บทที่ 2 EP. 02
ระยะเวลาเพียง 3 ปี ที่เขาไม่ได้ติดตามข่าวคราวของครอบครัวฆาตกรใจโหด ที่ไม่เคยแม้จะออกมาแสดงความเสียใจกับครอบครัวของตน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาคนชั่วช้าเอาแต่หดหัวอยู่ในกระดอง คนเป็นพ่อนั้นเขารู้แค่เพียงได้ลาออกจากตำแหน่งการเป็นนายแพทย์ชื่อดังของโรงพยาบาล และไม่รู้ว่าไปอยู่เสียที่ไหน ขณะที่ลูกชายคนโตกำลังไปศึกษาแพทย์ที่ต่างประเทศ ส่วนน้องสาวคนเล็กได้เข้าทำงานในบริษัทอินทีเรียดีไซน์เนอร์
มือหนาเปิดไขกุญแจลิ้นชัก แล้วหยิบเอาเอกสารสำคัญออกมาเปิดดู มันคือภาพภ่ายหญิงสาวคนหนึ่ง ใบหน้าสวยหวานยิ้มสดใส ผมยาวประบ่า อยู่ในชุดนักศึกษาปีสุดท้าย ชายหนุ่มมองภาพลูกสาวฆาตกรที่ทำลายครอบครัวเขาด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม เขาต้องเอาคืนให้สาสม ในเมื่อทำกับพ่อไม่ได้ก็ต้องลงกับลูก ที่รอมาได้จนถึงวันนี้ ไม่ได้แปลว่าความแค้นจะลดลง แต่มันกลับยิ่งเพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัว ชายหนุ่มมุมานะทำธุรกิจจนทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง บรรดาคู่แข่งต่างก็พากันหดหัวหนีหาย มันสมควรแก่เวลาแล้ว ที่ไวยปัญญ์จะจัดการกับปัญหา ที่ค้างคาในหัวใจเขามานานนับยี่สิบปีเสียที
โทรศัพท์ราคาแพงที่สุดของยุคนี้สั่นครืนบนโต๊ะ เขาเหลือบมองแล้วสลัดอารมณ์คุกรุ่นออกไป เมื่อเห็นว่าคนที่โทร.มาคือหัวใจ ลมหายใจ และกำลังใจสำคัญ
“ว่ายังไงน้องอัน วันนี้มีอะไรจะมาอวดพี่ล่ะ”
“แหม พี่ปัญญ์ รู้ทันอีกแล้ว งั้นน้องอันไม่บอกดีกว่าว่าวันนี้มีอะไรดี เอาเป็นว่าพี่ปัญญ์รีบกลับบ้านนะคะ น้องอันรอทานข้าวด้วยค่ะ”
“ใจร้าย ไม่คิดจะบอกพี่จริงๆ เหรอ บอกสักนิดนะ... นะคนดี”
มีแต่คนที่บ้านเท่านั้นที่จะเห็นเขาในมุมนี้ ไวยปัญญ์ไม่เคยมีรอยยิ้มให้ใคร ไม่ว่าจะเป็นศัตรูหรือมิตร ใบหน้านิ่งเรียบเฉยคือสิ่งที่ทุกคนได้เห็น บางครั้งก็ทำให้ผู้ที่กำลังมองอยู่คาดเดาอารมณ์เขาไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่กับน้องสาวเพียงคนเดียว ไวยปัญญ์กลับกลายเป็นคนละคน เพราะเธอดวงใจทั้งหมดของเขา
“ไม่ค่ะ น้องอันไม่บอก พี่ปัญญ์รีบกลับมานะคะ น้องอันรอค่ะ”
“ตกลง เดี๋ยวพี่จะกลับตอนนี้เลย น้องอันรอพี่สักครู่นะ”
“ดีใจที่สุดเลยค่ะ พี่ปัญญ์รีบกลับมานะคะ”
ไวยปัญญ์กดวางสายไปแล้ว แต่เขายังยิ้มให้กับโทรศัพท์ในมือ เพราะความสดใสและน่ารักของน้องสาว ที่ความพิการไม่เคยทำให้เธอเศร้าหมองหรือเป็นปมด้อย สิ่งที่ไวยปัญญ์นึกกลัวไม่เคยเกิดขึ้นกับเขา เพราะอันดามันน้องสาวตนเองน่ารักและจิตใจดี เป็นที่รักของทุกคนในบ้านและพนักงาน ในวันหยุดหากมีงานเร่งเขาก็จะพาน้องสาวมาเที่ยวที่บริษัท เพื่อให้เธอได้รู้จักสังคมภายนอกบ้าง และอันดามันก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง เธอเข้ากับทุกคนได้ดี ไม่เคยถือตัวไม่ว่าจะเป็นพนักงานอาวุโสหรือพนักงานระดับล่าง ทำให้ไวยปัญญ์นึกชื่นชมอยู่เป็นนิจ
เขาไม่ลืมเก็บเอกสารสำคัญใส่ในลิ้นชักดังเดิม ก่อนจะไขกุญแจปิดเรียบร้อย ราวกับมันเป็นสิ่งของสำคัญ แต่เปล่าเลย... มันคือข้อมูลของศัตรูหมายเลขหนึ่งของเขาต่างหาก คงไม่แปลกอะไรที่เขาจะเก็บมันเสียอย่างดี เมื่อสะสางเสร็จสิ้นเมื่อไรค่อยจัดการเผาทิ้ง ใครเล่าจะอยากเก็บภาพคนที่เกลียดแสนเกลียดไว้เป็นเสนียดจัญไรต่อสายตา
ไวยปัญญ์ลุกจากเก้าอี้ เขาไม่ลืมที่จะหยิบโทรศัพท์คู่กาย และมันก็ร้องดังทักผู้ถือขึ้นมาพอดี ด้วยคิดว่าคงเป็นน้องสาวตัวดี ทำให้ชายหนุ่มกดรับโดยไม่ทันได้มองหน้าจอ
“ว่ายังไงยัยตัวแสบ จะกวนอะไรพี่อีกล่ะ... ฮึ”
“เอ่อ... คุณปัญญ์คะปาเองค่ะ”
น้ำเสียงปลายสายดูจะเจียมตัว ราวกับรู้ตัวว่าเธอโทร.มาผิดเวลา ไวยปัญญ์รีบปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ เพราะเขาไม่เคยพูดน้องเสียงนี้กับใครสักคน ต่อให้เธอผู้นั้นจะสามารถทำให้ตนเมตตา หยิบยื่นคำว่าเลี้ยงดูให้อยู่สบายก็ตาม
“มีอะไรหรือเปล่า”
น้ำเสียงปรับเปลี่ยนเป็นห้วนสั้นเฉกเข่นปกติ แต่คนฟังก็ยังสะดุ้งทุกครั้งที่ได้ยิน ชายหนุ่มจะหยอกเย้าคำหวาน ก็เพียงแค่ยามพะเน้าพะนอกันบนเตียง พากันครวญครางเสียงฟังไม่ได้ศัพท์ ส่วนเวลาอื่นไม่ว่าจะคุยเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว ไวยปัญญ์ก็จะกลับกลายเป็นคนเยียบเย็น แต่กระนั้นปารมีก็ยินดี เพราะถือว่าตนเองเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุด ที่เขายื่นข้อเสนอในการเลี้ยงดูเพียงคนเดียว แม้ชายหนุ่มจะออกไปหาเศษหาเลยที่อื่น แต่เขาก็ไม่เคยรับเลี้ยงใครเหมือนเธอ
“คุณปัญญ์ว่างไหมคะ วันนี้ปาทำอาหารโปรดให้คุณปัญญ์ด้วยค่ะ”
“ไว้วันหน้าแล้วกัน วันนี้ฉันมีนัดกับน้องอันไว้แล้ว”
“ค่ะ”
คำตอบรับเพียงสั้นๆ
ก่อนเขาจะเป็นผู้ตัดวางสายเสียเอง เธอไม่ได้มีนิสัยน่าเบื่ออย่างผู้หญิงคนอื่นๆ
ทำให้ไวยปัญญ์อยู่กับเธอได้นานกว่าใคร และที่สำคัญเขายังเลี้ยงดูหล่อนอย่างดี
ชายหนุ่มจำได้ว่าเธอมาสมัครงานในตำแหน่งประชาสัมพันธ์
ด้วยรูปร่างหน้าตาผิวพรรณและรูปร่างอันยั่วยวน ทำให้เขาหยิบยื่นข้อเสนอให้
และเธอก็ไม่ปฏิเสธ
ในเวลาเพียงไม่กี่ปีหญิงสาวก็ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นถึงผู้จัดการทั่วไป
แม้จะเกิดสารพัดคำครหานินทา แต่หญิงสาวก็ไม่เคยสนใจ เธอก้มหน้าก้มตาทำงาน
ไม่เคยรบเร้าหรือทำตัวน่ารำคาญ อย่างวันนี้เธอก็ไม่เคยมีปากเสียง
