บทที่ 6 EP3 #Chamomile “ผ่อนคลาย สบายใจ” (2)

“เออ ไปเถอะน่าาาา...”

แล้วในที่สุดผมก็มายืนต่อแถวซื้อผัดไทย ที่ตลาดนัดด้วยความมึนงงขั้นสุด! ไอ้คนที่บอกว่าลูกชิ้นปิ้งไม้เดียวก็อิ่มแล้ว พอมันเห็นร้านขายของละลานตาแบบนี้มันก็ดูตื่นตาตื่นใจจนเลือกไม่ถูกว่าจะกินอะไร เพราะกลิ่นมันหอมตลบอบอวลไปหมด จนมันชี้ไปที่ร้านผัดไทยแล้วบอกว่า นั่นของโปรดมัน แล้วมันก็นึกอยากลองชิมแบบสตรีตฟู้ดดูสักครั้ง ผมนึกแอบขำ แต่ก็เชื่อแล้วแหละว่าประเทศไทยแม่ง! แบ่งเส้นชนชั้นไว้ชัดเจนฉิบหาย มันคงเคยกินแต่แบบติดห้างฯ ละสิ พอเห็นป้าเขาเคาะกระทะแบบชำนาญคงอเมซิงน่าดู!!

“เก้าสิบบาทค่ะ” ผมจ่ายเงินเสร็จก็รับผัดไทยที่ใส่ไว้ในจานกระดาษมาสองจาน แล้วมองหาไอ้คนที่บอกว่าจะไปหาโต๊ะนั่ง เห็นมันเดินดุ่ม ๆ ไปตรง...ลานเบียร์

ชัดเลย! ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เห็นร่างพี่ไทม์ที่โดดเด่นออกมาจากฝูงชน ด้วยการแต่งกาย รูปร่าง หน้าตา ที่ดูดีเสียจนน่าอิจฉา ซึ่งมันก็กำลังโบกมือหย็อย ๆ เรียกผมให้เดินไปแถว ๆ โต๊ะด้านหน้าดนตรีสด แน่นอนว่าเด่นมาก! แล้วคนส่วนใหญ่ก็หันมามองมันเป็นตาเดียวว่าไอ้หล่อกำลังกวักมือยิก ๆ เรียกใคร แต่ผมไม่ได้สนใจสายตาคนพวกนั้นมากนัก เพราะอยู่กับไอ้พอร์ชก็เป็นแบบนี้ เผลอ ๆ ยิ่งกว่านี้อีก แต่รายนั้นสนเหี้ยห่าอะไรที่ไหน ผมก็เลยติดนิสัยไม่ได้แคร์สายตาคนรอบข้างไปเสียเลย

“พี่สั่งอะไรมาเยอะแยะเนี่ย” แต่พอถึงโต๊ะ ผมถึงกับต้องขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม เพราะอาหารมันดูละลานตามาก ทั้ง หมูสะเต๊ะ ขนมปังปิ้ง ไส้กรอกแดงทอด ขนมเบื้อง คาวหวานมาครบ!

“ก็พี่อยากกินอ่า” พี่ไทม์ว่ายิ้ม ๆ ผมจัดการส่งจานผัดไทยให้เขา แล้วพาตัวเองนั่งลงเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ยังไม่ทันที่ผมจะสำรวจอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะดีเลย จู่ ๆ พนักงานลานเบียร์ก็ยกเครื่องดื่มที่ทำเอาผมเหวอ มาเสิร์ฟอีกแล้ว

“มาแล้วค้าบเบียร์หนึ่งทาว กับแก้วสองใบ”

“พี่สั่งเบียร์ด้วยเหรอ” ผมถามพี่ไทม์ด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

“ใช่! บรรยากาศดี ๆ แบบนี้ไม่มีเบียร์เย็น ๆ ได้ไงเนอะ” พี่ไทม์แกก็เปิดก๊อกรินเบียร์ใส่แก้วให้ผมแล้วก็ตัวเขาเองแบบสบายอารมณ์โคตร ๆ จริง ๆ วันนี้กะว่าจะกลับไปดูซีรีส์นะเนี่ย ทำไมชีวิตกูถึงเลยเถิดจนมานั่งแดกเบียร์กับรุ่นพี่อยู่ที่ลานเบียร์แบบนี้ได้วะ

“พี่เตล่ะครับ” ผมถามพี่ไทม์ เพราะช่วงนี้รู้สึกไม่ได้เจอพี่เตเลย เห็นปกติตัวติดกันมากอะไรมาก เวลาเจอกันร้านเหล้าก็นั่งไม่ห่างเลย แถมดูพี่เตยังหวงมากอีกด้วย (ดูจากที่โทร.ตามที่ร้านเหล้าน่ะครับ) แล้วก็ดุมากด้วย

“ทำไมเจอพี่ชอบถามถึงเตวะ คนนะครับไม่ใช่ปาท่องโก๋ ชีวิตใครชีวิตมัน” พี่ไทม์ตอบพลางกระดกเบียร์ขึ้นดื่มทันที ผมที่ทำหน้าเหวออีกรอบก็ตอบไม่ถูก เพราะกูดูกลายเป็นคนขี้เสือกไปเสียแบบนั้น ก็แค่ถามถึงพี่เตน่ะ ผมไม่ได้เจอนานแค่นั้นเอง กูถามถึงพี่เตอ่าถูกแล้ว ถ้ากูถามถึงพี่คินน์เมื่อไหร่ ค่อยมองว่ากูขี้เสือกค้าบบบบ

“อ้าว ก็พี่...” ผมที่ไม่รู้จะตอบอย่างไร ก็ดูอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ไปเลย

“พี่ล้อเล่น ซีเรียสอ่อ ? ฮ่า ๆ เตไปกินข้าวกับครอบครัวที่ห้างฯ นี่แหละ” พี่ไทม์ว่าออกมาพลางหัวเราะ มันยิ้ม มันดูอารมณ์ดีมากอะไรมาก แต่ก็ไม่ผิดจากพี่ไทม์ที่ผมเคยเจอเท่าไหร่ เขาดูเป็นเป็นกันเองดีน่ะครับ

“เอ้า! แล้วพี่ไม่ต้องไปเหรอ”

“ทานข้าวเสร็จแล้ว พี่เลยขอตัวกลับ ให้เขาได้อยู่กับครอบครัวบ้าง”

“พี่กินมาแล้วจริงดิ แล้วพี่กินไหวได้ไง” ผมพยักพเยิดหน้าไปที่อาหารบนโต๊ะ

“พี่ตะกละ...” พี่ไทม์ตอบทีเล่นทีจริง หน้าตากับบุคลิกมันก็ดูกวนประสาท จนผมถอนหายใจออกมา

“เฮ้ออออ”

“ฮ่า ๆ พี่มาเดินย่อยได้พักหนึ่งละ กำลังจะกลับบ้านพอดี เห็นใครไม่รู้ยืนพูดคนเดียวอยู่ที่ร้านหนังสือ”

“อย่าไปบอกใครนะพี่ไทม์ เดี๋ยวเขาหาว่าผมบ้า” ผมเกาหัวพลางยิ้มบาง ๆ เมื่อนึกถึงสภาพตัวเองในร้านหนังสือเมื่อกี้นี้

“น่ารักดี...หืมมม โคตรอร่อยเลย” พี่ไทม์คีบเส้นผัดไทยคำโตยัดเข้าปากตัวเองแล้วพูดชมไม่หยุด

“พี่ไทม์ไม่เคยกินหรือไง”

“เคยสิ”

“จริงอ่า” ผมทำหน้าแปลกใจแล้วหรี่ตาลงมองพี่ไทม์อย่างจับผิด

“บ้าเหรอ ใครจะไม่เคยกิน” พี่ไทม์ว่าพลางยัดผัดไทยเข้าปากอีกหนึ่งระลอก ในปากมันก็ยังเคี้ยวไม่หมดนะนั่น ดูท่าจะตะกละจริง ฮ่า ๆ

“ก็พี่ดูตื่นเต้นอะ”

“พี่ดูตื่นเต้นเหรอ เพราะอาหารหรือเพราะคนพามากิน...” พี่ไทม์ว่า เสียงในตอนท้ายแผ่วลงจนผมฟังไม่ถนัด ทั้งเสียงคนที่คุยกันอยู่รอบข้างแล้วก็เสียงเพลงดนตรีสดที่ดังจนเราแทบจะต้องตะโกนคุยกัน

“ฮะ ? อะไรนะ” เพราะแบบนั้นผมเลยถามย้ำออกไปเพื่อที่จะฟังที่พี่เขาพูดให้ได้ถนัด

“เปล่า พี่แค่ไม่ได้กินบ่อย นาน ๆ กินทีก็อร่อยโคตร ๆ เลยอะ” พี่ไทม์พูดแข่งกับบรรยากาศโดยรอบผมเลยพยักหน้าเข้าใจ

“แล้วอาหารบนโต๊ะนี่เท่าไร” ผมล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา

“ทำไม” พี่ไทม์ขมวดคิ้วทันที

“ก็ผมบอกจะเลี้ยงพี่” ผมเตรียมหยิบเงินออกมา แต่ก่อนจะหยิบผมใช้สายตานับคร่าว ๆ ก่อนแล้ว โชคดีนะที่กูกดตังค์มา

“อะไร ก็เลี้ยงผัดไทยแล้วนี่ไง”

“ไม่ได้ดิ พี่ให้ผมเลี้ยงนี่” ผมไม่ค่อยอยากติดค้างใครนี่ครับ อีกอย่างผมขี้เกรงใจ บอกว่าจะเลี้ยงก็คือเลี้ยง เดี๋ยวเอาเงินเก็บจ่ายก็ได้ ไม่เป็นไร

“เลี้ยงผัดไทย ที่เหลือพี่จ่าย...”

“แต่..”

พี่ไทม์รีบพูดสวนพลางดันกระเป๋าตังค์ผมออกไปจากโต๊ะ  “พอเลย พี่เลี้ยงเราไหวน่า อย่าคิดมาก อย่าเกรงใจด้วย มัวแต่เกรงใจกันไปกันมาแบบนี้ เดี๋ยวก็กิน

ไม่อร่อยหรอก”

ผมถอนหายใจแล้วมองหน้าพี่ไทม์ที่จ้องผมอย่างดุ ๆ จนผมต้องเก็บกระเป๋าสตางค์กลับไปที่เดิม ถึงแม้จะรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไรที่อยู่ ๆ พี่เขามาเลี้ยงอะไรตั้งมากมาย (ถึงมันจะเล็กน้อยสำหรับพี่ไทม์ก็เถอะ) แต่ผมก็ขอจ่ายค่าหนังสือทดแทนบ้างละกัน

“งั้นนี่ กินไปเลย”

“อะไรอะ”

“ผัดไทยไง กินให้เยอะ ๆ เลย อันนี้ผมจ่าย พี่กินเยอะ ๆ เลยนะ” ผมตักผัดไทยจานผมแล้วเอาไปใส่ไว้ในจานพี่ไทม์

“เรานี่นะ...งั้นเต็มก็กินนี่เยอะ ๆ เลย” พี่ไทม์หยิบหมูสเต๊ะให้ผม แล้วเขาก็ไม่ลืมราดน้ำจิ้มมาให้ด้วย พี่ไทม์นี่ก็ใจดีเหมือนกันนะ อย่างที่เคยบอกไปผมค่อนข้างประเมินไอ้พวกแก๊งคุณคินน์อะไรของไอ้พอร์ชในเชิงแบบ ผู้ลากมากดีไงครับ พอเห็นพี่ไทม์ทำตัวชิล ๆ สบาย ๆ พึมพำเพลงไปพร้อมนักร้อง กระดกเบียร์สดอย่างกับน้ำเปล่ามันก็อดสงสัยไม่ได้ ว่าที่ไอ้พอร์ชพูดมันแต่งเรื่องโกหกพวกผม ชัวร์!

บทก่อนหน้า
บทถัดไป