช้แขนข้างหนึ่งพยุงร่างตัวเองเอาไว้ ก่อนจะค่อย ๆ ใช้มืออีกข้างหนึ่งแหวกเสื้อคลุมที่ปกคลุมส่วนหน้าอก ดึงมันออกช้า ๆ อย่างเนิบนาบ แล้วก็เอียงคอพลางส่งสายตาให้มันเพื่อเป็นการเชิญชวน

“อื้อหือ...ที่รัก...แบบนี้ไม่ต้องนอนแล้วครับ” มันมองหน้าผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะใช้ลิ้นไล้เลียริมฝีปากของตัวเองเบา ๆ มันค่อย ๆ แกะขาผมออกจากเอวแล้วทรุดตัวลงนั่งคุกเข่ากับพื้นพลางช้อนเท้าผมขึ้นมาข้างหนึ่งด้วยมือทั้งข้างแล้วจดริมฝีปากไปที่นิ้วเท้าของผมอย่างผะแผ่ว แล้วใช้ลิ้นไล้เลียขึ้นมาจนถึงข้อเท้าเป็นทางยาว ส่วนผมค่อย ๆ ปลดชุดคลุมตัวเองออก ลูบไล้ไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายและมือผมก็ไปหยุดอยู่ส่วนกลางลำตัวของตัวเอง ก่อนจะจ้องไอ้ไทม์อย่างไม่ลดละ มันขบเม้มโลมเลียไปตามหน้าแข้งของผมก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา ผมกระดิกนิ้วชี้เพื่อเป็นการเปิดทางให้มันทำในขั้นตอนต่อไปอีกครั้ง

“เซ็กซี่จังที่รัก...อื้อออ...” ไอ้ไทม์มันทำหน้าพอใจ แล้วปลดซิปบกางเกงตัวเองออกเพราะดูท่าน่าจะอึดอัดเต็มทน ไทม์เลื่อนใบหน้ามาอยู่ที่ระหว่างขาของผม ผมยกสะโพกขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้มันปลดเปลื้องชั้นในด่านสุดท้ายได้อย่างง่ายดาย

และขณะที่ผมยังไม่ทันได้ตั้งตัว ความเสียวซ่านก็แทรกซึมเข้าทุกอณูขุมขน เมื่อปากร้อนของไทม์ครอบงำแกนกายที่แข็งตัวขึ้นมาสักพักแล้ว ไทม์ดูดกลืนผมด้วยจังหวะและลิ้นที่เกี่ยวตวัดไปทั่วอย่างชำนาญ อุณหภูมิในร่างกายผมค่อย ๆ สูงขึ้นเรื่อย ๆ และมันยิ่งแทบจะแผดเผาผมจนมอดไหม้ เพราะลิ้นของไทม์หยอกล้อกับส่วนปลายของแกนกายของผมที่มีน้ำไหลเยิ้มออกมา และมันไม่รีรอที่จะกลืนกินทุกหยดจนหมดเกลี้ยง แล้วยังทำหน้าที่ต่อด้วยการใช้โพรงปากนุ่ม ๆ รูดขึ้นรูดลงไปพร้อมกับจังหวะมือมันที่กำลังกอบกุมแกนกายของตัวเองแล้วทำไปพร้อม ๆ กันด้วย

“อ๊าาา...ไทม์...ไม่ไหว...” ผมแอ่นอกเชิดหน้าขึ้นด้วยความซ่านที่ทวีคูณเพิ่มขึ้นไม่หยุดจากการปรนเปรอของแฟนผม แล้วยิ่งผมส่งเสียงครางมากขึ้นเท่าไร จังหวะการขยับขึ้นลงของเรียวปากก็ถี่ระรัวมากขึ้นเท่านั้น จนผมเผลอแอ่นสะโพกรับและไม่วายที่จะขยับสวนเข้าไปอย่างลืมตัว จนผมเริ่มกัดปากตัวเองแน่นเพื่อควบคุมความกำหนัดและเหงื่อก็เริ่มไหลซ่กไปทั่วทั้งตัว

“อื้มมมมม...หวานจัง” ไทม์ผละริมฝีปากออก แต่มือของมันที่ขยับรูดรั้ง

แกนกายตัวเองก็ยังคงทำหน้าที่ต่อเนื่องไม่หยุด และมันก็จับขาผมทั้งสองข้างให้ยันไว้กับขอบโต๊ะจนตัวผมต้องนอนราบลงเอาหลังแนบติดกับเนื้อไม้อย่างช่วยไม่ได้ ก่อนมันจะค่อย ๆ ใช้ลิ้นนั่นไล้เลียไปยังช่องทางด้านหลัง และก็วนเล่นสลับกับขบเม้มไปด้วยความหรรษา

“อ๊าาา...ไทม์...เข้ามาเถอะ” ผมที่น้ำตาปริ่มเต็มทนแทบจะทนไม่ไหวกับบทรักที่มันมอบให้ จึงก็อ้าขาและแอ่นสะโพกมากกว่าเดิมจนไทม์ผละออกแล้วยิ้มออกมาอย่างแพรวพราว

“เข้าไปเลยนะ...อื้ม...” สิ้นเสียงไทม์ผมก็เห็นมันดันตัวเองลุกขึ้นมาจากท่านั่งเป็นท่ายืน แล้วเอาส่วนแกนกายที่แข็งเต็มที่จ่อเข้ามาที่ปากทาง แล้วทันทีที่ส่วนหัวค่อย ๆ เบียดเสียดเข้ามาด้วยความยากลำบากผมก็กัดริมฝีปากตัวเองแน่น “ซี้ดดด...ยังแน่นเหมือนเดิมเลยนะที่รัก” และในจังหวะที่ไอ้ไทม์ดันตัวสุดแรงจนแกนกายมันเข้ามาจนมิดลำ ผมก็รู้สึกจุกเสียดขึ้นมาเล็กน้อย แต่เพียงแค่ชั่วแวบเดียวความเจ็บก็แปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความใคร่จนยากที่จะหยุด

“ซี้ด...อื้ออ” ใบหน้าของไทม์โน้มลงมาที่หน้าอกผมดูดกลืนจุกตุ่มไตสีชมพูพร้อมกับขบกัดมันเบา ๆ จนผมพล่านไปทั้งตัว ไอ้ไทม์ไม่รอให้ผมต้องร้องขออะไรมากมาย มันก็ขยับแกนกายเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ พร้อมปลายลิ้นที่ละเลงบนยอดอกสลับกันไปมา มันเสียวถึงขนาดที่ผมเอามือทั้งสองข้างจิกบนไหล่ไอ้ไทม์ไปอย่างไม่รู้ตัว

“ซี้ด...อ๊า...ไทม์...อย่ากัด...” ผมพยายามปรามแฟนตัวเองที่จังหวะรักในส่วนล่างก็เร่งเร้ามากพออยู่แล้ว ฟันของมันก็เริ่มขูดกดยอดอกของผมจนกลัวว่าจะเกิดเป็นรอยแผล

“แล้วไม่ชอบเหรอ...” มันยิ้มร้ายออกมาขณะที่ผมนอนหลับตาปี๋ ไม่ใช่ไม่ชอบแต่ชอบมาก!!! แค่กลัวว่ามันจะเป็นรอยก็เท่านั้น แต่ก็เอาเถอะ เพราะยิ่งไทม์เร่งจังหวะแกนกายเข้าออกช่องทางด้านหลังผมเร็วเท่าไร สติผมก็เริ่มพร่าเลือนเต็มทน ปลายเท้าผมจิกกับขอบโต๊ะแน่น เมื่อความอึดอัดปนเสียวมันขยับเข้าออกผสมปนเปกันมั่วไปหมด

“ไทม์...ไม่ไหววว...ไม่ไหวว” ไทม์ละใบหน้าออกจากยอดอกของผมแล้วยืดตัวตรง พลางกระแทกแกนกายเข้ามาจนสุดแรงแบบไม่ยั้ง จนหัวผมไปกระแทกกับผนังห้องจนมึนไปหมด รู้ตัวอีกทีไอ้ไทม์ก็จับมือผมไปกอบกุมแกนกายของตัวเองแล้วขยับไปตามแรงบังคับของมัน

“อ๊า…ทำให้เสร็จที่รัก...ทำให้เสร็จสิ” ผมผงกหัวขึ้นมาดูก็รู้ว่ามือของไอ้ไทม์ที่บังคับผมให้กอบกุมแกนกายตัวเองเอาไว้เมื่อครู่ได้เปลี่ยนไปฟอนเฟ้นสะโพกของผมด้วยความมันมือ แล้วเป็นมือผมเองที่กำลังเร่งจังหวะตามแรงกระแทกจากช่องทางด้านหลังแทน

“อ๊าาา...จะเสร็จแล้ว” สายตาของไทม์ไม่อาจละจากส่วนล่างของผมได้เลย มันครางเสียงต่ำในลำคอ แล้วยิ่งเห็นผมขยับมือตัวเองเร็วขึ้นเท่าไหร่ก็เหมือน

ไอ้ไทม์จะมีอารมณ์มากขึ้นเท่านั้น

ความพลุ่งพล่านที่ผมไม่สามารถหยุดยั้งได้จนมืออีกข้างที่ว่างขยำหัวตัวเอง พลางหลับตาแน่น เพราะผมขยับรูดแกนกายตัวเองอย่างหนักหน่วงและเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จนในจังหวะสุดท้าย ผมเกร็งกระตุกสองสามทีก่อนจะปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาเลอะเต็มอุ้งมือของผมเอง

บทก่อนหน้า
บทถัดไป