บทที่ 3 EP. 03
แต่เขาไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่า แท้ที่จริงแล้วเนื้อแท้หญิงสาวเป็นคนอย่างไร
“เพล้ง!!”
เสียงจานอาหารกระทบพื้นห้อง เศษอาหารตกหล่นเรี่ยราด สายตาเกรี้ยวกราดไม่พอใจ เธออุตส่าห์ทำอาหารสุดฝีมือเพื่อเอาใจเขา ชายหนุ่มกลับมองเห็นนังน้องสาวพิการคนนั้นดีกว่า ทั้งที่เธอก็ปรนเปรอให้เขาถึงใจทุกครั้ง แต่มันก็ไม่เคยทำให้ผู้ชายคนนี้สยบแทบเท้าได้เลย
‘สักวันคุณจะต้องรักฉัน! คุณจะต้องสยบแทบเท้าฉันคุณปัญญ์! เมื่อถึงเวลานั้น... ฉันนี่แหละจะส่งนังน้องพิการของคุณไ ปอยู่สถานสงคราะห์เด็กพิการเอง คอยดู!”
หน้าตาสวยใสเมื่อสักครู่จ้องมองอย่างหมายมั่น โกรธ พาล และเสียอารมณ์เมื่อไม่เป็นตามที่ต้องการ หญิงสาวจึงเลือกที่จะออกไประเริงกับเพื่อนข้างนอก จะให้นอนแห้งแล้งอยู่ในคอนโดมีหวังเธอคงอกแตก สู้ออกไปสังสรรค์ด้านนอกตามประสาสาวโสดดีกว่า หญิงสาวไม่เสียเวลาคิด เธอก็เดินเฉิดฉายหายไปยังห้องแต่งตัว ส่วนข้าวของที่หล่นกระจายเต็มพื้นก็ค่อยว่ากันพรุ่งนี้
ไม่ใช่ไวยปัญญ์จะไม่รู้ว่าปารมีเองออกไปสังสรรค์ หรือเที่ยวผับบาร์ยามค่ำคืน แต่เธอก็ไม่เคยทำอะไรที่ไม่งาม หญิงสาวไม่เคยทำเรื่องเสื่อมเสีย หรือหิ้วปีกใครมาค้างด้วย นั่นก็ทำให้เขานึกทึ่งไม่น้อย ถ้าเกิดหญิงสาวอารมณ์เปลี่ยวมีใครอื่น เขาก็คงไม่เลี้ยงดูให้เสียเวลา จริงอยู่ที่เขาเป็นคนยุคใหม่ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ ถ้ามันผ่านมาก่อนที่จะเจอกัน แต่ถ้าหลังจากที่รู้จักกับตนเองแล้ว ไม่มีทางที่ไวยปัญญ์จะใจกว้าง
แต่ที่ผ่านมาหญิงสาวไม่เคยมีพฤติกรรมเช่นนั้น เพราะฉะนั้นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เขาก็ปล่อย หากมันเป็นความสุขของหญิงสาว ลำพังตนเองก็ไม่ได้ให้ความสุขกับเธอเต็มที่ เรียกว่าชายหนุ่มไม่ได้หยุดอยู่ที่เธอเพียงคนเดียว แม้จะเลี้ยงดูอย่างเป็นทางการ แต่ก็ยังไปค้างกับใครก็ได้ที่เขาต้องการ และเธอเหล่านั้นก็เต็มใจ
“กลับมาเร็วกว่าที่คิดอีกนะคะพี่ปัญญ์ น้องอันยังโชว์ฝีมือไม่เสร็จเลยค่ะ”
สาวน้อยนั่งอยู่บนรถเข็นเข็นล้อทั้งสองด้านมาหาผู้เป็นพี่ ไวยปัญญ์นั่งลงให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกัน กับน้อง ดวงตาคู่คมมองดูพวงแก้มสีชมพู คงร้อนจากการทำอาหารให้เขาทาน มือใหญ่ขยี้ศรีษะเล็ก ปีนี้อันดามันอายุครบ 22 ปีแล้ว แต่เธอก็ยังคงดูเหมือนน้องสาวตัวน้อยของเขาอยู่วันยังค่ำ ความสดใสน่ารักและยิ้มง่าย ทั้งยังเข้ากับทุกคนได้ง่าย ทำให้เขาเบาใจและคลายกังวลได้มากโข
“ไม่เห็นต้องลำบากเลย พี่ทานอะไรก็ได้”
“ไม่ลำบากเลยค่ะพี่ปัญญ์ น้องอันเต็มใจ พี่ปัญญ์มาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำก่อนดีไหมคะ น้องอันจะรอที่ห้องอาหารเลย หรือพี่ปัญญ์จะทานเลยคะ”
“แล้วคุณย่ากับคุณปู่ล่ะ”
“น้องอันให้คุณระวีไปตามให้แล้วค่ะ”
คุณระวีที่หญิงสาวพูดถึง คือพยาบาลประจำตัวเธอ เรียกว่าเห็นเธอมาตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ด้วยซ้ำ คุณพ่อได้ว่าจ้างให้นางมาดูแลมารดาในยามตั้งครรภ์ และหวังว่าพยาบาลผู้มากความสามารถ จะได้ดูแลทั้งลูกน้อยและภรรยา แต่น่าเสียดายนักที่นางได้ทำหน้าที่แค่ดูแลอันดามันเท่านั้น แม้ว่าอายุอานามของนางจะล่วง 45ปี แต่ยังคงมองเห็นเค้าความงามในยามสาวสะพรั่ง
“พี่หิวแล้วล่ะ งั้นเราทานกันเลยดีกว่า วันนี้มีอะไรให้พี่ทานบ้างเอ่ย”
คนตัวโตลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะหันมาเข็นรถของน้องสาวเข้าไปด้านใน พี่น้องคุยกันไปหัวเราะกันไปเป็นภาพแบบนี้เสมอ เด็กในบ้านเห็นแล้วก็พลอยมีรอยยิ้มไปด้วย ไม่มีใครไม่รู้ว่าไวยปัญญ์คุณผู้ชายของบ้านนั้นรักน้องสาวเพียงใด และน้องสาวนั้นก็น่ารักเพียงใด อดสงสารในวาสนาของคุณหนูน้อยๆ ของพวกเธอไม่ได้ ไม่น่าเกิดมาอาภัพ แต่ถึงกระนั้นในความอาภัพ ยังได้ส่งความมีจิตใจดีติดตัวมาด้วย ทำให้ทุกคนรักหญิงสาวไม่แพ้เจ้านายคนอื่นๆ
อาการมื้อค่ำจบลง พร้อมกับเสียงหัวเราะพูดคุย ตามประสาคนในครอบครัว ที่มีหลากเรื่องราวเล่าสู่กันฟัง อันดามันดูจะสนุกกว่าใค รเพราะเธอมีครูใหม่หลากหลายอาชีพหมุนเวียนเปลี่ยนมาสอนถึงที่บ้าน อย่างวันนี้ก็สอนทำอาหาร ซึ่งหญิงสาวก็เลือกที่จะเมนูอาหารจานโปรดให้พี่ชาย ไวยปัญญ์เห็นอาหารทุกอย่างบนโต๊ะแล้วอดยิ้มไม่ได้ แต่ใครจะรู้ว่าในรอยยิ้มนั้น จะแฝงความโกรธแค้นต่ออีกคนเอาไว้มากมาย ยิ่งเห็นน้องสาวพิกลพิการ ความแค้นยิ่งปะทุรอวันสะสาง และคิดว่ามันคงจะไม่นาน
ชายหนุ่มอยู่ในห้องทำงานเพียงลำพัง เขาวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก แววตาวาววับราวกับเพิ่งได้รับข่าวดีมาก็ไม่ปาน เก้าอี้เบาะนุ่มหุ้มหนังอย่างดีสีน้ำตาลถูกเอนอย่างสบาย เขาหลับตาพริ้ม เมื่อเหตุการณ์เลวร้ายขาดไร้ผู้รับผิดชอบหา เขาจะพิพากษาโทษทัณฑ์กับสมาชิกในครอบครัวคนชั่วช้าด้วยตัวเอง สิ่งไหนที่เขาเจ็บ คนพวกนั้นจะต้องเจ็บหลายร้อยเท่า คิดทบต้นทบดอกเรื่องเวลาแล้ว มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ
วันใหม่ สิทธิสาโรจน์ คือหญิงสาวผู้โชคดี ที่ได้รับตำแหน่งนักโทษบริสุทธิ์ ชดใช้ผลการกระทำของบิดาเธอเองด้วยความทุกข์ทรมานเจียนขาดใจ ไวยปัญญ์นึกถึงภาพเด็กหญิงตัวน้อย ดวงตากลมโตสีดำสนิท ภายใต้แผงคิ้วโก่งสวย และขนตางอนงาม จมูกนิดปากหน่อยจิ้มลิ้มน่ามอง ผิวพรรณขาวอมชมพู เด็กน้อยวัย 5 ขวบที่เขาได้พบเจอ ในวันที่ตนเองตามมารดาไปตรวจครรภ์ที่โรงพยาบาล เด็กน้อยได้แต่วิ่งตามเพื่อหวังจะให้ตนมาเล่นตุ๊กตาด้วยกัน แต่เด็กชายไวยปัญญ์ก็ปฏิเสธ ทำให้เด็กหญิงตัวเล็กร้องไห้จ้า จนบรรดาพี่ๆ พยาบาลต้องมาปลอบ ทำให้เขาและมารดารู้ว่าหนูน้อยมักจะตามบิดามาทำงานด้วยเสมอ ในวันหยุดหรือเลิกเรียนแล้ว
